หากเอ่ยถึงสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเชื่อได้ว่า หลายๆคนต้องคิดถึงชื่อ เรอัล มาดริด อย่างแน่นอน เพราะตลอดทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา “ราชันชุดขาว” มีผู้เล่นระดับตำนานมากมาย และยังสนามเหย้าอย่าง ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ที่จุแฟนบอลได้ถึง 80,000 คนเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน การเป็นกุนซือ มาดริด นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากคนที่จะเข้ามาทำงานต้องเจอกับแรงกดดันอย่างหนัก เพราะนอกจากฝีมือแล้วก็ต้องเจอกับการรับมือนักเตะระดับโลกด้วย ซึ่งเทรนเนอร์ 5 รายต่อไปนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า การเป็นนายใหญ่ “ราชันชุดขาว” เป็นงานที่ยากสุดๆ
1. อาร์เซนิโอ อิเกลเซียส (มกราคม – มิถุนายน ปี 1996)
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์คว้าอันดับ 3 ในลาลีกา พร้อมกับคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยโคปา เด เลย์ ในฤดูกาล 1994-1995 มาครองได้อย่างยอดเยี่ยม อิเกลเซียส ก็เตรียมประกาศอำลาวงการในช่วงซัมเมอร์
อย่างไรก็ตาม อิเกลเซียส ได้รับการติดต่อจาก มาดริด ให้เข้ามาคุมทีมแทน ฮอร์เก้ วัลดาโน่ อดีตโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ ที่โดนไล่ออกหลังพา “ราชันชุดขาว” ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ด้วยการล่วงมาอยู่อันดับ 6 ในตารางคะแนน พร้อมกับหมดลุ้นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว
อิเกลเซียส ไม่ได้ทำให้ มาดริด ดีขึ้นเลย เขาพาทีมตกรอบฟุตบอลยุโรปหลังพ่าย ยูเวนตุส และพา “ราชันชุดขาว” จบซีซั่นด้วยอันดับ 6 อดไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1977 อีกด้วย
2. ฆวน รามอน โลเปซ กาโร (ธันวาคม ปี 2005 – มิถุนายน ปี 2006)
การที่ มาดริด ตัดสินใจแต่งตั้ง กาโร เข้ามาคุมทีมนั้น ทำให้หลายคนประหลาดใจไม่น้อย เนื่องจากเขาไม่เคยทำงานในลีกสูงสุดมาก่อน โดยใช้เวลา 4 ปีในการคุมทัพ “ราชันชุดขาว” ชุดบี แต่บอร์ดบริหารคิดว่า กาโร ทำหน้าที่ได้ดีกว่า วันเดอร์เลย์ ลุกชอมบูร์โก อดีตโค้ชแซมบ้าที่โดนไล่ออก
สิ่งที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง กาโร พา มาดริด ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการพ่าย อาร์เซน่อล แถมยังพาทีมโดน มายอร์ก้า ถล่มเละเทะ 1-6 ในฟุตบอลโคปา เด เลย์ รวมถึงถูกคู่อริตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า ทำแต้มทิ้งห่างถึง 12 คะแนนหลังจบฤดูกาล ซึ่งผลงานดังกล่าวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาโดนตะเพิดช่วงซัมเมอร์
3. ฆูเลน โลเปเตกี (กรกฏาคม – ตุลาคม ปี 2018)
โลเปเตกี ตกเป็นพาดหัวข่าวอย่างหนักหลังจากที่เปิดตัวเป็นกุนซือคนใหม่ของ มาดริด ต่อจาก ซีเนดีน ซีดาน อดีตเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสทั้งที่ตัวเองยังคงเป็นผู้จัดการทีมชาติสเปน ซึ่งกำลังจะพา “กระทิงดุ” ไปลุยฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
จากการเปิดตัวดังกล่าวส่งผลให้ โลเปเตกี โดนสหพันธ์ฟุตบอลสเปนไล่ออกจากตำแหน่งก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้นเพียงวันเดียวเท่านั้น และในเกมแรกของเขากับ มาดริด ก็ทำผลงานย่ำแย่ทันทีด้วยการพาทีมโดนคู่แค้นร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด ถล่ม 2-4
ต่อมาในศึก “เอลกาซิโก” โลเปเตกี ก็ยังไม่ฟื้นหลังพา มาดริด โดน บาร์เซโลน่า อัดไปถึง 1-5 และถึงแม้หลังเกมเจ้าตัวจะยืนยันว่า จิตใจแข็งแกร่งพร้อมจะทำงานต่อไป แต่บอร์ดบริหาร “ราชันชุดขาว” ก็ไม่ทน และตัดสินใจไล่เขาออกทันทีพร้อมกับให้ ซานติอาโก โซลารี เข้ามาทำงานแทน
4. โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ (พฤษภาคม – กันยายน ปี 2004)
ในปี 2004 คามาโช่ ต้องเจอหายนะกับ มาดริด เป็นครั้งที่ 2 หลังจากหวนกลับมาทำงาน โดยก่อนหน้านี้ในปี 1998 เจ้าตัวใช้เวลาเพียง 23 วันกับตำแหน่งนายใหญ่ “ราชันชุดขาว” เนื่องจากมีปัญหากับ ลอเรนโซ ซานซ์ อดีตประธานสโมสร
คำรบที่ 2 ของ คามาโช่ ในถิ่นซานติอโก้ เบอร์นาบิว เหมือนจะไปได้สวยหลังพาทีมเปิดตัวชนะในลีก 2 เกมแรกรวมถึงโชว์ฟอร์มหรูอัด ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 3-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เขากับดร็อป 2 ซุเปอร์สตาร์อย่าง เดวิด เบ็คแฮม กับ ราอูล กอนซาเลซ แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในเกมต่อมากับ เอสปันญ่อล ซึ่ง “ราชันชุดขาว” ก็พ่ายไปแบบสุดช็อก 0-1
พฤติกรรมที่แข็งกร้าวของ คามาโช่ ทำให้ โรแบร์โต้ คาร์ลอส อดีตแบ็คซ้าย มาดริด ออกมาวิจารณ์เขาอย่างหนัก และหลังจากนั้นไม่นาน คามาโช่ ก็ประกาศลาออกพร้อมระบุว่า บรรดาผู้เล่นขาใหญ่ “ราชันชุดขาว” มีส่วนที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้
5. มาเรียโน่ การ์เซีย รามอน (กันยายน – ธันวาคม ปี 2004)
รามอน ซึ่งเป็นมือขวา และเพื่อนสนิทของ โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ อดีตเทรนเนอร์ มาดริด นั้น เป็นคนที่บอร์ดบริหารแต่งตั้งมาเพื่อขึ้นเวลา ซึ่งเจ้าตัวก็ทำงานด้วยความยากลำบากในการรับมือกับบรรดาแข้งระดับพันล้านของ “ราชันชุดขาว”
รามอน ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ และไม่สามารถควบคุมผู้เล่น มาดริด ได้ และเจ้าตัวก็โดนไล่ออกหลังทำงานได้เพียง 101 วัน
ภาพประกอบ : lagalerna.com, sportyou.es, 90min.com,futbolred.com, alchetron.com