ในยุคสมัยก่อนนักเตะตำแหน่งฟูลแบ็คอาจไม่ได้รับการจับตามองมากนัก เพราะพวกเขาถูกมองว่า เป็นกองหลัง ซึ่งอาจไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นเหมือนกับผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆอย่างเช่น ศูนย์หน้า, เพลย์เมคเกอร์ หรือปีกตัวริมเส้นที่เล่นเกมรุกด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ

        อย่างไรก็ตาม วงการลูกหนังทุกวันนี้ผู้เล่นตำแหน่งแบ็คถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นส่วนสำคัญของทีมทั้งเกมรุก และเกมรับ รวมถึงบางคนยังเป็นตัวสร้างสรรค์เกมให้กับทีมอีกด้วย และนี่คือ 10 แบ็คขวายุคใหม่ที่ได้การยอมรับว่า ดีที่สุดในตำแหน่งของพวกเขา

10. โธมัส มูนิเยร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

แม้จะทำไปเพียงแค่ 1 แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้ แต่ มูนิเยร์ ก็ยังคงเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในแนวรับของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน อย่างแท้จริง

ในศึกลีก เอิง ซีซั่นนี้ มูนิเยร์ ได้สลับกันลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวากับ โกแล็ง ดักบา กองหลังดาวรุ่ง แต่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดาวเตะชาวเบลเยียม ก็ยังคงประจำการเป็นตัวหลักทางแนวรับฝั่งขวาให้กับ เปแอสเช

มูนิเยร์ กำลังอยู่ในช่วงพีคในอาชีพนักฟุตบอล โดยกองหลังวัย 28 ปี ถือเป็นหนึ่งในแบ็คขวาระดับคุณภาพของยุโรป เขาตัวเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง มีวินัยในการยืนตำแหน่ง และเติมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม

9. เนลสัน เซเมโด้ (บาร์เซโลนา)

แบ็คชาวโปรตุเกส ย้ายจาก เบนฟิก้า มาเล่นกับ บาร์เซโลนา ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 พร้อมกับก้าวเข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้เป็นการถาวรเรียบร้อยแล้ว

เซเมโด้ เป็นฟูลแบ็คที่มีความรวดเร็ว และมีไหวพริบรอบตัว โดยดาวเตะวัย 26 ปี ยังเล่นได้เข้าขารู้ใจกับ ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพชาวอาร์เจนติน่า ทางริมเส้นฝั่งขวาของทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” อีกด้วย

8. ดานี กาบาฆาล (เรอัล มาดริด)

หลังจากฤดูกาลที่ยากลำบากในปี 2018/19 เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บนั้น ในฤดูกาลนี้ กาบาฆาล กลับคืนสู่ทีมตัวจริงของ มาดริด อีกครั้ง ภายใต้การกุมบังเหียนของ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศส

กองหลังชาวสเปน เจ้าของแชมป์ยุโรป 4 สมัย ร่วมกับ มาดริด นั้น เป็นนักเตะที่มีร่างกายแข็งแกร่ง มีสมาธิจดจ่อกับเกม เข้าใจแท็คติคเป็นอย่างดี และความฟิตของเขาสามารถวิ่งได้ไม่มีหมดตลอดทั้ง 90 นาที  

7. แบงฌาแม็ง ปาวาร์ (บาเยิร์น มิวนิค)

ปาวาร์ ย้ายจาก สตุ๊ตการ์ท มาร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 ร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศส พร้อมคว้าตำแหน่งตัวหลักของ “เสือใต้” ทันที แทนที่ของ โจชัว คิมมิช ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ที่ถูกขยับไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์

ฟูลแบ็คเฟรนช์แมน เป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งเกมรับ และเกมรุก เขาเปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับบรรดาแนวรุกที่ต้องเผชิญหน้าด้วย และในวัยเพียง 23 ปี ปาวาร์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับให้กับ บาเยิร์น ไปอีกหลายปี

6. ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า (เลสเตอร์ ซิตี้)

เงินจำนวน 22 ล้านปอนด์ ที่ เลสเตอร์ จ่ายให้กับ เอฟซี ปอร์โต้ เพื่อคว้าตัว เปเรย์ร่า มาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ปี 2018 นั้น ในเวลานี้ “สุนัขจิ้งจอก” ได้รับการตอบแทนคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แล้ว

ในซีซั่นนี้ เปเรย์ร่า โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดให้กับ เลสเตอร์ ไปแล้ว 3 ประตู และสร้างสถิติเป็นนักเตะที่เข้าปะทะกับคู่ต่อสู้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ กองหลังวัย 26 ปี ยังตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากบรรดาทีมระดับท็อปทั่วยุโรปอีกด้วย

5. อัชราฟ ฮาคิมี่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

ดูเหมือนว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ฮาคิมี่ จะกลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของ ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่เขาย้ายจาก เรอัล มาดริด มาเล่นกับ “เสือเหลือง” เมื่อซัมเมอร์ปี 2018

ฮาคิมี่ ประจำการในตำแหน่งแบ็คขาวเป็นหลัก แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเมื่อต้องย้ายไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย โดยดาวเตะวัย 21 ปี แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาเป็นฟูลแบ็คที่น่าตื่นเต้นที่สุดของยุโรป

กองหลังชาวโมร็อกโก ทำไปแล้ว 5 ประตู และ 14 แอสซิสต์ หลังย้ายมาเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ มันเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะในตำแหน่งแบ็คขวา

4. ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

วอล์คเกอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะคนโปรดของ เปป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯซิตี้ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยกองหลังทีมชาติอังกฤษ มีทุกสิ่งที่คุณต้องการจากการเล่นตำแหน่งฟูลแบ็คสมัยใหม่ เขารวดเร็ว แข็งแกร่ง มี และเติมเกมรุกได้อย่างสุดยอด

ดาวเตะวัย 29 ปี ลงเล่นให้กับ แมนฯซิตี้ ไปเกิน 100 เกมแล้ว และเจ้าตัวมีฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวามาโดยตลอด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม วอล์คเกอร์ ถึงเคยครองสถิติกองหลังที่แพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2017

3. อารอน วาน-บิสซาก้า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

กองหลังผู้ทำสถิติดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2019-2020 ถูก แมนฯยูไนเต็ด ทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ และ วาน-บิสซาก้า ก็สร้างผลกระทบเชิงบวกในทัพ “ปีศาจแดง” ได้ทันที

แบ็คชาวอังกฤษ เป็นนักเตะที่มีชั้นเชิง แข็งแกร่ง รวดเร็ว รวมทั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจในสนาม และในวัยเพียง 22 ปี วาน-บิสซาก้า ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก

2. โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค)

ทายาทโดยตรงของ ฟิลิปป์ ลาห์ม ตำนานดาวเตะสารพัดประโยชน์ของ บาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมัน คิมมิช เดินตามรอยรุ่นพี่ของเขาเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ จากตำแหน่งฟูลแบ็คสู่การย้ายไปเล่นเป็นมิดฟิลด์

        แม้ปัจจุบัน คิมมิช จะเล่นในแดนกลางให้กับ บาเยิร์น แต่เขาก็ถูกถอยกลับไปยืนประจำการในตำแหน่งแบ็คขาวอยู่บ่อยครั้ง และดาวเตะวัย 24 ปี ก็ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีความสมดุลอย่างมากทั้งเกมรับ และเกมรุก

        นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา คิมมิช ลงเล่นให้กับ บาเยิร์น ไปมากกว่า 200 เกม ซัดไป 21 ประตู กับ 48 แอสซิสต์ มันเป็นผลงานที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งกับนักเตะที่ลงเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค และมิดฟิลด์

1. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)

คงไม่มีใครเชื่อว่า แบ็คขวา จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2018-2019 และกำลังจะทำให้ “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของสโมสร แต่ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาทำได้

กองหลังวัย 21 ปี ถูกยกย่องให้เป็นดาวรุ่งระดับท็อปของวงการลูกหนังยุโรป ซึ่งผลงานการสร้างสรรค์เกม และ 12 แอสซิสต์ในลีกของเขากับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้นั้น พิสูจน์ความสามารถของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ เป็นฟูลแบ็คที่ผ่านบอลสั้น-ยาว ได้อย่างแม่นยำ เขาเป็นเหมือนเพลย์เมคเกอร์ทางริมเส้นฝั่งขวาของ ลิเวอร์พูล นอกจากนี้ ดาวเตะชาวอังกฤษ ยังมีทีเด็ดจากการเล่นลูกนิ่ง และยิงฟรีคิกอีกด้วย 

ภาพประกอบ : web24.news, marca.com, vbetnews.com, abendzeitung-muenchen.de, leicestermercury.co.uk, fourfourtwo.com, skysports.com, metro.co.uk