ด้วยโลกแห่งการสื่อสารที่รวดเร็ว การเชื่อมโยงเข้าหากันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่มุมในของโลก และไม่ว่าจะทำกำไรจากช่องทางใดย่อมมีแต่การเจรจากันเกิดขึ้นก่อนทั้งนั้น ทักษะการโน้มน้าวใจจึงเป็นเรื่องสำคัญในการสนธนาไปจนถึงการเจรจา
เมื่อคุณมีทักษะการโน้มน้าวติดตัว ถือเป็นอาวุธหลักในการสร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะบอกถึงเคล็ดวิชาการโน้มน้าวให้ทุกความหวังในการสนธนาประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ติดหนี้บุญคุณ
นี่เป็นการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เขารู้สึกถึงการเป็นหนี้บุญคุณอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นวิธีตามธรรมชาติของมนุษย์ คนส่วนใหญ่มักไม่ชอบที่จะติดหนี้ใคร ในทางจิตวิทยา คนเราเกลียดที่จะติดหนี้บุญคุณคนอื่น ทำให้เมื่อมีโอกาสก็อยากจะให้กลับคืน เป็นหลักคิดง่ายๆ คนเราไม่อยากติดหนี้ใครนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อใครให้อะไรเรามาเรามักมีแนวโน้มที่จะให้กลับคืนไปเช่นเดียวกัน เหมือนกับเราไปทานข้าวกับเพื่อนแล้วเพื่อนเลี้ยงเรา เราก็อยากจะเลี้ยงเขาคืน
ทักษะการโน้มน้าวแบบนี้เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากการพาพาร์ทเนอร์ของบริษัทหรือลูกค้าไปเลี้ยง แม้มันเหมือนกับการมีเจตนาที่ดี แต่มันมีความร้ายกาจที่ทำให้คนเรารู้สึกติดหนี้บุญคุณขึ้นมา ทำให้ได้ประโยชน์จากการทำอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ความมุ่งมั่น
ความมุ่งมั่นสามารถสื่อมาได้แบบตรงไปตรงมา เมื่อคุณเป็นคนที่มุ่งมั่นทำอะไรซักอย่าง คนที่พบเห็นเขาจะรู้ได้ทันทีว่าคุณเป็นคนจริงจังแค่ไหน โดยเฉพาะกับเรื่องที่จำเป็นต้องไปต่อรองด้วยแล้ว หากเราทำให้คนอื่นเห็นว่าเรามุ่งมั่น ความน่าเชื่อถือก็จะตามมา การดูเป็นคนทำอะไรจริงจัง ทำให้การต่อรองง่ายขึ้น เพราะคู่สนธนาจะเห็นว่าคุณเป็นคนที่จริงจังไม่เหลาะแหละ ไม่ลดละความพยายามโดยง่าย จึงเป็นอีกวิธีที่ทำให้โน้มน้าวใจคนอื่นโดยง่าย
เราจะเห็นการโน้มน้าวใจแบบนี้ได้กับคนที่ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจทำงาน ตรงต่อเวลา เขาอาจไม่ได้ทำงานเก่งกาจ แต่ก็สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหัวหน้ามักจะรักคนแบบนี้นักแล นักธุรกิจที่ดูมีความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่นสูงก็ดูจะเป็นคนที่เจรจาธุรกิจได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะความมุ่งมั่นของเขาเป็นหนึ่งในการโน้มน้าวใจคนอื่นได้อย่างดีเยี่ยม
ทำให้เขาชอบซะ
การโน้มน้าวใจแบบนี้คือเรื่องง่ายที่ใครก็ต้องเริ่มทำเป็นอย่างแรกในการโน้มน้าวคนอื่น แต่จะมีอะไรบ้างล่ะที่ทำให้เขาสะกิดใจหันมามองที่เรา ปัจจัยที่ทำให้เขามาชอบเรามาจากสี่คุณลักษณะด้วยกัน อย่างแรก”รูปลักษณ์ภายนอก” เป็นปกติที่เราจะมองคนจากภายนอกก่อนเป็นอย่างแรก แบรนด์ใหญ่ๆจึงนำดาราดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้องสวยหรือหล่อ แต่เป็นรูปลักษณ์ท่าทางที่โดดเด่นของคนนั้น
อย่างที่สองคือ”ความคล้ายคลึง” คนเรามักมีแนวโน้มที่จะชอบคนที่มีความคล้ายคลึงกัน เช่น ชอบกีฬาเหมือนกัน มีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน เป็นต้น อย่างที่สาม”คำชม” การชมแบบมีศิลปะทำให้คนอื่นหันมาชอบเราได้ง่ายขึ้น เราเองก็มีแนวโน้มจะชอบคนที่เขาชมเรามากกว่าจริงไหมล่ะ คุณไปซื้อของและเจ้าของร้านเอ่ยปากชมว่าเหมาะกับคุณมาก ของชิ้นนั้นมักติดมือคุณกลับออกมาเสมอ และอย่างสุดท้าย “ความคุ้นเคย” เรามักจะชอบสิ่งที่คุ้นเคยและทำความเข้าใจมันได้ง่ายกว่า ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยก็เป็นสิ่งที่โน้มน้าวใจได้ง่ายขึ้น และสิ่งตรงกันข้าม เขาจะไม่แฮปปี้และไม่เข้าใจในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย นั่นหมายความว่าโอกาสที่เขาจะหวาดระแวงสิ่งที่ไม่คุ้นเคยมีสูง เพราะฉะนั้นจงทำให้ในสิ่งที่เขาคุ้นเคยจะสามารถโน้มน้าวคนอื่นได้ง่ายกว่า
สามหัวข้อที่กล่าวไป เป็นการโน้มน้าวที่บอกได้เลยว่าได้ผลแน่นอน หากทำให้คู่สนธนาเห็นภาพสิ่งเหล่านั้นได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยด้วยกันในการทำให้คนอื่นเชื่อใจคุณ แต่ไม่ว่าจะวิธีการไหนก็ตาม ความสำเร็จไม่ใช่เส้นชัยในการดำรงชีวิต ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นถือเป็นหัวใจหลักในการมีชีวิตที่ดีกว่า แม้เราจะใช้เล่เหลี่ยมในการดึงความสนใจขนาดไหน หากไม่มีความจริงใจความหมายทั้งหมดจะไม่ยั่งยืน จงยึดหลักความซื่อสัตย์เป็นรากฐานในการดำรงชีวิต ความสำเร็จจะถูกพูดถึงจากตรงนี้มิใช่เงินตรา