ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับได้ว่า เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่โด่งดังที่สุด และทรหดที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ โดยบรรดาทีมต่างๆในลีกแห่งนี้มักเล่นฟุตบอลด้วยสไตล์บู๊, ดุดัน, แข็งแกร่ง และรวดเร็ว มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้เล่นหลายๆคนไม่สามารถปรับตัวได้
อย่างไรก็ตาม มีนักเตะอยู่กลุ่มหนึ่งที่สามารถยืดหยัดในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งมาจนถึงแขวนสตั๊ด และบางคนยังใช้ประสบการณ์ของตัวเองค้าแข้งช่วยต้นสังกัดอยู่ในปัจจุบันอยู่ด้วยซ้ำ และนี่คือ 5 อันดับนักเตะอยู่ยงคงกระพันที่ทำสถิติลงสนามมากที่สุดตลอดกาลในศึกพรีเมียร์ลีก
5. เจมส์ มิลเนอร์ (536 นัด)
แม้ปัจจุบัน มิลเนอร์ จะมีอายุถึง 34 ปี แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน โดยมิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ใช้ประสบการณ์ของเขาพา “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย
มิลเนอร์เป็นเด็กสร้างของ ลีดส์ ยูไนเต็ด และได้ลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเกมแรกเมื่อปี 1992 ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับ 309 วันเท่านั้น โดยหลังจาก “ยูงทอง” ตกชั้นในปี 2004 เจ้าตัวย้ายไปเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล จนถึง ณ เวลานี้
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากสภาพร่างกาย, ความฟิต และความเป็นมืออาชีพของ มิลเนอร์ นั้น คาดว่า เจ้าตัวจะยังคงเล่นต่อไปได้อีกหลายปี และจะสร้างสถิติต่อไปได้เรื่อยๆ
4. เดวิด เจมส์ (572 นัด)
เจมส์ ถือเป็นผู้รักษาประตูที่อยู่คู่กับศึกพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ เขาประเดิมสนามเฝ้าเสาในลีกเกมแรกเมื่อปี 1992 ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล โดยนายทวารชาวอังกฤษ อยู่กับทัพ “หงส์แดง” นานถึง 7 ปี ก่อนจะพเนจรย้ายไปยัง แอสตัน วิลล่า, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ พอร์ทสมัธ ก่อนจะแขวนถุงมือกับ เกรละ แบลสเตอร์ส สโมสรในอินเดียเมือปี 2014
ตลอดอาชีพของ เจมส์ เขาเฝ้าเสารวมทุกรายการแข่งขันถึง 958 เกม คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ร่วมกับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 1994-1995 และแชมป์เอฟเอ คัพ กับ พอร์ทสมัธ ในฤดูกาล 2007-2008
3. แฟรงค์ แลมพาร์ด (609 เกม)
แลมพาร์ด เป็นเด็กลูกหม้อของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และได้ลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกในเสื้อ “ขุนค้อน” เมื่อปี 1995 ก่อนจะย้ายไปสร้างประวัติศาสตร์กับ เชลซี นานถึง 13 ปี พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และยูโรป้า ลีก 1 สมัย จากนั้น เขาอำลา “สิงโตน้ำเงินคราม” ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเวลา 1 ปี ในฤดูกาล 2014-2015
หลังแขวนสตั๊กกับ นิวยอร์ค ซิตี้ ในศึกเอ็มแอลเอส สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2016 แลมพาร์ด หายจากวงการฟุตบอลไป 2 ปี ก่อนจะรับงานกุนซือกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เป็นเวลา 1 ซีซั่น จากนั้น ได้รับโอกาสครั้งสำคัญด้วยการหวนกลับมาคุมทีมเก่าอย่าง เชลซี เมื่อปี 2019
ผลงานปีแรกของ แลมพาร์ด กับ เชลซี ถือว่า สอบผ่าน เขาพาทีมจบอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก รวมถึงได้รองแชมป์เอฟเอ คัพ และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
2. ไรอัน กิ๊กส์ (632 นัด)
สุดยอดตำนานตลอดกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหนึ่งในนักเตะคู่บุญ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสก็อตแลนด์ กิ๊กส์ รับใช้พลพรรค “ปีศาจแดง” มาอยาวนานถึง 24 ปี พร้อมกวาดแชมป์อย่างนับไม่ถ้วนไล่ตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย
อดีตปีกทีมชาติเวลส์ ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเกมแรกในปี 1990 และประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2014 ซึ่งในช่วงท้ายของฤดูกาลดังกล่าว กิ๊กส์ ยังได้รับเกียรติให้คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด สั้นๆเป็นเวลา 4 เกม หลังจากที่ “ปีศาจแดง” ไล่ เดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 กิ๊กส์ ได้โอกาสครั้งสำคัญหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติเวลส์ โดยถึง ณ เวลานี้ เขาคุมทัพ “มังกรแดง” ไปแล้ว 19 เกม ชนะ 9 เสมอ 3 และแพ้ไป 7 เกม
1. แกเร็ธ แบร์รี่ (653 นัด)
แบร์รี่ ลงประเดิมสนามเกมแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยการช่วยให้ต้นส้งกัดที่ปลุกปั้นเขามาอย่าง “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลล่า ถล่ม “เจ้านกเค้าแมว” เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-1 เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1998 โดยในเวลานั้นเขามีอายุเพียง 17 ปี
อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ เคยเล่นให้กับหลายสโมสรในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไล่ตั้งแต่ วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมเป็นเวลานานถึง 22 ฤดูกาลที่เขาโลดแล่นอยู่ในศึกพรีเมียร์ลีก
ปัจจุบันในวัย 39 ปี แบร์รี่ ซึ่งมีดีกรีเคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย และ แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย ร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ นั้น ยังไว้ลายความเก๋าด้วยการค้าแข้งกับ เวสต์บรอมวิช ในศึกเดอะ แชมเปี้ยน ชิพ อังกฤษ และยังไม่มีทีท่าจะแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด
ภาพประกอบ : rte.ie, bleacherreport.com, shoot.co.uk, 90min.com, teamtalk.com