อดีตนักเตะดังที่กลับมาเป็นกุนซือทีมเก่า - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
อดีตนักเตะดังที่กลับมาเป็นกุนซือทีมเก่า

สำหรับวงการฟุตบอลเมื่อนักเตะเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพ และอำลาสนามนั้น พวกเขาหลายๆคนเลือกที่จะทำงานในด้านนี้ต่อไปด้วยการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมโดยอาจจะเริ่มจากสโมสรเล็กๆ และก็ก้าวไปคุมทีมระดับยักษ์ใหญ่ในเวลาต่อมา

        ขณะเดียวกัน มีอดีตแข้งดังจำนวนหนึ่งที่ผันตัวมารับงานกุนซือ และมีโอกาสได้กุมบังเหียนต้นสังกัดเก่าของตัวเอง ซึ่งมีทั้งประสบความสำสำเร็จ และล้มเหลวแตกต่างกันไป

1. แฟรงค์ แลมพาร์ด

       อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษถือเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของ เชลซี หลังจากอยู่ค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ นานถึง 13 ฤดูกาล โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 648 เกม ซัดไปถึง 211 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และยูโรป้าลีก 1 สมัย

        ภายหลังแขวนสตั๊ด แลมพาร์ด เริ่มรับงานคุมทีม ดาร์บี้ เมื่อปี 2018 ก่อนจะเข้ามานำทัพ เชลซี ในซัมเมอร์ปี 2019 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก และโดนปลดจากตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมปี 2021

2. อันเดรีย ปิร์โล่

       ยอดเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอิตาลีประสบความสำเร็จอย่างมากตลอดอาชีพของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ซึ่งเขาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ร่วมกับทั้ง “ปีศาจแดงดำ” และ “เจ้าม้าลาย” รวมกันมากกว่า 10 สมัยเลยทีเดียว

        ปิร์โล่ อำลาสังเวียนหญ้าไปเมื่อปี 2017 โดยมี นิวยอร์ค ซิตี้ ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ เป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพ จากนั้น เขาก็ไปเรียนโค้ชก่อนจะกลับมาคุม ยูเวนตุส ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 และถูกดันขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในอีก 1 เดือนต่อมาแต่ล่าสุดเจ้าตัวโดนปลดไปแล้ว

3. โรนัลด์ คูมัน

       คูมัน เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า อย่างมาก เขาอยู่ค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นู นานถึง 6 ปี ลงเล่นไปมากถึง 264 เกม ซัดไป 88 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 4 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ อีก 1 สมัย

        หลังแขวนสตั๊ดเมื่อปี 1997 อดีตกองกลางชาวดัตช์ ก็เริ่มรับงานกุนซือกับ วิเทสส์ อาร์เน่ม จากนั้นก็ตระเวนไปคุม อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม, เบนฟิก้า, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น บาเลนเซีย, อาแซด อัลค์มาร์, เฟเยนูร์ด , เซาแธมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, ทีมชาติฮอลแลนด์ และมาคุม บาร์ซ่า เมื่อปี 2020

4. ฮานซี่ ฟลิค

       ฟลิค เป็นอดีตกองกลาง บาเยิร์น ในระหว่างปี 1985-1990 ลงเล่นไปมากกว่า 100 เกม และคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ถึง 4 สมัย ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับทีมเล็กๆอย่าง วิคตอเรีย บามเมนทอล เมื่อปี 2000 และเริ่มจับงานเทรนเนอร์

        ฟลิค ประสบความสำเร็จอย่างมากในตำแหน่งผู้ช่วยของ โจอาคิม เลิฟ ผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน หลังช่วยกันพา “อินทรีเหล็ก” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และเจ้าตัวก็เข้ามาเป็นผู้ช่วยกุนซือ นิโก้ โควัช ที่ บาเยิร์น เมื่อปี 2019 ก่อนจะถูกดันขึ้นมาแทน โควัช ในปีเดียวกัน

โค้ชวัย 56 ปี พา “เสือใต้” กวาดแชมป์มากมายตลอด 2 ปีที่เขานำทัพ และเจ้าตัวเพิ่งประกาศอำลา บาเยิร์น เพื่อเข้ารับงานคุมทีมชาติเยอรมันต่อจาก เลิฟ ที่ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบศึกยูโร 2020

5. โอเล่ กุนาร์ โซลชา

       โซลชา เป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด รักมากที่สุดหลังจากเจ้าตัวเคยค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด นานถึง 11 ปี ลงเล่นไปมากมากถึง 366 เกม ซัดไป 126 เกม พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย

       หลังแขวนสตั๊ดอดีตกองหน้าทีมชาตินอร์เวย ตะเวนไปคุมทีม โมลด์ ในลีกบ้านเกิด จากนั้น กลับมาทำงานในอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และหวนกลับไปคุม โมลด์ อีกครั้ง ก่อนจะมารับงานใหญ่คุม “ปีศาจแดง” เมื่อปี 2018 ถึง ณ เวลานี้

6. มิเกล อาร์เตต้า

       อดีตห้องเครื่องชาวสเปน เคยค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล นานถึง 5 ปี และยังได้รับเกียรติสวมปลอกแขนกัปตันทีม “ไอ้ปืนใหญ่” อีกด้วย โดย อาร์เตต้า พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ถึง 2 สมัย ก่อนจะอำลาสนามไปเมื่อปี 2016

        อาร์เตต้า เริ่มงานโค้ชด้วยการไปเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ชาวสเปนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และได้รับโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เมื่อปี 2019

7. ซีเนอดีน ซีดาน

       ตำนานเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศสเคยค้าแข้งกับสโมสรดังทั่วยุโรปอย่าง บอร์กโดซ์, ยูเวนตุส และประสบความสำเร็จอย่างมากกับ เรอัล มาดริด โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการมากถึง 239 เกม ซัดไป 49 ประตู พร้อมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย

        หลังอำลาสโมสรเมื่อปี 2006 ซีดาน เริ่มจับงานโค้ชกับทีมสำรองของ มาดริด ในระหว่างปี 2014-2016 ก่อนจะถูกดันขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา และพา “ราชันชุดขาว” กวาดแชมป์ยุโรปได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน จากนั้น เขาก็อำลาทีมไปเมื่อปี 2018 และหวนกลับมายังถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว อีกคำรบในปี 2019

        ล่าสุด ซีดาน กับ มาดริด ประกาศแยกทางกันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และยังไม่แน่ว่า โค้ชชาวฝรั่งเศสจะพักจาการคุมทีม หรือไปคุมสโมสรใหม่ในเร็วๆนี้

8. เมาริซิโอ โปเชตติโน่

       อดีตปราการหลังทีมชาติอาร์เจนติน่า ตระเวนไปค้าแข้งกับทีมดังทั่วยุโรปไล่ตั้งแต่ เอสปันญ่อล, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, บอร์กโดซ์ และหวนกลับไปยัง เอสปันญ่อล อีกครั้งก่อนจะแขวนสตั๊ดกับพลพรรค “นกแก้ว” เมื่อปี 2006

        โปเชตติโน่ เข้าสู่เส้นทางกุนซือด้วยการคุมทีมเก่าอย่าง เอสปันญ่อล ก่อนจะโยกมาทำงานในอังกฤษกับ เซาแธมป์ตัน และ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ จากนั้น เจ้าตัวได้รับงานคุม เปแอสเช เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 แทนที่ โธมัส ทูเคิ่ล โค้ชชาวเยอรมันที่โดนปลด

9. ดิเอโก้ ซิเมโอเน่

       ซิเมโอเน่ เป็นอีกหนึ่งในสุดยอดมิดฟิลด์ยุค 90 ซึ่งค้าแข้งให้กับสโมสรใหญ่ทั่วยุโรปอย่าง แอตเลติโก มารดริด, อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ ก่อนจะกลับไปแขวนสตั๊ดในอาร์เจนติน่าบ้านเกิดกับ ราซิง คลับ เมื่อปี 2006

        ซิเมโอเน่ เริ่มต้นทีมอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง ราซิง คลับ จากนั้น ตระเวนไปคุม เอสตูเดียนเตส, ริเวอร์ เพลท, ซาน โรเลนโซ่, คาตาเนีย และ ราซิง คลับ อีกครั้ง ก่อนจะมารับงานใหญ่คุม แอตฯ มาดริด เมื่อปี 2011 จนถึงปัจจุบันพร้อมกับได้รับการบันทุกสถิติว่า เป็นกุนซือที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในยุโรป

ภาพประกอบ : skysports.com, techiazi.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save