สำหรับวงการฟุตบอลยุคปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นักเตะในนำแหน่งฟูลแบ็คถือว่า มีอิทธิพลต่อเกมการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุก และเกมรับทางริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งของสนาม

สุดยอดแบ็คซ้ายทั้ง 10 รายต่อไปนี้ ได้รับการยกย่องว่า มีความสามารถ และฝีเท้าครบเครื่องในการติดทำเนียบผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งของพวกเขาเอง

10. อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ (บาเยิร์น มิวนิค)

เดวี่ส์ อาจมีอายุเพียง 19 ปี และไม่ได้เป็นแบ็คซ้ายโดยธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวถูกปรับจากปีกซ้ายลงมาทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจาก บาเยิร์น มิวนิค ประสบปัญหาวิกฤตินักเตะแนวรับบาดเจ็บ แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ฟูลแบ็คชาวแคนาดา มีเทคนิคการเปิดบอลที่สุดยอด และใช้ความสามารถเฉพาะตัวสนับสนุนเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ บาเยิร์น ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เดวี่ส์ ยังสามารถใช้ทักษะเฉพาะตัวเอาตัวรอดใน สถาณการณ์ที่กดดันได้อยู่เสมอ

9. เบน ชิลเวลล์ (เลสเตอร์ ซิตี้)

“สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมโดยมีไฮไลท์สำคัญที่ฟูลแบ็คทั้ง 2 ฝั่งอย่าง ริคาร์โด้ เปเรยร่า ดาวเตะชาวโปรตุเกส ทางขวา และ ชิลเวลล์ ทางซ้าย 

ชิลเวลล์ ไม่ได้มีดีแค่เกมรุกเท่านั้น แต่เขายังเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง โดยแบ็คซ้ายชาวอังกฤษ รู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี รวมถึงประสานงานกับแนวรับคนอื่นของ เลสเตอร์ อย่าง ชากลาร์ โซยุนชู, จอนนี่ อีแวนส์ และเปเรยร่า ได้อย่างเข้าขารู้ใจ

ในวัย 23 ปี เส้นทางอนาคตของ ชิลเวลล์ ยังคงอีกยาวไกล และจากฟอร์มอันสุดยอดของเขามันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะอยากได้ตัวเข้าไปร่วมทีม

8. ราฟาเอล เกร์เรโร่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

        นักเตะฝีเท้าดีอย่าง เจา คันเซโล่ และ ริคาร์โด้ เปเรยร่า ทำให้ทีมชาติโปรตุเกสมีตัวเลือกมากมายในตำแหน่งฟูลแบ็ค แต่ความยอดเยี่ยมของ เกร์เรโร่ ที่แสดงให้เห็นกับ ดอร์ทมุนด์ ก็ไม่มีใครสามารถแย่งตัวแหน่งตัวจริงทางแนวรับฝั่งซ้ายของเขาไปได้อย่างง่ายๆ

ก่อนหน้านี้ในทีม ดอร์ทมุด์ เกร์เรโร่ มักจะได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์อยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจาก ลูเซียน ฟาฟร์ โค้ชชาวสวิตเซอร์แลนด์เข้ามาคุมทัพ “เสือเหลือง” ดาวเตะวัย 26 ปี ก็ได้ประจำการในตำแหน่งฟูลแบ็คฝั่งซ้ายเป็นการถาวร

เกร์เรโร่ เป็นนักเตะที่แข็งแกร่ง เติมเกมรุกได้อย่างสุดมันส์ รวมถึงมีทีเด็ดจากการยิงฟรีคิกในระยะหวังผลอีกด้วย

7. ฆวน เบอร์นาต (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง)

เบอร์นาต ย้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค มาร่วมทีม เปแอสเช เมื่อปี 2018 ในยุคของ โทมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน จากนั้น เขาสถาปนาตัวเองกลายเป็นแบ็คซ้ายตัวจริงของทีมทันที พร้อมกับเบียด เลย์แว็ง คูร์ซาว เจ้าของสัมปทานคนเก่าต้องตกไปเป็นตัวสำรอง

ฟูลแบ็คสแปนิช เป็นนักเตะที่มีทักษะเกมรุกที่สุดยอด เข้าประสานงานกับซุเปอร์สตาร์ในแดนหน้าของ เปแอสเช อย่าง เนย์มาร์ ดาวยิงทีมชาติบราซิล และ คิเลียน เอ็มบั๊บเป้ หัวหอกดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส ได้อย่างเข้าขารู้ใจ

ขณะเดียวกัน ทูเคิ่ล เป็นกุนซือสมัยใหม่ที่ชอบทดลองระบบ และแท็คติคอยู่เสมอ ซึ่งความเอนกประสงค์ของ เบอร์นาต ที่เล่นได้ทั้งฟูลแบ็ค, ปีก และกองกลาง ก็ตอบสนองเจ้านายได้เป็นอย่างดี

6. ดาวิด อลาบา (บาเยิร์น มิวนิค)

สุดยอดนักเตะสารพัดประโยชน์ ของ บาเยิร์น มิวนิค อลาบา เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์, ปีกซ้าย และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัวคือ แบ็คซ้าย

ดาวเตะทีมชาติออสเตรีย มีความเข้าใจเกมได้เป็นอย่างดี โดยความสมดุลทั้งเกมรุก-เกมรับของเขาเป็นจุดแข็ง นอกจากนี้ อลาบา ยังถือได้ว่า เป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวามากที่สุดคนหนึ่งของทัพ   “เสือใต้”

5. มาร์เซโล่ (เรอัล มาดริด)

หนึ่งในคีย์แมนสำคัญในแผนการเล่นของ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทัพของ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือ ชาวฝรั่งเศส มาร์เซโล่ อยู่ในฟอร์มระดับท็อปมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษแล้ว รวมทั้งพา “ราชันชุดขาว” ประสบความสำเร็จอย่างนับไม่ถ้วน

แบ็คทีมชาติบราซิล สร้างสรรค์เกมรุกอย่างไม่หยุดยั้ง เขาเปรียบเสมือนเพลย์เมคเกอร์ทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ มาดริด อย่างแท้จริง โดยดาวเตะวัย 31 ปี มีสัมผัสบอลแรกที่เป็นธรรมชาติ และหากบอลอยู่ที่เท้าซ้ายของเขามันก็สามารถเกิดเรื่องตื่นเต้นได้อยู่เสมอ

4. แฟร์กล็องด์ เมนดี้ (เรอัล มาดริด)

อีกหนึ่งแบ็คซ้ายระดับพระกาฬของ เรอัล มาดริด เมนดี้ ย้ายจาก โอลิมปิก ลียง มาเล่นในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมกลายเป็นกำลังเสริม และตัวแทนชั้นยอดในอนาคตของ มาร์เซโล่

กองหลังเฟรนช์แมน มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเล่นตำแหน่งฟูลแบ็ค เขาประสานงานกับ เอเด็น อาซาร์ ปีกชาวเบลเยียม ทางริมเส้นฝั่งซ้ายให้กับ มาดริด ได้อย่างยอดเยี่ยม และหาก มาร์เซโล่ โรยลาลงไป เมนดี้ ก็ทำให้ “ราชันชุดขาว” หมดห่วงในการหาคนมาทดแทน

3. อเล็กซ์ ซานโดร (ยูเวนตุส)

เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ ยูเวนตุส ชอบให้ฟูลแบ็คของเขาเติมเกมรุกไปสุดเส้นหลังคู่ต่อสู้ และสนับสนุนเกมบุกตลอดเวลา ซึ่ง อเล็กซ์ ซานโดร ตอบโจทย์เจ้านายของเขาได้เป็นอย่างดี

ดาวเตะแซมบ้า เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เข้าประสานงานกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซุเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสของ ยูเวนตุส ได้อย่างเข้าขา รวมทั้งยังหาจังหวะสอดขึ้นไปสร้างสรรค์แกม และลุ้นทำสกอร์ได้อยู่เสมอ

2. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ลิเวอร์พูล)

ในช่วงที่ผ่านมา ตำแหน่งแบ็คซ้ายกลายเป็นปัญหาเรื้อรังของ ลิเวอร์พูล มาตลอดหลายปีจนถึงขั้นที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ต้องใช้ เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางจอมเก๋า ไปเล่นแก้ขัดมาแล้ว อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ โรเบิร์ตสัน ย้ายเข้ามายังถิ่นแอนฟิลด์นั้น เกมฝั่งซ้ายกลายเป็นจุดแข็งของ “หงส์แดง” ทันที

ดาวเตะชาวสก็อตแลนด์ พัฒนาตัวเองจนได้รับการยกย่องว่า เป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โรเบิร์ตสัน ทำแอสซิสต์ให้กับ ลิเวอร์พูล ไปถึง 11 ครั้ง และในปีนี้ เขากำลังจะพา “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี ได้สำเร็จ

1. ฆอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลนา)

อีกหนึ่งในสุดยอดผลผลิตของ “ลา มาเซีย” อันโด่งดัง อัลบา เป็นกำลังสำคัญทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ บาร์เซโลน่า มาตลอด 8 ฤดูกาลแล้ว เขาประสานงานกับบรรดายอดนักเตะของ “เจ้าบุญทุ่ม” อย่าง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรส, อองตวน กรีซมันน์, เซอร์จิโอ บุสเกตส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ฟูลแบ็ควัย 31 ปี พิสูจน์ให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วว่า ตลอดอาชีพของเขานั้น ถือเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของทั้งทีมชาติสเปน และ บาร์เซโลน่า

ภาพประกอบ : skysports.com, fcbarcelonanoticias.com, goal.com, tribuna.com