ย้อนกลับไปในปี 1995 ฌอง-มาร์ก บอสแมน อดีตกองกลางชาวเบลเยียม ถือเป็นคนปฏิวัติการย้ายสังกัดของนักฟุตบอลแบบไม่มีค่าตัวไปตลอดกาลจนถึง ณ ปัจจุบัน ซึ่งทำให้แข้งที่กำลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิมนั้น สามารถเจรจากับสโมสรอื่นได้ทันทีที่เข้าสู่ 6 เดือนสุดท้ายของสัญญา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีนักเตะชื่อดังหลายต่อหลายคนเลือกย้ายทีมตามกฎ “บอสแมน” และนี่คือโฉมหน้าของเหล่าแข่งไร้ค่าตัวที่ได้รับการบันทึกว่า คุ้มค่าที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง
1. โซล แคมป์เบล (ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ไปยัง อาร์เซน่อล ปี 2001)

หนึ่งในการย้ายทีมที่สร้างความโกรธแค้นให้กับแฟนบอล สเปอร์ส มากที่สุดคือการที่ แคมป์เบล ซึ่งเป็นเด็กลูกหม้อของสโมสรตัดสินใจย้ายไปเล่นกับคู่อริตลอดกลาอย่าง “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ในปี 2001 แบบไร้ค่าตัว
อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษโดนสาวก “ไก่เดือยทอง” โจมตีว่า เป็นคนทรยศ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาใส่ใจมากนักหลังจากโชว์ผลงานพา อาร์เซน่อล ยุคกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย ตลอด 5 ปีกับ “เดอะ กันเนอร์ส”
2. เอสเตบัน กัมบิอัซโซ่ (เรอัล มาดริด ไปยัง อินเตอร์ มิลาน ปี 2004)

กัมบิอัซโซ่ เป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่เคยทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ รอดตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในปี 2004 แต่สิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกจดจำเขาได้มากที่สุดคือ ช่วงที่อดีตมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติอาร์เจนติน่าค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน
กัมบิอัซโซ่ เคยเป็นเด็กในอคาเดมี่ของ มาดริด แต่ไม่มีโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ “ราชันชุดขาว” มากเท่าที่ควรจึงทำให้เจ้าตัวย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ แบบไม่มีค่าตัวในปี 2004 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของเขา และพลพรรค “เนรัซซูรี่”
ตลอด 9 ปี กับ อินเตอร์ อดีตห้องเครื่อง “ฟ้าขาว” พาพลพรรค “งูใหญ่” คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ถึง 5 สมัย, โคปา อิตาเลีย 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย จากนั้น ก็ไปเล่นกับ เลสเตอร์ ช่วงปลายอาชีพ
3. อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ไป ยูเวนตุส ปี 2011)

การตัดสินใจแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ ยอดเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน เข้ามานำทัพของ ยูเวนตุส ในปี 2001 นั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นในการครองความสำเร็จของพวกเขา แต่การได้ ปิร์โล่ มาจาก มิลาน แบบไร้ค่าตัวในปีเดียวกัน มันเป็นการทำธุรกิจที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ “เจ้าม้าลาย” เลยก็ว่าได้
หลังจากรับใช้ มิลาน มานาน 10 ปี ปิร์โล่ ถูกมองว่า เลยจุดพีคไปแล้ว แต่ ยูเวนตุส ยังเห็นศักยภาพในตัวเขาจึงคว้าตัวมาร่วมทีม โดยเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอิตาลียืนปักหลักบัญชาเกมแดนกลางให้กับ “เจ้าม้าลาย” ได้อย่างสุดยอด และคอยประคองทีมนานถึง 4 ปีเต็ม
ปิร์โล่ พา ยูเวนตุส คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ นิวยอร์ค ซิตี้ ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ และหวนกลับมาเป็นโค้ชเยาวชน “เจ้าม้าลาย” 1 เดือน จากนั้น ได้ผลักดันให้คุมทีมชุดใหญ่เกือบ 1 ปี แต่น่าเสียดายที่เขาทำผลงานไม่ดี และต้องแยกทางกันในที่สุด
4. ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป ยูเวนตุส ปี 2012)

หากวัดกันในเรื่องจำนวนเงิน และมองตามแนวทางธุรกิจ ยูเวนตุส ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลในการคว้า ป็อกบา มาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัวในปี 2012 ก่อนจะขายกลับคืนให้ “ปีศาจแดง” ในราคา 89 ล้านปอนด์
ตลอดระยะเวลา 4 ปี กับ ยูเวนตุส ป็อกบา ค่อยๆพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นกลางกลางระดับโลกอย่างทุกวันนี้ เขาพา “เจ้าม้าลาย” คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย และโคปา อิตาเลีย 1 สมัย ก่อนจะทำกำไรก้อนโตให้กับสโมสรหลังย้ายกลับไป แมนฯ ยูไนเต็ด
5. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป บาเยิร์น มิวนิค ปี 2014)

เมื่อ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปฏิเสธที่จะขาย เลวานดอฟสกี้ ให้กับ บาเยิร์น ในปี 2013 พวกเขาก็รู้ดีว่า อีกหนึ่งปีต่อมาก็ต้องจำใจเสียกองหน้าทีมชาติโปแลนด์ให้กับ “เสือใต้” แบบไร้ค่าตัว ซึ่งมันเป็นเป็นแบบที่แฟนบอล “เสือเหลือง” คิดเอาไว้จริงๆ
ระยะเวลา 7 ปี กับ บาเยอร์น เลวานดอฟสกี้ ถล่มประตูได้อย่างสม่ำเสมอ และฟอร์มการเล่นแทบไม่ตกลงไปเลย เขาซัดไปเกิน 290 ประตู จากการลงสนามรวมทุกรายการเกิน 330 เกม และพา “เสือใต้” กวาดแชมป์บุนเดสลีกา 7 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
ภาพประกอบ : skysports.com