20 ยอดแข้งที่เคยเล่นในอังกฤษแต่ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุด (ตอนที่ 1) - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
20 ยอดแข้งที่เคยเล่นในอังกฤษแต่ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุด (ตอนที่ 1)

ทุกสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างมีนักเตะระดับตำนานมากมายที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทีม และบรรดาผู้เล่นเหล่านั้น ต่างประสบความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลส่วนตัว หรือพาต้นสังกัดคว้าแชมป์รายการต่างๆได้มากมาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ สุดยอดนักเตะหลายๆคนที่เคยค้าแข้งในเมืองผู้ดีต่อไปนี้ กลับไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดเลยแม้แต่ครั้งเดียวทั้งที่พวกเขาควรจะได้รับเกียรติยศสักครั้งในอาชีพของตัวเอง

20. สตีฟ แม็คมานามาน

มันเป็นเหมือนฝันร้ายของ แม็คมานามาน ที่ตลอดระยะเวลา 9 ปี ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล เขาไม่เคยคว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อเจ้าตัวอำลาถิ่นแอนฟิลด์เมื่อปี 1999 ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด นั้น ปีกชาวอังกฤษ ประสบความสำเร็จกับ “ราชันชุดขาว” อย่างยิ่งใหญ่

4 ปีในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว แม็คมานามาน กวาดแชมป์ลา ลีกา ไป 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย ก่อนจะกลับมาเล่นในเมืองผู้ดีอีกครั้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแขวนสตั๊ดในปี 2005

19. กอร์ดอน แบงค์ส  

สุดยอดตำนานอดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ แบงค์ส เริ่มเล่นฟุตบอลกับ เชสเตอร์ฟิลด์ ก่อนที่จะย้ายไป เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 1959 ซึ่งมันเป็นการย้ายสังกัดแบบก้าวกระโดดของเจ้าตัวจากดิวิชั่น 2 ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด

แบงค์ส ซึ่งอยู่เฝ้าเสากับ เลสเตอร์ นานถึง 8 ปี ก่อนจะย้ายไปยัง สโต๊ค ซิตี้ ในปี 1967 นั้น เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1966 ร่วมกับทีมชาติอังกฤษได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่มันน่าเหลือเชื่อที่ตลอดเส้นทางอาชีพของเขาไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเลยแม้แต่สมัยเดียว

18. ชาบี อลองโซ่

หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันเป็นยุคที่ทีมชาติสเปนมีสุดยอดกองกลางล้นทีมไม่ว่าจะเป็น ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, เซอร์จิโอ บุสเกตส์, เชส ฟาเบรกัส และดาบิด ซิลบา รวมถึงยังมี อลองโซ่ ที่มีสามารถด้านการอ่านเกม และควบคุมจังหวะเกม แถมยังมีทีเด็ดจากการผ่าบอล และยิงไกลอีกด้วย

อลองโซ่ ใช้เวลา 5 ปีเล่นกับ ลิเวอร์พูล และถือเป็นขุนพลหลักของ “หงส์แดง” ชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2005 ซึ่งหลังอำลาแอนฟิลด์ อดีตมิดฟิลด์ “กระทิงดุ” ได้สัมผัสแชมป์ลีกกับ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค

17. ดาวิด ชิโนล่า

ใครก็ตามที่สงสัยว่า ชิโนล่า เก่งแค่ไหนก็ต้องดูว่า เกิดอะไรขึ้นในปี 1999 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ ชิโนล่า ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษในซีซั่นนั้น

ในเวลานั้น ปีกชาวฝรั่งเศส ที่กำลังค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ อยู่นั้น ถือเป็นตัวรุกระดับท็อปของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี และหลังอำลา “ไก่เดือยทอง” ชิโนล่า ก็ยังค้าแข้งในอังกฤษกับ แอสตัน วิลล่า และแขวนสตั๊ดไปกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2002

16. ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

ฟาวเลอร์ เป็นเด็กลูกหม้อขนานแท้ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งได้โอกาสประเดิมสนามในยุคของกุนซือ รอย อีแวนส์ จากนั้น เขาก็ยึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ “หงส์แดง” มาตลอด 9 ปี พร้อมฝากผลงานซัดไป 171 ประตู จาก 330 เกมรวมทุกรายการ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และยูฟ่า คัพ 1 สมัย แต่ไม่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

หลังอำลา ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2002 ดาวยิงเจ้าของฉายา “เดอะ ก็อด” ก็กลายเป็นแข้งพเนจรย้ายไปเล่นกับทีมอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และเคยมาค้าแข้งในเมืองไทยกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกด้วย

15. เปาโล ดิ คานิโอ

เมื่อปี 2002 ดิ คานิโอ ใกล้กับการย้ายจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เต็มทีแล้ว แต่ดีลดังกล่าวต้องยุติลงหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ “ปีศาจแดง” ระบุว่า กองหน้าจอมติสชาวอิตาเลี่ยน เรียกค่าเหนื่อยมากเกินไป

ขณะเดียวกัน ดิ คานิโอ แย้งว่า การย้ายไปเล่นกับ แมนฯยูไนเต็ด ไม่เกิดขึ้นเพราะเขาไม่ต้องการย้ายออกจาก เวสต์แฮม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจเหตุผลที่แท้จริง เนื่องจากฝีเท้าของเขานั้น มันมีค่ามากกว่าถ้วยรางวัลทั้งหมดเสียอีก

14. สจ๊วร์ต เพียร์ซ

ในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบันนักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็คที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมนั้น คงมีค่าตัวไม่น้อยกว่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่งมันทำให้เราคิดว่า ผู้เล่นอย่าง เพียร์ซ จะคุ้มค่ามากแค่ไหนหากเขายังค้าแข้งอยู่

อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษ เป็นฟูลแบ็คที่โดดเด่นทั้งในเรื่องเกมรับ-เกมรุก แถมยังมีความแข็งแกร่งของร่างกาย และมีความฟิตระดับสุดยอดอีกด้วย

เพียร์ซ เริ่มเล่นฟุตบอลในลีกสูงสุดกับ โคเวนทรี และใช้เวลาถึง 12 ฤดูกาลกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ก่อนจะย้ายไปยัง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และแขวนสตั๊ดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2002

13. เซอร์ เทรเวอร์ บรู๊คกิ้ง

เส้นทางอาชีพของ บรู๊คกิ้ง อาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหากเขาเลือกเซ็นสัญญากับ เชลซี หรือ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ที่ต่างก็สนใจในตัวเขาสมัยยังเป็นนักเตะเยาวชน แต่สุดท้าย เจ้าตัวเลือกย้ายไปยัง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวัย 15 ปี ก่อนจะกลายเป็นตำนานของ “ขุนค้อน” จนถึงทุกวันนี้

ในขณะที่กองกลางสมัยใหม่ต้องเล่นด้วยความรวดเร็ว และพละกำลัง แต่สไตล์ของ บรู๊คกิ้ง แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขาสามารถใช้ทักษะ และไหวพริบในการสร้างสรรค์เกมได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงยังซัดไป 102 ประตู จาก 647 เกมรวมทุกรายการให้กับ เวสต์แฮม จากตำแหน่งมิดฟิลด์

สำหรับแชมป์รายการใหญ่ในชีวิตที่ บรู๊คกิ้ง เคยได้รับก็คือ แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย ในปี 1975 และ 1980

12. คริส วอดเดิ้ล

วอดเดิ้ล เคยคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย แต่มันเป็นในฝรั่งเศสกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ในระหว่างปี 1989-1992 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาสร้างความสุดยอดในแดนน้ำหอม

ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ มาร์กเซย นั้น วอดเดิ้ล โด่งดังอย่างมากในอังกฤษกับทั้ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยคว้าแชมป์รายการใหญ่ในเมืองผู้ดีได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

11. เลียม เบรดี้

เบรดี้ เป็นนักเตะระดับตำนานของ อาร์เซนอล ซึ่งน่าจะคว้าแชมป์รายการอื่นๆได้นอกเหนือจากเอฟเอ คัพ ในปี 1979 โดยอดีตดาวเตะทีมชาติไอร์แลนด์ เป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอล, การผ่านบอล, การยิงไกล และการอ่านเกมที่เด็ดขาด

ในเกมรอบรองชนะเลิศคัพวินเนอร์ส คัพ ปี 1980 เบรดี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้ ยูเวนตุส จ่ายเงิน 500,000 ปอนด์ คว้าตัวเขาไปเสริมทัพ ก่อนที่เจ้าตัวจะพาพลพรรค “ม้าลาย” คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัยในปี 1981 และ 1982

ภาพประกอบ : .theguardian.com, standard.co.uk, planetfootball.com, spurs-web.com, skysports.com, 90min.com, rvcj.com, the42.ie

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save