เนื้อหาของแฟนตาซียูโรจะเขียนเป็นบทความยากนิดนึง เนื่องจาก Matchday 1-3 นั้นเตะติดกันแบบไม่มีพัก อย่าง EP นี้ ผมก็ต้องปั่นคืนวันอังคารต่อเช้าพุธ เพื่อจะให้ทันสำหรับการเตรียมทีมของทุกท่านสำหรับ Matchday 2
ระยะเวลาที่กระชั้น ทำให้อาจจะมีเวลาอ่านข้อมูลจากผมได้ไม่มาก ยังไงติดตามช่องทางอื่นที่เสริมไปด้วยจะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเฟซบุ๊ค, กลุ่มแชท หรือ Clubhouse ที่จัดกันไปคืนวันอังคาร กุนซือหลายท่านน่าจะเก็บข้อมูลได้ไม่มากก็น้อย
ดังนั้นในบทความยาวนี้ นอกจากสรุปผลทีมที่ผมใช้แชร์ให้ทุกท่าน และการสรุป The.Macho EURO League ผมจะพยายามแชร์ไอเดียจัดทีมเผื่อไปถึงหนทางข้างหน้าด้วย ลองติดตามกันดูครับ
สรุปผลประกอบการ
คะแนน Matchday 1 : 79 คะแนน
คะแนนรวม : 79 คะแนน
อันดับโลก : 13,229
อันดับไทย : 45
อันดับ The.Macho EURO League : 11
ทีมของผมใช้ชื่อว่า “Flying Dutchman” นะครับ โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้คะแนนค่อนข้างดีคือแนวรับครับ นอกจากจะคลีนชีตครบถ้วน (มีแค่เคียร์ที่พลาด แต่ก็สลับตัวได้) ยังมี attacking return จากสปินัซโซล่า และมูริเยร์ อีกด้วย
ส่วนการเลือกกัปตันอินซิเย่ตั้งแต่วันแรก ถึง 8 คะแนนจะน้อยกว่า 10 คะแนนของลูกากู แต่ส่วนต่าง 4 คะแนน (หลังคูณ 2) ก็ถือว่าไม่เสียหายเท่าไหร่ อย่างไรก็ดี การโผล่มายิงเบิ้ลในวันสุดท้ายของโรนัลโด้ ก็ส่งผลต่อคะแนนเช่นกัน เพราะมีกุนซือที่ถือสตาร์โปรตุเกสไม่น้อยเลย
ทีมที่เลือกมา ก็มีตัวที่หลุดไปเป็นสำรองอยู่เหมือนกัน ทั้งโมเรโน่ และครูล รวมถึงเคียร์ที่ถูกถอดออกในเกมกับฟินแลนด์ และอีริคเซ่นที่ต้องเปลี่ยนตัวออกแน่นอน เพราะคงไม่สามารถกลับมาเล่นในทัวร์นาเมนท์นี้ได้ทัน
วิเคราะห์ทีเด็ด
เนื่องจาก Matchday เตะค่อนข้างติดกัน ดังนั้นผมจะพูดภาพรวมของเทคนิคจัดตัวไปด้วย ไม่ใช่แค่แนะนำนักเตะเป็นตัวสำหรับ Matchday 2 เพียงอย่างเดียว
Wildcard ไม่แนะนำให้ใช้รอบแรก
ตัวช่วยมีอยู่แค่ 2 ตัวคือ Wildcard และ Limitless แต่ที่ไม่แนะนำให้ใช้ Wildcard ในรอบแรก มีเหตุผลหลักอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือเดี๋ยวจบ Matchday 3 เราก็จะได้ Unlimit Transfer แล้ว ดังนั้นไม่ค่อยคุ้มที่จะใช้ WC เพื่อผลแค่ระยะสั้น
อย่างที่ 2 ที่เคยแชร์ไป นั่นคือ Wildcard ดูจะเหมาะกว่า หากใช้ในรอบน็อคเอาท์ เพราะจะมีจำนวนทีมที่หายไปแต่ละรอบถึงครึ่งนึง อย่างจบรอบ 16 ทีม (MD4) ก็จะมีทีมตกรอบไปถึง 8 ทีม และหากมีเหตุพลิกล็อคขึ้นมา ตัวที่คุณเลือกก็อาจจะต้องล้างไพ่กันใหม่หลายตัว
Limitless จะใช้เมื่อไหร่
ความจริง Limitless น่าจะเหมาะสำหรับใช้ในรอบแรกมากกว่า จะเป็น MD2 หรือ 3 อันนี้แล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละทีม หรือใครคิดว่าทีมที่มี สามารถจัดสรรให้เล่นได้ครบ 3 นัดในรอบแรก จะเก็บ Limitless ไว้ใช้รอบน็อคเอาท์ ก็สามารถทำได้
ที่มันไม่ง่ายจะมีตัวลงเล่นรอบแรกทั้ง 3 นัดแบบครบครัน เพราะบางทีมใหญ่อาจจะชนะ 2 นัด แล้วเลือกโรเตชันในนัดสุดท้าย หรือทีมที่ฟอร์มไม่ดีนัก ก็อาจจะมีการสลับให้ตัวอื่นลงเล่นบ้าง เพื่อปรับเปลี่ยนแผน มันเลยคาดเดาได้ค่อนข้างยาก
ทีเด็ด Limitless สำหรับ MD2
การเลือกใช้ Limitless ใน MD2 เป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายเกจิแนะนำ โดยเราไม่ต้องสนใจโปรแกรมข้างหน้า เลือกเจาะจงเฉพาะนัดที่ 2 ไปเลย โดยคุณสมบัติสำคัญของ Limitless ยังสามารถเลือกตัวได้ไม่จำกัดงบอีกด้วย ดังนั้นจะจัดตัวแพงแค่ไหนก็ได้หมด
ผู้รักษาประตู
จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า (อิตาลี / 5.5 ล้านยูโร)
ถึงรูปแบบการเล่นใหม่ของอิตาลีจะเน้นเกมรุกเยอะ แต่เกมรับพวกเขายังยอดเยี่ยม การสอดประสานรู้ใจของโบนุชชี และคิเอลลินี ทำให้งานของดอนนารุมม่าเบาไปด้วย เกมที่เจอตุรกีที่ว่าอันตราย ยังแทบไม่ได้ออกแรง
เกมกับสวิตเซอร์แลนด์คงไม่ง่ายนัก แต่อิตาลีก็ยังเหนือกว่า โดยเฉพาะการครองเกม ซึ่งทำให้เกมรับเจอปัญหาน้อยลง “อัซซูรี” คงไม่อยากจะต้องรอการเข้ารอบไปถึงนัดสุดท้าย นัดนี้คงเน้นเก็บชัย และแนวรับย่อมมีลุ้นคลีนชีตอีกเช่นเคย
กองหลัง
เดนเซล ดัมฟรายส์ (ฮอลแลนด์ / 5.5 ล้านยูโร)
วิงแบ็คด้านขวาของ “อัศวินสีส้ม” เติมเกมรุกได้เมามันเหลือเกินในเกมชนะยูเครน นอกจากเป็นคนยิงประตูชัยแล้ว ตลอดเกมยังมีโอกาสทั้งยิง ทั้งจ่ายอยู่ตลอด เติมทีขยับเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษเลยทีเดียว
นัดที่ 2 ฮอลแลนด์จะเจอกับออสเตรีย แม้เกมรับของพวกเขายังแสดงให้เห็นว่ามีปัญหา แต่ด้วยศักยภาพที่ดีกว่า นอกจากลุ้น attacking return คลีนชีตก็ใช่ว่าจะไม่มีลุ้น การเลือกดัมฟรายส์จึงน่าจะคุ้มค่า ได้ลุ้น 2 ต่อ
กองกลาง
อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (ยูเครน / 8.5 ล้านยูโร)
ปีกจอมเทคนิคเป็นตัวสำรองส่วนใหญ่กับเวสต์แฮม แต่พอลงเล่นให้ทีมชาติทีไร ฟอร์มของยาร์โมเลนโก้จะกลับมาโดดเด่นทุกทีไป แม้ก่อนทัวร์นาเมนท์จะเริ่ม มีข่าวว่าไม่ค่อยฟิตก็ตาม
เกมนัดแรกกับฮอลแลนด์ ยาร์โมเลนโก้อันตรายมากทั้งเกมเซ็ตอัพขึ้นมา และเกมสวนกลับ การประสานงานกับหน้าเป้าอย่างยาเร็มชุค ก็ยอดเยี่ยม การเจอกับนอร์ธมาซิโดเนีย ที่ไม่ได้เหนียวแน่นอะไร จึงน่าสนใจยาร์โมเลนโก้มากเป็นพิเศษ
กองหน้า
คิลิยัน เอ็มปับเป้ (ฝรั่งเศส / 12 ล้านยูโร)
ถึงจะยิงในนัดแรกกับเยอรมันไม่ได้ (ยิง 1 จ่าย 1 แต่ล้ำหน้าไปก่อนทั้งหมด) แต่เอ็มปับเป้พิสูจน์ให้เห็นถึงการเข้าทำว่าอันตรายมากแค่ไหน สถานการณ์ที่ทีมชนะมาในนัดแรก น่าจะยิ่งทำให้เขามั่นใจ และเดินหน้าคว้าชัยต่อเนื่องในนัดกับฮังการี
ฮังการีเองเล่นไม่ได้แย่เลย แม้จะแพ้โปรตุเกสถึง 0-3 แต่เกมรับที่เน้นการเพรสซิ่งเข้าติดตัว น่าจะเล่นงานฝรั่งเศสลำบาก เพราะ “ตราไก่” มีตัวพลิกบอลคุณภาพเพียบ และยิ่งถ้าโดนนำไปก่อน แล้วพยายามดันเกมสู้ เอ็มปับเป้จะยิ่งมีพื้นที่ให้เล่นมากขึ้นไปอีก
ทีเด็ดเลือกควบสำหรับ Matchday 2-3
แนะนำเพิ่มเติมอีกหน่อย สำหรับใครที่อาจจะวางแผนไม่ใช้ตัวช่วยเลยใน Matchday 2 และ 3 (ถึงจะบอกว่า มันจะวางแผนยากก็ตาม) เอาแบบเน้นๆ หน่อยซัก 3 ตัว
กองหลัง
ซิเม เวอซาจโก้ (โครเอเชีย / 5 ล้านยูโร)
แบ็คจอมบุกของโครเอเชีย อาจจะเล่นได้ไม่ค่อยถนัดในนัดแรกกับอังกฤษ แต่กับการเจอเช็ก และสก็อตแลนด์ เชื่อว่าจะมีโอกาสลุ้นคลีนชีต รวมถึงการเติมเกมลุ้น attacking return มากขึ้นแน่นอน “ตราหมากรุก” แพ้มาในนัดแรก ยังไงก็ต้องเต็มที่ไม่โรเตชันใน 2 นัดที่เหลือแน่
กองกลาง
แซร์จ นาบรี้ (เยอรมัน / 9.5 ล้านยูโร)
เป็นการแนะนำที่สุ่มเสี่ยงหน่อย เพราะนัดแรกเองนาบรี้ก็ทำได้ไม่ดีนักในเกมแพ้ฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี ดูจากแนวรุกของเยอรมันรายอื่น ยังน่าจะมีใครเบียดขึ้นมาเป็นตัวจริงแทนเขายาก เพราะตัวสำรองที่ลงมาทั้งซาเน่, แวร์เนอร์, โฟลแลนด์ ต่างทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย เกม 2 นัดที่ต้องชนะทั้งกับโปรตุเกส และปิดท้ายด้วยฮังการี จึงน่าลองวัดใจ
กองหน้า
โรมัน ยาเร็มชุค (ยูเครน / 7 ล้านยูโร)
กองหน้าร่างใหญ่ แต่เคลื่อนที่ได้ยอดเยี่ยมของยูเครน แสดงให้เห็นคุณภาพในนัดแรกที่แพ้ฮอลแลนด์มาแล้ว เกมอีก 2 นัดที่เหลือนอกจากคู่แข่งจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ยูเครนยังต้องเน้นเพื่อเก็บชัยผ่านเข้ารอบ อยากได้กองหน้าทางเลือกก็ต้องตัวนี้เลย
จัดทีม วัดใจ
ไอเดียตอนแรกผมอยากจะใช้ Limitless ใน Matchday 2 แหละครับ แต่พอเห็นทิศทางของตัวที่เลือกมาทำได้ดี และมีโอกาสที่จะลงเล่นต่อในนัดที่ 2 (ยกเว้นบางตัวที่พูดถึงไปตอนสรุปผลด้านบน) จึงน่าจะเปลี่ยนแผนเป็นใช้ Limitless ใน Matchday 3 แทน
เมื่อหวังจะใช้ทีมชุดเดิมจาก Matchday 1 ต่อ โดยมี 2 Free Transfer ในมือ ก็ต้องดูทรงทีมเดิมก่อน ว่าของที่มีหน้าตายังไง
ตัวที่อาจจะหลุดจากตัวจริงในนัดที่ 2 ดูแนวโน้มแน่นอนคงเป็นครูล และอีริคเซ่น ส่วนตัวที่ต้องลุ้นต่อ คาดว่าเป็นเคียร์ และโมเรโน่ (อาจจะรวมถึงแฟร์รานด้วย แต่น่าห่วงน้อยกว่า) 3-4 ตัวนี้แหละคือตัวที่อาจจะต้องเปลี่ยนออก
อีริคเซ่นที่มีราคาระดับ 9 ล้านยูโร คงจะเอาไว้ไม่ได้ เพราะงบขนาดนี้ควรจะได้ตัวพรีเมียมเข้ามาแทน เช่น ไวจ์นาดุม, ยาร์โมเลนโก้ หรือจะหมุนงบไปเปลี่ยนกองหน้า หรือกองหลังก็ได้ ซึ่งต้องลองปรับดูก่อน
ทีมสุดท้ายจะเป็นอย่างไร รวมถึงการสลับตัวในแต่ละวัน ติดตามได้ที่กลุ่มเฟซบุ๊ค ผมจะแชร์ให้ทราบกันครับผม
กลุ่มเฟซบุ๊ค >> คลิกที่นี่ <<
กลุ่มแชทใน LINE OpenChat >> คลิกที่นี่ <<
The.Macho EURO League
ผ่าน Matchday 1 ไปเรียบร้อย สนุกกว่าที่คาดทีเดียว ด้วยความคึกคักของกุนซือแฟนตาซีบ้านเรา ที่สนใจเล่นกันไม่น้อย และรูปแบบของแฟนตาซียูโรเอง ซึ่งกระตุ้นให้เข้ามาเช็ค และจัดทีมทุกวัน ก็เพิ่มสีสันได้อย่างดี
นอกจากนั้น The.Macho EURO League ของเรา ยังมีการเพิ่มเติมรางวัลเข้ามาอีก นอกเหนือจากแชมป์จะได้เสื้อฟุตบอลทีมชาติของแท้แล้ว อันดับ 2-3 ยังได้ของพรีเมียมจาก Nissan ด้วย รวมถึงรางวัลพิเศษ ทีมที่คะแนนสูงสุดหลังจบรอบแรก (Matchday 3) ก็มีของพรีเมียมจาก Nissan แจกเพิ่มเข้าไปอีก / อ่านรายละเอียด และรางวัล >> คลิกที่นี่ <<
หลังจบ Matchday 1 ทีมที่ขึ้นมานำจ่าฝูงได้แก่ “AAZ” ที่ 86 คะแนน ตามมาไม่ห่างด้วย 2 ทีม “สมาคมคนรักครอบครัว” และ “Jin-Sung Park” ที่ 83 คะแนน และมีทีมได้ 81 คะแนนอีกเพียบเลย
ทีเด็ดของ “AAZ” คือการมีกองหน้าที่ทำแต้มคุณภาพถึง 2 ตัว ลูกากู (ใส่เป็นกัปตัน) และโรนัลโด้ แดนหลัง 6 ตัวรวมถึงผู้รักษาประตู เก็บคลีนชีตได้ครบถ้วน แถมมีมูนิเยร์ที่ attacking return เต็มที่ แต่น่าเสียดายที่ไวจ์นาดุม เป็นเพียงแค่สำรอง ไม่ได้เอามาคิดแต้ม
น่าจะครบถ้วนกับ EP นี้นะครับ อย่าลืมเรื่องที่เคยย้ำไปว่าแฟนตาซียูโร เล่นกันระยะสั้นแค่เพียง 7 Matchday เท่านั้น แถม 2 ใน 7 ยังมี Unlimit Transfer จากเกมอยู่แล้ว ดังนั้นตัวช่วยที่มี จึงควรวางแผนล่วงหน้าว่าจะใช้ใน MD ไหน
และสำหรับ Matchday 2 จะเตะต่อเนื่องเลย ดังนั้น Transfer Deadline คือ 20.00 น. ของวันพุธที่ 17 มิ.ย. หรือเวลาคิกออฟแมทช์แรกของ Matchday 2 นั่นเอง จัดเรียงทีมให้ถูกต้องตามลำดับวัน และเลือกกัปตันตามตัวที่ลงเล่นก่อนด้วย ขอให้โชคดีครับ
Picture : UEFA, Sky Sports, The Independent, Sportslens, Football365, Eurosport, BBC, Ligue 1, Croatia Week, Twitter, The Telegraph