สู้กันมาเข้มข้นยาวนาน ตอนนี้ยูโร 2020 เหลืออีกเพียงแค่ 3 แมทช์สุดท้าย นั่นคือรอบรองชนะเลิศ (Matchday 6) ระหว่างอิตาลี-สเปน และอังกฤษ-เดนมาร์ก และรอบชิงชนะเลิศ (Matchday 7) โดยรายการชิงแชมป์ทวีปยุโรปนี้ จะไม่มีชิงที่ 3 แบบฟุตบอลโลกแต่อย่างใด
เนื่องจากจำนวนแมทช์ที่เหลือแค่นี้ ผมจะพูดในแง่มุมของแฟนตาซียูโร รวบยอดไปใน EP นี้เลย และจะมีอีก 1 บทความ เป็นการวิเคราะห์คู่ชิงชนะเลิศแบบภาพรวมแทน ซึ่งจะขึ้นให้ได้อ่านกัน ภายในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค. นี้
สำหรับการพูดถึง MD6-7 แบบรวบยอด นอกจากจะสรุปผลหลังจบ MD5 แล้ว ยังจะพูดแง่มุมในทุกเคสให้ครอบคลุม เพื่อมอบไอเดียในการจัดทีมให้คุณ เท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะมีตัวช่วยเหลือ 2 หรือ 1 อัน และการไม่มีตัวช่วยเหลือเลย ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่ม้วนเดียวจบ
สรุปผลประกอบการ
คะแนน Matchday 5 : 53 คะแนน
คะแนนรวม : 291 คะแนน
อันดับโลก : 92,514 (ตกมาจาก 80,634)
อันดับไทย : 403 (ตกมาจาก 315)
อันดับ The.Macho EURO League : 181 (ตกมาจาก 128)
หลังจากมีตัวกระเด็นตกรอบในรอบ 16 ทีม หรือ Matchday 4 จำนวนมากเกินกว่าจะเลี่ยงการใช้ Wildcard ข้อดีของการใช้ตัวช่วยสุดท้ายนี้กับ MD5 ก็คือผมเลือกทีมที่จะเข้ารอบค่อนข้างแม่นยำ มีนักเตะตกรอบไปแค่ 2 ราย บวกกับสปินัซโซล่า ที่บาดเจ็บหนักอีกราย โควตา Free Transfer ครอบคลุมได้สบาย
แต่ที่พลาดเป้าไป และรู้สึกไม่คุ้มค่าคือคะแนนที่ได้กลับมา โดยการหลีกเลี่ยงตัวจะโดนใบเหลือง เช่น อัลบา, คูฟาล, แม็คไกวร์ ต่างทำให้พลาดแต้มไปจำนวนมาก เช่นเดียวกับการไม่เลือกชอว์ เพราะซื้อการลงแน่นอนกว่าของสโตนส์ และไม่อยากเอียงไปมีอังกฤษมากถึง 5 ตัว เลยพลาดแต้มไปอีกชุดใหญ่
ส่วนการเลือกกัปตัน วันที่ 2 ผมจิ้มไปที่ดอลเบิร์ก เพราะต้องการฉีกเพื่อลุ้นเพิ่มอันดับ แม้สุดท้ายกองหน้าเดนส์จะยิงได้ แต่ก็มาเจอ 2 เม็ดของเคน (ผมชอบเคนมากกว่าราฮีม ตามที่แชร์ไปในกลุ่มเฟซ) บวกกับเหตุผลด้านบน ทำให้อันดับโดยรวมตกลงจากเดิม
สิ่งควรทราบสำหรับ Matchday 6-7
เนื่องจาก EP นี้จะพูดรวมรอบรอง และรอบชิงรวดเดียวไปเลย ก่อนจะไปแจกแจงไอเดียต่างๆ ในการจัดทีม ที่มีเคสเกี่ยวพันกับตัวช่วยที่เหลือ จะขออธิบายสิ่งที่ควรทราบสำหรับ Matchday 6-7 ก่อน เพราะมันเป็นไอเดียหลักที่ต้องรู้ก่อนวางแผนจัดทีม
ทุกแต้มสำคัญ ยิ่งลุ้นทำอันดับ
จากที่เคยแชร์ไป ว่าการติดลบจำนวนมากไม่เหมาะกับแฟนตาซียูโร เพราะมันแข่งกันแค่สั้นๆ อีกประเด็นสำคัญคือการแข่งขันในรอบรอง และรอบชิง อาจเจอเกมที่สูสีกว่าที่คิด โอกาสจะคลีนชีต หรือโอกาสจะยิงถล่มทลาย ก็อาจจะยากขึ้น การไปเสีย -8 หรือ -12 แทบจะทิ้งแต้ม โดยทวงคืนกลับมายาก
ยิ่งกับใครที่ลุ้นทำอันดับ ไม่ว่าจะอันดับรวม หรืออันดับลีกย่อย การเสียแต้มมากๆ ยิ่งควรหลีกเลี่ยง การบริหารตัวช่วยที่เหลือ และ 5 Free Transfer ใน 2 รอบที่เหลือ ย่อมมีความสำคัญ และควรคิดรวบยอดรวมไปเป็นสเต็ปเดียวกัน
รอบชิงใช้แค่ 11 ตัวก็พอ
เนื่องจากแฟนตาซียูโร มีเดดไลน์ที่ชนการคิกออฟคู่แรกของแต่ละ Matchday ซึ่งรอบชิงชนะเลิศ หรือ MD7 มันมีเตะกันแค่นัดเดียว ดังนั้นเราจะทราบไลน์อัพตัวจริงของคู่ชิงก่อนเดดไลน์อยู่แล้ว ดังนั้นการเลือกตัวไม่มีแต้ม ไม่ควรเกิดขึ้น
นอกจากนั้น เนื่องจากเตะคู่เดียว จึงมีแต่เพียงกลไก Auto sub เท่านั้นที่จะทำงาน หากมีนักเตะใน 11 ตัวจริงไม่ลงสนาม ซึ่งเอาเข้าจริง ถ้าเรามีโอกาสปรับทีมและรู้ไลน์อัพ เราไม่ควรทำให้มันเกิดเหตุแบบนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องการตัวทำคะแนนแค่ 11 ตัว สำรองไม่ต้องใช้เลย
ระวังมีตัวไม่ครบในนัดชิง
แม้กฎของแฟนตาซียูโร จะเปิดโอกาสให้คุณมีนักเตะชาติเดียวกันในนัดชิงได้มากถึง 8 ตัว (รอบรองได้ 6 ตัว) แต่ใช่ว่าความมั่นใจที่ทีมใดทีมนึงโดยเฉพาะ จะเป็นสิ่งถูกต้องเสมอไป
หลายคนคงมองโอกาสเข้ารอบของอังกฤษไว้สูงลิบ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ อย่าง อิตาลี, สเปน หรือเดนมาร์ก ดังนั้นกุนซือหลายคน อาจจะวางแผนล่วงหน้า มีขุนพลสิงโตคำรามถึง 6 ตัวในรอบรอง และเพิ่มมากขึ้นถึง 7-8 ตัวในนัดชิง
แต่ถ้าคิดในมุมกลับ หากเกิดเหตุพลิกล็อคขึ้นมา อย่างอังกฤษพ่ายเดนมาร์กตกรอบ โอกาสที่คุณจะมีนักเตะในรอบชิงไม่ถึง 11 ตัว (ด้วยการใช้ FT แบบไม่ติดลบ) ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการเฉลี่ยจัดนักเตะในรอบรองอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึง (ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความมั่นใจส่วนตัวด้วย)
เช่น ถ้ามั่นใจอังกฤษเยอะหน่อย ก็เลือกอังกฤษซัก 5 ตัว อีก 10 ตัวที่เหลือก็เลือกทีมอื่นแบบ 4/3/3 หรือ 4/4/2 ตามทีมที่มั่นใจ ถ้าอังกฤษพลาดพลั้งตกรอบขึ้นมา เราก็อาจจะสามารถใช้ 5 FT เพื่อปรับให้มี 11 ตัวในรอบชิงได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
ล้างใบเหลืองเรียบร้อยแล้ว
ยูโร 2020 เค้าล้างใบเหลืองเรียบร้อยแล้ว หลังจบรอบ 8 ทีม ดังนั้นไม่มีนักเตะติดแบนในรอบรองชนะเลิศแน่นอน และถ้าไม่จับพลัดจับผลูโดนไล่ออกในรอบรอง ก็จะได้เล่นนัดชิงแน่นอน หากผ่านเข้ารอบไปได้
เคสต่างๆ ในการจัดตัว Matchday 6-7
เมื่อทราบข้อจำกัดสำคัญที่จะเป็นกรอบให้เราต้องระมัดระวังแล้ว ก็มาถึงการบาลานซ์เคสต่างๆ ตามแต่เรามีตัวช่วย เพื่อการจัดทีมให้ดีที่สุด ซึ่งผมจะพยายามอธิบายเป็นเคสๆ ให้ครบตามนี้
เคสเหลือตัวช่วย 2 ตัวครบ
เคสแรกที่น่าอิจฉา นั่นคือมีตัวช่วย Wildcard และ Limitless ครบถ้วนทั้ง 2 ตัวช่วย อันนี้ขอแนะนำไม่อ้อมค้อม ว่าควรใช้ Limitless กับ Matchday 6 และใช้ Wildcard กับ Matchday 7
เหตุผลง่ายๆ อย่างแรก ตามที่พูดไป นั่นคือรอบชิง หรือ MD7 เราต้องการนักเตะแค่เพียง 11 คนเท่านั้น ดังนั้นเรื่องงบประมาณจึงน่าจะเป็นปัญหาน้อยกว่า MD6 ซึ่งเราอาจจะต้องการนักเตะให้มากที่สุดทั้ง 15 ตัว เพื่อสลับลงใน 2 วัน เพื่อลุ้นตัวที่ทำคะแนนสูงสุด จึงควรใช้ Limitless ก่อน และตามด้วย Wildcard
ถามว่าใช้ Wildcard ก่อนแล้วตามด้วย Limitless ได้มั้ย จริงๆ ก็ไม่ผิด อาจจะลองกะเก็งคู่ชิงดูก็ได้ แล้วเลือกนักเตะที่แพงที่สุดของ 2 ทีมนั้นให้ได้ 11 ตัวที่ชอบ ถ้างบมันล้นจริงๆ ก็อาจจะเลือกใช้ Wildcard ก่อน แล้วค่อยใช้ Limitless ก็ได้ แล้วแต่เลย
เคสเหลือตัวช่วยแค่ Wildcard
เคสนี้คงต้องขึ้นอยู่กับทีมของคุณ ว่ามีนักเตะเหลือรอดจากรอบ 8 ทีม มาเล่นใน Matchday 6 เยอะ และถูกใจคุณมากแค่ไหน (หลังใช้ 5 Free Transfer แล้ว) หากเพียงพอลุ้นแต้ม และไม่ขัดใจเรามากนัก ก็เก็บ Wildcard ไว้ใช้ในรอบชิงได้
แต่ถ้าตัวที่จะใช้ใน MD6 มันไม่ถูกใจเท่าไหร่ จะใช้ Wildcard ในรอบรองก็ไม่ผิด เพียงแต่ต้องระมัดระวังข้อจำกัดต่างๆ ที่พูดไปข้างต้น โดยเฉพาะการให้มีนักเตะในรอบชิงครบ 11 ตัว ต้องบาลานซ์ความมั่นใจ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ดี
เคสเหลือตัวช่วยแค่ Limitless
จริงๆ แล้วการเหลือตัวช่วยแค่ Limitless จะแตกต่างจาก Wildcard ตรงที่หากเราใช้ Limitless ใน Matchday 6 บีบให้เราต้องใช้ทีมจาก Matchday 5 สำหรับรอบชิง ซึ่งต้องประเมินว่า บวกกับการใช้ 5 Free Transfer แล้ว มันไหวมั้ย
หากมองว่า ทีมจาก MD5 น่าจะมีลุ้นใช้ต่อกับ MD7 ได้ การใช้ Limitless กับ MD6 ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเราจะสามารถจัดการทีม โดยคัดเลือกเน้นๆ จาก 4 ทีมในรอบรอง โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะเข้ารอบหรือตกรอบ เพราะเราประเมินทีมจาก MD5 ไว้ล่วงหน้าแล้ว
เคสไม่เหลือตัวช่วยแล้ว
เคสนี้น่าจะมีรายละเอียดหลากหลายกันไป ขึ้นอยู่กับว่ามีตัวสำหรับ Matchday 6 มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี ด้วยรอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่ค่อยมีพลิกล็อคมากนัก อย่างอังกฤษ และสเปน ก็ผ่านเข้ารอบมาได้ ส่วนอิตาลี และเดนมาร์ก ที่ชนะเบลเยียม และสาธารณรัฐเช็ก ก็ไม่ถือว่าเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด ตัวที่หลายคนมี จึงน่าจะพอไปต่อไหว
หากตัวที่มีสำหรับ MD6 สามารถครอบคลุมได้ด้วยการเปลี่ยน 5 Free Transfer ได้ คุณก็สามารถวางแผนได้สะดวก โดยมองเผื่อไปถึงรอบชิง จะเพลย์เซฟหน่อย ด้วยการเฉลี่ยนักเตะแต่ละทีมอย่างที่แนะนำไป หรือจะมุ่งหน้ามั่นใจทีมใดทีมนึง อันนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจ
ส่วนใครที่ยังประสบปัญหา ใช้ 5 FT ก็ยังมีตัวลงเล่นได้ไม่ครบ 15 ตัวใน MD6 ก็ขอให้ทำตามคำแนะนำเดิม พยายามเลือกตัวที่น่าจะผ่านเข้าชิงให้ได้มากที่สุด และลดความเสี่ยงเลือกตัวที่อาจจะถูกดร็อปเป็นสำรอง พร้อมเน้นตัวที่จะเปลี่ยนเข้ามา ให้มีลุ้นทำคะแนนเพดานสูงๆ
ย้ำอีกที ว่ารอบชิงเราต้องการใช้ตัวลงสนามแค่ 11 ตัวเท่านั้น (ยกเว้นจะอยากเสี่ยงแปลกๆ เช่น เลือกพวกเริ่มจากนั่งสำรอง แล้วลุ้นลงมาทำแต้ม แบบกรีลิช อะไรแบบนี้ ซึ่งลึกล้ำมาก!) ดังนั้นไม่ต้องตื่นเต้นไปเทียบว่านัดชิงต้องมีครบ 15 คน เหมือนในรอบรอง มองข้ามช็อตดีๆ
แนะนำทีเด็ด : Matchday 6
อย่างที่เกริ่นไป ว่าถึงแม้จะพูดเรื่องแฟนตาซีรวบยอด Matchday 6-7 ใน EP นี้เลย แต่เดี๋ยวผมจะเขียนบทความพรีวิวนัดชิงยูโร 2020 อีกทีแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ดังนั้นเรื่องแนะนำทีเด็ดใน EP นี้ เลยจะขอโฟกัสไปที่รอบรอง หรือ Matchday 6 เป็นสำคัญ
ผู้รักษาประตู
จอร์แดน พิคฟอร์ด (อังกฤษ / 5.8 ล้านยูโร)
ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเทียบกัน 4 ทีม อังกฤษยังมีภาษีดีที่สุดที่จะรักษาคลีนชีตได้ จากทั้งฟอร์มที่ลงเล่นมาตลอดทัวร์นาเมนท์ยังไม่เสียประตู, สไตล์การเล่นที่รัดกุม เหนียวแน่น และพละกำลังที่ได้เปรียบเดนมาร์กที่กรำศึกมาหนัก
ยังคาดเดาได้ยากว่าเซาธ์เกตจะเลือกระบบหลัง 3 หรือหลัง 4 ในการลงดวลกับ “โคนม” ในรอบรองชนะเลิศ แต่คาดว่าประสิทธิภาพของเกมรับพวกเขายังคงแข็งแกร่งทั้ง 2 ระบบ นอกจากคู่เซ็นเตอร์ที่กำลังมั่นใจ คู่กลางอย่างไรซ์ และฟิลลิปส์ ยังช่วยกันแข็งขัน ซึ่งมีส่วนทำให้พิคฟอร์ดคู่ควรแก่การเลือกมากที่สุดตามไปด้วย
กองหลัง
ลีโอนาร์โด โบนุชชี (อิตาลี / 5.7 ล้านยูโร)
ความจริงแคนดิเดตกองหลังมันก็ต้องมองไปที่อังกฤษแหละ ชอว์, แม็คไกวร์, สโตนส์ ภาษีดูมีลุ้นคลีนชีตมากที่สุด (และอาจจะรวมถึง attacking return) แต่ถ้าจะเลือกทีมที่รองลงมา ผมชอบอิตาลีมากที่สุด ถึงตัวโปรดอย่างสปินัซโซล่า จะเจ็บไปก่อนอย่างน่าเสียดาย
โบนุชชีเป็นแกนหลักสำคัญในแนวรับอย่างไม่ต้องสงสัย และอิตาลีเองก็ยังถือว่ามีเกมรับเหนียวแน่นใช้ได้ ลูกที่เสียให้เบลเยียมก็ดูเป็นจุดโทษที่ก้ำกึ่ง แถมอีกมุมนึงที่แนะนำโบนุชชี ก็เพราะเขาเองมีทีเด็ดในการเติมขึ้นมาลุ้นเซ็ตพีซเช่นกัน นัดที่แล้วก็ทำประตูได้ แต่ล้ำหน้าก่อน การเจอสเปนที่เกมรับยังไม่นิ่ง ย่อมมีลุ้นอีกหนแน่นอน
กองกลาง
นิโคโล่ บาเรลล่า (อิตาลี / 7.3 ล้านยูโร)
พูดถึงแดนกลาง ฝั่งอังกฤษคงเป็นราฮีม และถ้าเป็นฝั่งอิตาลี ก็น่าจะเป็นอินซิเย่ ที่นอกจากเป็นตัวรุกที่การันตีตัวจริง ยังเพิ่งซัดประตูสุดสวยมา แต่ที่หันมาแนะนำบาเรลล่า เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นอีกหนึ่งนักเตะปิดทองหลังพระที่เล่นได้เด่นมากๆ ทั้งรุกและรับ และมักจะเป็นตัวที่ฝั่งตรงข้ามคาดไม่ถึง ว่าเขาจะสอดขึ้นมาลุ้นประตูในหลายจังหวะ
ความจริงเกมกับสเปนมันไม่ได้แบเบอร์สำหรับ “อัซซูรี” หรอก แม้จะดูเป็นต่อด้านความแน่นอน แต่ฝั่ง “กระทิงดุ” เอง กองกลางไม่มีตัวรุกที่น่าเลือกเท่าไหร่ แฟร์รานกับซาราเบียที่ลงตัวจริง 2 นัดหลัง ก็ฟอร์มติดๆ ดับๆ และมีโอกาสถูกถอดเป็นสำรองเมื่อไหร่ก็ได้ (ข้อดีคือเราจะเช็คไลน์อัพสเปนได้ก่อนเดดไลน์) ดังนั้นถ้าจะเชียร์แดนกลาง จึงมองไปที่อิตาลีมากกว่า
กองหน้า
แฮร์รี เคน (อังกฤษ / 11.6 ล้านยูโร)
คงจะมีติดทีมกันเป็นส่วนใหญ่แหละ แต่ที่เลือกมาแนะนำอีกหน เพราะเขาเป็นแคนดิเดตกัปตันได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ ด้วยฟอร์มที่เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง และใช้โอกาสไม่ค่อยเปลือง ทำให้เคนยังมีลุ้นดาวซัลโว โดยตามโรนัลโด้อยู่ 2 ประตู
เกมรับเป็นอีกจุดเด่นของเดนมาร์ก ที่ทำให้พวกเขามาไกลกว่าที่หลายคนคาด แต่ “โคนม” เอง ก็เสียประตูมาแทบทุกนัดในทัวร์นาเมนท์นี้ นักเตะของพวกเขาก็แสดงอาการป้อแป้ท้ายเกมให้เห็นมาตลอด ช่องมีให้ “สิงโตคำราม” จู่โจมแน่นอนแหละ ขึ้นอยู่กับว่าจะเฉียบคมแค่ไหน
The.Macho EURO League
งวดเข้ามาทุกทีแล้ว หลังผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็เท่ากับเหลืออีกแค่ 2 Matchday สุดท้ายให้ได้ลุ้นกัน แต้มน่าจะโกยกันได้ไม่มากมายนัก หากใครพลาดมีโอกาสน้ำตาตกได้เลยทีเดียว
ตารางคะแนนของ The.Macho EURO League หลังจบ MD5 เราได้จ่าฝูงใหม่แบบเป็นกลุ่มก้อน เพราะมีถึง 3 ทีมคะแนนเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็น “Chaeng Soo FC”, “Real Slim Chady” และ “woodygg” ที่ทำได้ 357 คะแนน เท่ากันเป๊ะ ตามมาด้วยจ่าฝูงเดิมอย่าง “Athena Owl” ที่ไล่หลังมาติดๆ ที่ 354 คะแนน
ขอหยิบทีมที่น่าสนใจจาก 1 ใน 3 จ่าฝูง มาให้ดูอย่าง “Chaeng Soo FC” ที่ทำได้ 76 คะแนน จากการใช้ตัวช่วยสุดท้ายที่มีอย่าง Wildcard และเลือกกัปตันเคนเข้าเป้า นอกจากนั้นยังโกยคะแนนเน้นๆ กับ ชอว์, แม็คไกวร์, อินซิเย่ ถือว่ามาครบครัน และประสบผลดีในเรื่องมีนักเตะเข้ารอบต่อไปครบ 15 ตัว โดยมีแค่สปินัซโซล่ารายเดียว ที่เจ็บไป นอกนั้นจัดแจง Matchday 6 ได้สะดวกโยธิน
ลุ้นสนุกกันแน่นอนกับ The.Macho EURO League ว่าใครจะซิวแชมป์ คว้าเสื้อบอลของแท้ และฮาร์ดดิสก์พกพาจาก WD ไปครอง เช่นเดียวกับคะแนนของทุกท่านในช่วงโค้งสุดท้าย ดังนั้นการจัดทีมสำหรับ Matchday 6-7 จึงยังต้องเน้นกันให้ดี โดยหวังว่าไอเดียต่างๆ ที่แชร์ในบทความนี้จะครบถ้วน ช่วยได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนไอเดียการจัดทีมของผม แชร์ให้ทราบกันเหมือนเดิมในวันเดดไลน์ที่กลุ่มเฟซแน่นอน การพูดคุยใน Clubhouse ก็จะมีจัดกันอีกแน่นอน รอติดตามกำหนดการกันอีกที สามารถ follow ผมได้ที่ @rocketseer หวังว่าจะช่วยกุนซือทุกท่านวางแผนได้แม่นยำ โชคดีและสนุกกับโค้งสุดท้ายกันนะครับ
กลุ่มเฟซบุ๊ค >> คลิกที่นี่ <<
กลุ่มแชทใน LINE OpenChat >> คลิกที่นี่ <<
Picture : UEFA, Sky Sports, AS, Goal.com, Football365, Alley Sport, India Today, Wembley Stadium, Ruetir, Today UK News, La Città News, 90Min, Eurosport