ในช่วงวิกฤติการณ์โควิดนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นเสมอไป หากมองสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นนั้นก็ถือว่ามีมากมายไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ถูกออกแบบให้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และหนึ่งในนั้นก็คือ “เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ” ที่แม้ว่าช่วงนี้กระแสจะดูเงียบๆ ไป แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีด้านนี้ถือว่าก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ดังเช่นเราจะมาสรุปให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าผู้นำในเทคโนโลยีนี้มีประเทศใดบ้าง แล้วพวกเขาพัฒนากันอย่างไร และไปถึงไหนกันบ้างแล้ว ใครอยากรู้ก็ตามมาหาคำตอบกันในนี้เลย
ผลการวิจัยด้านความพร้อมสำหรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับในปี 2020
แน่นอนว่าเมื่อเราจะพูดถึงผลลัพธ์ของอะไรสักอย่าง ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัย พร้อมกับดัชนีชี้วัดที่น่าเชื่อถือ ในด้านความพร้อมสำหรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับก็เช่นกัน ดัชนีชี้วัดความพร้อมในด้านนี้ถูกเรียกว่า AVRI ที่เป็นตัวย่อมาจาก Autonomous Vehicles Readiness Index เป็นดัชนีที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับในระดับสากลทั่วโลกโดยเฉพาะ โดยการศึกษานี้จะทำการประเมินความพร้อม และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับของประเทศที่เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้ 30 ประเทศในทวีปต่างๆ
โดยดัชนี AVRI จะมีการประเมินใน 28 หัวข้อภายใต้ 4 เรื่องหลัก คือ นโยบายและกฎหมาย, เทคโนโลยีและนวัตกรรม, โครงสร้างพื้นฐาน และความยอมรับของประชาชน ซึ่งการประเมิน 2020 KPMG AVRI ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วเท่าที่เคยทำมา ผลจะออกมาเป็นอย่างไร มาติดตามดูกันในหัวข้อถัดไป
สรุปความพร้อมของประเทศชั้นนำที่มีต่อเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับในปี 2020
สำหรับประเทศชั้นนำที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีของโลก ที่มาพร้อมความความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของประชาชนในอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน ล้วนแล้วเร่งพัฒนาให้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมีความพร้อมใช้งามแบบก้าวกระโดด เพื่อตอบสนองความต้องการที่โลกกำลังเผชิญไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม โควิด และความปลอดภัย และในปีนี้ประเทศที่มีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีไร้คนขับที่สุดเมื่อวัดจากดัชนี AVRI ใน Top 5 ของโลกเรียงตามลำดับดังนี้
1. สิงคโปร์
2. เนเธอร์แลนด์
3. นอร์เวย์
4. สหรัฐอเมริกา
5. ฟินแลนด์
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของประเทศสิงคโปร์ และความพร้อมของประเทศชั้นนำต่างๆ
การก้าวผงาดขึ้นมาของสิงคโปร์ในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เพราะสามารถล้มเนเธอแลนด์ซึ่งเป็นแชมป์สองสมัยก่อนหน้าที่มีความพร้อมที่สุดในโลกในเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ และการที่สิงคโปร์ทำเช่นนั้นได้ย่อมหมายถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน เห็นได้จากตอนนี้ที่ประเทศสิงคโปร์ได้มีมาตรการหลายด้านในการขับเคลื่อนการใช้ยานยนต์ไร้คนขับ เช่น มีการออกมาตรฐานระดับประเทศสำหรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ และยังอนุญาตให้มีการทดสอบการใช้ยานยนต์ไร้คนขับได้บนท้องถนนถึง 1 ใน 10 ของถนนสาธารณะทั้งหมดของประเทศ ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
แม้ว่าในปีนี้เนเธอแลนด์จะเสียแชมป์ไป แต่อย่างไรก็ตามทั้งประเทศสิงคโปร์และเนเธอแลนด์ต่างเป็นผู้นำการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ EVs ทั้งคู่ โดยในฝั่งของสิงคโปร์นั้นได้นำร่องโครงการยานยนต์ไร้คนขับด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า EVs มานานแล้ว เห็นได้จากในปัจจุบันประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นเพียงเกาะเล็กๆ แต่กลับมาสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้ามากถึง 1,600 สถานี โดยมีแผนการกระจายสถานีชาร์จให้เพิ่มเป็น 28,000 สถานีภายในปีพ.ศ. 2573 ส่วนประเทศเนเธอแลนด์นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะในปัจจุบันเป็นประเทศที่มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต่อจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่แล้ว
ส่วนประเทศในเขตสแกนดิเนเวีย มีทิศทางการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับในลักษณะที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน คือสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ และภาครัฐเองก็จริงจังที่จะสนองความต้องการให้เพื่อคุณภาพชีวิตของประชากรที่ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าในปีนี้มีประเทศจากแถบสแกนดิเนเวียติดอันดับประเทศที่มีความพร้อมด้านยานยนต์ไร้คนขับมาถึงสองประเทศคือ นอร์เวย์ และฟินแลนด์ โดยในประเทศนอร์เวย์ในตอนนี้ได้มีการใช้งานยานยนต์ไร้คนขับกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากการใช้รถบัสไร้คนขับบนเส้นทางรถบัส 3 สายในกรุงฮอสโลซึ่งเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์
ทางด้านสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่น้อยหน้า เพราะปัจจุบันอเมริกาคือที่ตั้งของบริษัทน้อยใหญ่ที่พร้อมให้บริการเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมากถึง 420 บริษัทเลยทีเดียว ซึ่งหากนับเฉพาะบริษัทที่ให้บริการในด้านนี้ทั่วโลกจะเห็นได้ว่ามากองอยู่ที่อเมริกาที่เดียวถึง 44 % แล้ว เช่น Waymo ของ Google และบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไร้คนขับ เช่น General Motors และ Ford เป็นต้น
และนี่ก็คือความเคลื่อนไหวในเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัยที่เราอยากจะบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันในครั้งนี้ เพราะเราเชื่อว่าโลกกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนโลกจากยุคที่ยวดยานพาหนะต่างๆ ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด และสิ่งที่กำลังจะตามมาติดๆ ก็คือเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับที่จะมาพร้อมกับอินเตอร์เน็ต 5G นั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ Smart City ที่มนุษยชาติได้วาดฝันไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หนุ่มๆ รุ่นใหม่อย่างชาว The Macho จะต้องทราบไว้เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์เทคโนโลยี