4 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณออกจากเฟรนด์โซน

เฟรนด์โซน เป็นสถานที่อันตรายที่ใครๆ ก็ไม่อยากเยียบย่างเข้าไป…และแน่นอนว่าการพัฒนาความสัมพันธ์แบบชาย-หญิง คงไม่มีใครอยากจบลงที่เฟรนด์โซนหรอกจริงมั๊ย แต่เรื่องความรู้สึกมันก็บังคับกันไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้หลายๆคนต้องเข้าไปติดอยู่ในสถานะคำว่าเพื่อนอย่างจำใจ การที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ไม่อาจขยับสถานะความสัมพันธ์จากเพื่อนเลื่อนไปเป็นแฟนได้นั้น มันอาจเป็นเพราะคุณเองก็พอใจที่จะเป็นเพื่อนกัน (จนกว่าคุณจะจับความรู้สึกบางอย่างได้) หรือบางทีคุณอาจรู้สึกหวาดกลัวเกินกว่าจะเคลื่อนไหว เลยต้องจำใจเพย์เซฟเอาไว้ก่อน และยอมรับบทบาทของเพื่อนเพราะไม่อยากเสียเธอไป

แต่การจะหลุดออกจากเฟรนด์โซนนั้น ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีวิธี และแน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ใช้ความพยายาม และกลวิธีที่จะเปลี่ยนจากเพื่อนไปสู่การออกเดท ด้วย 4 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรอดตายจากเฟรนด์โซน มาดูกันว่าถ้าไม่อยากเป็นแค่เพื่อน แล้วจะเลื่อนระดับความสัมพันธ์ได้ยังไง

1. ค่อยๆ หยอด…เว้นระยะปลอดภัย

คุณจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้การออกจากโซนเพื่อนเป็นไปอย่างราบรื่น คุณจะต้องเพิ่มระดับความเจ้าชู้ เพื่อให้เธอเห็นได้ชัดว่าคุณมีความโรแมนติกมากกว่าคำว่าเพื่อน

แนวคิดนี้ คือการเพิ่มระดับสัญญาณผ่านคำใบ้เล็กๆ น้อยๆ เช่น การชำเลืองมองที่คลุมเครือ การสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว หรือแม้แต่คำพูด ข้อความหยอดๆ แบบให้รู้ตัว รวมถึงการกดไลค์ และแสดงความคิดเห็นในโพสต์ก็ตาม ด้วยวิธีนี้คุณจะสังเกตได้ว่าเธอมีปฏิกิริยาอย่างไร และจะรู้ว่าเธอเปิดรับพฤติกรรมรูปแบบใหม่นี้หรือไม่ และอีกวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะทำให้เธอเห็นคุณในแง่ใหม่ คือการชมเชยเธอ เหมือนคำพูดที่ว่าไว้…หว่านเมล็ดพืชในใจเธอ ให้เธอเห็นว่าคุณคิดว่าเธอน่าดึงดูดใจ แต่อย่าจู่โจม หรือโจ่งแจ้งจนเกินไป มิฉะนั้นมันจะไม่ดูเหมือนจริง

2. วิธีการสัมผัสทางร่างกาย

อีกวิธีในการแสดงว่าคุณสนใจมากกว่าเพื่อน คือการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว สิ่งที่คุณต้องทำคือทำลายกำแพงสัมผัสด้วยวิธีใส่ใจ นุ่มนวลชวนหวั่นไหว ซึ่งจะแสดงเจตนาที่แท้จริงของคุณ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะนั่งตรงข้ามเธอเพื่อดื่มหรือทานอาหารเย็น ให้นั่งข้างเธอ จากนั้น คุณจะมีโอกาสมากขึ้นในการใกล้ชิด (เช่น วางมือบนหัวของเธอ ชมเธอว่าน่ารัก เมื่อเธอทำให้คุณหัวเราะ) หรือแกล้งเธอเล็กน้อยเพื่อละลายบาเรียความเป็นเพื่อนชาย

แต่แน่นอนว่าคุรต้องทำอย่างใส่ใจ นุ่มนวล อย่ามากไปจะกลายเป็นคุกคาม ความพยายามเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างมาก การสัมผัสทางร่างกายจะกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยออกซิโทซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ให้ความรู้สึกดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยึดเหนี่ยวและการอุทิศตน และทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น

3. สร้างความแตกต่างระหว่างการออกไปเที่ยว กับการออกเดท

หากคุณวางแผนจะพาเธอออกไปในที่สาธารณะ เพื่อสร้างบรรยากาศพูดคุยแบบตัวต่อตัว ต้องหมั่นสังเกตุสัญญาณที่สำคัญ คือเธอตอบสนองความสนใจของคุณหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปคือการรักษากรอบความโรแมนติกไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่จะก้าวไปสู่ระดับถัดไป

วางแผนกิจกรรมที่มีเพียงคุณสองคน และถ้าบรรยากาศมันดี แนะนำให้ออกไปดื่มหรือทานอาหารเย็นเป็นขั้นตอนต่อไป นี่เป็นโอกาสของคุณที่จะทำให้เธอว้าวุ่นใจด้วยรสชาติของการเดตกับคุณ การเริ่มต้น กล้าหาญ ทำลายกำแพงสัมผัส และทำให้แน่ใจว่าเธอรู้ว่าความสนใจของคุณอยู่ที่เธอเพียงผู้เดียว

4. กล้าที่จะเสี่ยง…แม้ว่าสุดท้ายแล้วคำตอบจะออกมาว่า “ไม่”

เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตื่นตัว และรับรู้ถึงคำตอบของเธอระหว่างการสนทนา ระวังภาษากายของเธอด้วย เพราะสิ่งนี้สามารถบอกคุณได้มากว่าเธอยอมรับความก้าวหน้าของคุณหรือไม่ เธอเอียงตัวเข้าหาคุณเมื่อคุณพูดหรือไม่? เธอมักจะเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นคุณเอนกายอยู่ใกล้ๆ หรือไม่?

การสังเกตุปฏิกิริยาทางกายภาพ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากายบอกว่าเมื่อเท้าชี้มาทางคุณ มันสามารถบ่งบอกถึงความสนใจร่วมกันได้ ในทางกลับกัน หากเธอกอดอก และสร้างระยะห่างทางกายภาพ หรือหลีกเลี่ยงการสบตาเมื่อคุณได้สัมผัสร่างกาย นั่นอาจแสดงว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับคุณ นอกจากนี้ หากเธอดูหึงหวงเล็กน้อยเมื่อคุณพูดถึงผู้หญิงคนอื่นที่คุณเคยไปเที่ยวด้วย นั่นอาจหมายความว่าเธออาจสนใจในตัวคุณ

ถ้าเพื่อนของคุณเริ่มโทรหาแทนที่จะส่งข้อความ หรือส่งข้อความหาคุณบ่อยขึ้น หรือเปลี่ยนนิสัยการสื่อสารของพวกเขากับคุณ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังเริ่มที่จะออกจากเฟรนด์โซนที่น่ากลัว

การแสดงความรู้สึกของคุณอย่างตรงไปตรงมา เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปิดข้อตกลง และหลบหนีจากเส้นแบ่งของคำว่าเพื่อนในทันที แต่อย่าบังคับ หรือคาดคั้นเอาการตอบรับจากเธอ คุณจะต้องยอมรับความเป็นไปได้ที่ไม่ว่าคุณจะพยายามเปลี่ยนการรับรู้ของเธอที่มีต่อคุณมากแค่ไหน เธอก็อาจจะยังมองคุณเป็นเพื่อน และไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

การวางหัวใจไว้บนเส้นด้ายอาจให้ความรู้สึกเสี่ยง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอะไรที่แย่กว่านั้น? สงสัยอยู่เสมอว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเงียบ เพื่อรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ตลอดไป ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไงล่ะจริงมั๊ย…บางทีเธอเองก็อาจจะแอบพยายามออกจากพื้นที่ความเป็นเพื่อนด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องมีใครสักคนที่กล้าพอที่จะทำการเคลื่อนไหวครั้งแรก