ไม่น่าจะมีพลิกโผแล้ว สำหรับดีลที่ติดตามกันมานานระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับมิดฟิลด์ตัวเก่งทีมชาติสเปนอย่าง “ติอาโก้ อัลคันทาร่า” เมื่อหลายสื่อน่าเชื่อถือได้ทั้งในอังกฤษ และเยอรมัน ยืนยันว่าแชมป์พรีเมียร์ลีก ตกลงค่าตัวได้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมย้าย
นอกจากสื่อต่างๆ แล้ว บิ๊กของฝั่ง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค และกุนซืออย่าง “ฮันส์-ดีเตอร์ ฟลิค” ก็ออกมาพูดชัดเจนว่าติอาโก้อำลาเพื่อนฝูงที่สนามซ้อมเรียบร้อย และยอมรับว่าเสียดาย ที่ต้องเสียนักเตะระดับแนวหน้าไปให้ทีมแดงเพลิงแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีไซด์
สรุปดีลของติอาโก้
สรุปกันก่อนหน่อยนึง ว่าสุดท้ายแล้ว หลายสื่อยืนยันว่าดีลนี้ ลิเวอร์พูลจ่ายเงินให้บาเยิร์นทั้งสิ้นเพียง 20 ล้านปอนด์ และเพิ่มเติมได้อีกราว 5 ล้านปอนด์ ตามเงื่อนไขความสำเร็จหาก “หงส์แดง” ไปถึงแชมป์ระดับเมเจอร์อย่างพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก
โดยมีบางแหล่ง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “หงส์แดง” จ่ายเงินงวดแรกในซีซันนี้ให้บาเยิร์นเพียง 5 ล้านปอนด์ ก่อนจะจ่ายเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ จนครบ 20 ล้านปอนด์ ในระยะสัญญา 4 ปีเรียกได้ว่าสามารถดึงนักเตะพรีเมียม พร้อมยังสามารถรัดเข็มขัดในช่วงโควิด-19 ไปในตัว
เครดิตการเดินเกมซื้อครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้หลายส่วนเบื้องหลังของลิเวอร์พูล เริ่มจากกุนซือ “เจอร์เก้น คลอปป์” ที่สามารถโน้มน้าวให้ติอาโก้ไม่หันไปมองทีมอื่น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงการจัดการพูดคุยกับนักเตะที่มีอยู่แล้วในทีมอย่าง “จอร์จินิโอ ไวจ์นาดุม” และอีกหลายตัว ที่มีข่าวผ่องถ่ายขายออกไป
ทีมงานซื้อขาย และ “ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส” หัวเรือใหญ่ด้านนี้ ก็ควรได้รับคำชม เมื่อยื้อจนได้ราคาเหมาะสม และสามารถทำให้บาเยิร์นแสดงท่าทีประมาณว่า “มาเอาไปเหอะ” เมื่อยอดทีมเมืองเบียร์ อยากให้เรื่องนี้จบลงซะที ก่อนพวกเขาจะเปิดซีซันใหม่คืนวันศุกร์ที่ 18 ก.ย. นี้
เมื่อทุกสิ่งอย่างจะลงตัว และขั้นตอนการย้ายน่าจะจบลงในไม่กี่วัน เราคงต้องมาดูกันหน่อยถึงประเด็นข้อสงสัย ว่าทำไม “เจอร์เก้น คลอปป์” ถึงอยากได้เขานักหนา และเมื่อได้มาแล้ว ลิเวอร์พูลจะปรับรูปแบบการเล่นให้มีประโยชน์ได้อย่างไร กับนักเตะชั้นนำที่ฝั่งบาเยิร์นการันตี
ติอาโก้เล่นอย่างไรในบาเยิร์น?
หากพูดให้ชัดเจนตรงประเด็น ติอาโก้รับบท “หมายเลข 6” ในทีม “เสือใต้” ชุดเถลิงแชมป์ UCL ซีซันล่าสุด โดยเขายืนเป็นตัวต่ำ แล้วให้มิดฟิลด์ที่ยืนคู่กันอย่าง “ลีออน โกเร็ตซ์ก้า” มีอิสระในการดันขึ้นไปเล่นเกมรุกได้ทุกครั้งที่สบโอกาส
หากมองผิวเผินกับสไตล์การเล่น และร่างกายของติอาโก้แล้ว หลายคนคงคิดว่าบาเยิร์นเน้นเปิดเกมรุกโดยไม่ค่อยสนใจหลังบ้าน เพราะติอาโก้เองก็ดูไม่ใช่หมายเลข 6 ในอุดมคติที่ต้องเก่งเกมรับ และรักในการปัดกวาดหน้าแผงหลัง
แต่ความจริงแล้ว “เสือใต้” มีระบบที่ยืดหยุ่นกว่าหลายคนคิด เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 2 คนถูกดันขึ้นมาสูง ในขณะที่มิดฟิลด์อย่างโกเร็ตซ์ก้า รวมถึง “โธมัส มุลเลอร์” ที่เล่นในตำแหน่งคล้ายมิดฟิลด์ตัวรุกผสมหน้าต่ำ ต่างช่วยกันเพรสซิ่ง และบีบโซนกดดันคู่แข่งอยู่เสมอ และนั่นทำให้ติอาโก้ เล่นเป็นตัวรับที่ดูแตกต่างจากตัวรับทั่วไป
นั่นคือติอาโก้สามารถขยับไปซัพพอร์ตการครองบอลของทีมโดยรอบ จะลงลึกมารับบอล หรือดันขึ้นมาออกบอลแนวลึก หรือถ่างให้แบ็คและปีกด้านข้าง ก็สามารถทำได้อิสระตามแต่จังหวะ รวมถึงไม่ต้องรับบทหนักเล่นเกมรับแค่คนเดียว
จุดตรงนี้เลยน่าสนใจ ว่าการย้ายมายังพรีเมียร์ลีก กับทีมที่เล่นในรูปแบบอย่างลิเวอร์พูล ติอาโก้จะถูกจัดลงตรงไหน และ “หงส์แดง” จะได้ประโยชน์จากเขาเหมือนที่บาเยิร์นได้รับหรือเปล่า
ทำไมติอาโก้ถึงเหมาะกับหงส์แดง?
กับแฟนบอลอย่างเราๆ ท่านๆ โดยเฉพาะ “เดอะ ค็อป” แล้วนั้น แทบจะทั้งสิ้นเชียร์ให้ “หงส์แดง” เสริมติอาโก้เข้ามา เพราะคาดหวังมิติที่แตกต่าง ทั้งการออกบอลสั้นยาว และการเล่นบอลแนวลึก ที่ลิเวอร์พูลดูขาดแคลนไป ในวันที่ความคิดสร้างสรรค์ตีบตัน
ลองมามองดูรูปแบบการเล่นในปัจจุบันของลิเวอร์พูล ที่มีโครงหลักเป็น 4-3-3 แม้ส่วนใหญ่สปอร์ตไลท์จะไปจับจ้องอยู่ที่ 3 ตัวรุกพระกาฬข้างหน้า หรือแนวรับที่มี “เวอร์จิล ฟาน ไดค์” บงการอยู่ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือแดนกลาง 3 ตัวมีความสำคัญสำหรับเกมการเล่นอย่างมาก
ด้วยรูปแบบการเล่นที่เน้นการครองบอล พร้อมกับเพรสซิ่งกดดันคู่แข่งทันทีเมื่อเสียการครอบครองบอล 3 ตัวแดนกลางจึงต้องมีความเอนกประสงค์ และทำงานหนักที่สุดในสนาม
นักเตะหมายเลข 8 ที่เล่นคู่กัน 2 ราย มีหน้าที่สำคัญหลากหลาย ไม่เพียงแต่การเคลื่อนที่ไปในหลายส่วนในการเล่นเกมรุก การลงมาบีบเกม หรือยืนเกมรับก็ต้องทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง
เช่นเดียวกันกับนักเตะหมายเลข 6 ของทีม ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่เพียงเก็บกวาด และเก็บบอลจังหวะสองเพียงอย่างเดียว หลายครั้งหลายครายังขยับขึ้นมามีส่วนร่วมกับเกมรุก ทั้งการประคองพื้นที่ทั้งซ้าย-ขวา-กลาง และอาจมีการพลิกแพลง ด้วยการเล่นบอลแนวลึกเมื่อเจอโซนรับแน่น แบบที่ “ฟาบินโญ่” พยายามทำในระยะหลัง
ดังนั้นการได้นักเตะที่สามารถยืดหยุ่นเล่นได้ครบทั้งรุก-รับ จึงมีความจำเป็นในแดนกลางของ “หงส์แดง” ซึ่งไปสอดคล้องกับการเล่นของบาเยิร์น มิวนิคในภาพรวม (รายละเอียด กับการยืนตำแหน่ง ย่อมแตกต่าง) และแน่นอนว่า “ติอาโก้ อัลคันทาร่า” เล่นในแบบนั้นได้สบาย
ทำไมคลอปป์ชอบติอาโก้?
เอาล่ะ พูดในมุมมองความเหมาะสมด้วยแผนการเล่น และสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังไปแล้ว อีกมุมที่น่าสนใจคือมุมมองของคนใช้งานอย่าง “เจอร์เก้น คลอปป์” มันน่าสนใจว่าทำไม กุนซือชาวเยอรมันถึงชื่นชอบติอาโก้ ถึงขนาดยอมอดทนรอปิดดีลหลังซีซันเริ่มสตาร์ทไปแล้ว และมีปัจจัยที่มองแย้งดีลนี้ได้อยู่หลายประเด็น
ข้อเท็จจริงแรก คือตลอด 4 ปีที่คลอปป์ทำทีมลิเวอร์พูลมา ชัดเจนว่าเขาไม่ซื้อนักเตะพร่ำเพรื่อ นักเตะที่เข้ามาสู่ทีมจะต้องมีความจำเป็นในการเติมจุดที่ขาด หรือยกระดับทีมให้ดีขึ้น โดยแทบไม่มีการซื้อนักเตะแบบ “ซื้อเอามาก่อน” หรือ “ซื้อมาเผื่อใช้” เลย
ในขณะที่ข้อเท็จจริงที่ 2 แดนกลางของ “หงส์แดง” ซึ่งปกติมีโควต้าลงเล่นแค่ 3 ตำแหน่ง อุดมไปด้วยตัวเลือกแน่นขนัด ไม่ว่าจะเป็น ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นาดุม, เกอิต้า, อ็อกซ์เลด, มิลเนอร์, โจนส์ ยังไม่รวมพวกตัวรุกที่อาจถูกหยิบลงมาเล่นในยามที่อยากปรับแผน ทั้งมินามิโนะและชากิรี่ หรือจะเป็นพวกที่เบียดขึ้นมาลืมตาอ้าปากยากอย่าง กรูยิชและวิลสัน
ดังนั้น การที่คลอปป์เลือกเดินหน้าดีลแบบต้อง “เอาให้ได้” แสดงว่าเขาเชื่อมั่นในความสำคัญของมิดฟิลด์รายนี้ แม้จะยังไม่มีนักเตะแคนดิเดทแดนกลางรายไหน ย้ายทีมออกไปซักราย
ถึงเราๆ ท่านๆ จะยังไม่เคยได้ยินจากปากคลอปป์ชัดเจน ว่าปลื้มติอาโก้ที่ตรงไหน เพราะเมื่อถูกถาม เขาก็มักจะชมแค่ติอาโก้เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่พูดมากไปกว่านั้น เพราะตัวนักเตะยังเป็นสมบัติของทีมอื่น
แต่หากลองมองการวิเคราะห์ของหลายสื่อ รวมถึงเมียงมองสิ่งที่ขาดหายในทีมปัจจุบัน สิ่งที่คลอปป์น่าจะประทับใจในติอาโก้ น่าจะเป็น “เซ้นส์ความเข้าใจ” และ “ความยืดหยุ่น”
เรื่องของเซ้นส์ และความเข้าใจนั้น ติอาโก้จัดเป็นนักเตะพรสววรค์คนนึงที่สามารถปรับแต่งการเล่นได้หลากหลาย มีการยืนตำแหน่งที่ฉลาด ช่วยให้การเคลื่อนที่ของบอลไหลลื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเซ็ตบอลจากแนวรับ หรือการถ่ายบอลทำเกมรุก
อีกสิ่งคือความยืดหยุ่น ที่ติอาโก้สามารถปรับตัวเล่นได้ทั้งหมายเลข 6 และ 8 ไม่ว่าจะเป็นแผน 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 เขาสามารถยืนได้ทั้งหมด แถมยังปรับการเล่นให้เหมาะสมกับรูปแบบ และผู้เล่นที่รายล้อมอีกต่างหาก
มิติทั้ง 2 สิ่ง บวกกับการซื้อแม้แดนกลางจะอัดแน่นด้วยผู้เล่น (ถ้าเทียบแล้วหลังกับหน้า ยังดูเบาบางกว่า) แสดงว่าคลอปป์มองเห็นการยกระดับในแดนกลาง ซึ่งติอาโก้น่าจะเข้ามาเติมเต็ม หรือปรับเกมที่ตื้อตันให้ไหลลื่นขึ้นกว่าที่เป็น
หงส์ที่มีติอาโก้ ยืนแบบไหน?
ปิดท้ายกันหน่อย ถึงรูปแบบที่เป็นไปได้ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อมีมิดฟิลด์ที่ชื่อ “ติอาโก้ อัลคันทาร่า” โดยขอเริ่มจากแผนการเล่นที่ใช้ประจำอย่าง 4-3-3 ซึ่งน่าจะเป็นแผนหลัก ที่คลอปป์เลือกใช้งานก่อน
แบบแรกคือการขยับขึ้นมายืนหมายเลข 8 เคียงคู่กับกัปตัน “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” แล้วปล่อยให้ฟาบินโญ่รับหน้าที่หมายเลข 6 ไป หรือจะปรับให้เฮนเดอร์สันลงมายืนต่ำแบบนัดเจอลีดส์ แล้วให้ติอาโก้จับคู่กับ “นาบี เกอิต้า” หรือไวจ์นาดุม ก็สามารถทำได้
รูปแบบถัดไป คือใกล้เคียงกับบาเยิร์น มิวนิค นั่นคือการถอยติอาโก้ลงมาเล่นหมายเลข 6 แล้วมีมิดฟิลด์อีก 2 รายยืนสูงกว่า ซึ่งแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ แต่ต้องดูว่าสุ่มเสี่ยงกับการเจอเกมเร็วของพรีเมียร์ลีกมากแค่ไหน
นักเตะที่น่าจะเหมาะกับการเล่นร่วมกับติอาโก้ในรูปแบบนี้ จึงควรเป็นไวจ์นาดุม และเฮนเดอร์สัน ที่มีความเข้าใจในเกมรับดีกว่าตัวเลือกอื่น พร้อมทั้งยังสลับขึ้น-ลงกันได้ตามแต่สถานการณ์ด้วย
รูปแบบสุดท้ายที่อาจจะถูกใจพ่อยกแม่ยกหลายราย นั่นคือ 4-2-3-1 ซึ่งเริ่มเห็นคลอปป์ใช้ในช่วงอุ่นเครื่อง ซึ่งหากยืนแบบนี้จริง ลิเวอร์พูลก็น่าจะได้ประโยชน์จากติอาโก้ ที่สามารถยืนปักหลัก แล้วสลับขึ้น-ลงกับมิดฟิลด์อีกตัว และมีทั้ง “โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่” และ “ทาคุมิ มินามิโนะ” คอยมาประสานงานใกล้ๆ
สุดท้ายแล้ว คลอปป์จะใช้ติอาโก้ในรูปแบบไหน คงยังไม่มีใครทราบจนกว่าจะได้ลงเล่นกันจริงๆ การเซ็นนักเตะวัยเกือบ 30 ปี ที่คลอปป์ไม่ค่อยได้ทำบ่อย จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า รวมถึงตัวติอาโก้เองจะเข้ามายกระดับหงส์แดงได้จริงมั้ย เชื่อว่าเราจะได้ทราบพร้อมๆ กัน ในอีกไม่นานเกินรอ
Picture : Bundesliga, BuildLineup, Liverpool FC, Sky Sports, Sport.de, This Is Anfield, Bavarian Football Works, News24, ESPN, Mirror, Bleacher Report, 90Min.