รีวิวซีซันเก่า & พรีวิวซีซันใหม่ Top 6 (ตอนที่ 3) : “เรือใบสีฟ้า” & “ปีศาจแดง” - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
รีวิวซีซันเก่า & พรีวิวซีซันใหม่ Top 6 (ตอนที่ 3) : “เรือใบสีฟ้า” & “ปีศาจแดง”

รีวิวและพรีวิวกันไปก่อนหน้านี้ 4 ทีม ก็เหลืออีกแค่ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ อย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเสร็จภารกิจฟุตบอลสโมสรยุโรปช้ากว่าทีมอื่น เลยเก็บเอา 2 อริร่วมเมืองมาไว้ท้ายสุด
(ตอนที่ 1 สเปอร์ & อาร์เซน่อล >> คลิกที่นี่ <<)
(ตอนที่ 2 ลิเวอร์พูล & เชลซี >> คลิกที่นี่ <<)

เสร็จสิ้นภารกิจฟุตบอลยุโรปเรียบร้อย โดยทั้ง 2 ทีมแมนเชสเตอร์ ไปไม่ถึงแชมป์ที่หวัง
(Source : Sky Sports)

แน่นอนว่าตอนส่งท้ายซีซันของทั้ง 2 ทีม อาจจะผิดหวังกันไป เพราะไม่สามารถทะลุเข้าไปลุ้นแชมป์ UCL และยูโรป้า ลีก อย่างที่คาดหวัง แต่เมื่อลองหันไปมองเส้นทางที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นซีซันที่พวกเขาได้เรียนรู้มากมาย และพอจะเห็นทิศทางการปรับปรุงในซีซันใหม่กันชัดเจน

รายละเอียดที่น่าสนใจมีหลายอย่างเลยครับ เราไปดูกันว่า 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ มีอะไรน่าสนใจให้เรารีวิว และพรีวิวกันบ้าง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

(Source : Silly Season)

ผลงานซีซัน 2019/20

พรีเมียร์ลีก : อันดับ 2 (ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก)
เอฟเอ คัพ : รอบรองชนะเลิศ
ลีก คัพ : แชมป์
ฟุตบอลสโมสรยุโรป : ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

รีวิว 2019/20

ภาพรวม

หลังโชว์ฟอร์มเทพเหนือเทพ กวาดทริปเปิลแชมป์ภายในประเทศ และทำให้ลิเวอร์พูลที่ทำได้ถึง 97 แต้ม ชวดแชมป์ไปอย่างเหลือเชื่อในพรีเมียร์ลีกซีซันก่อนหน้า ซีซัน 2019/20 ถือเป็นปีที่ “เรือใบสีฟ้า” ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ควร และจะใช้คำว่า “น่าผิดหวัง” ก็พอจะพูดได้

ถึงจะยิงได้ 102 ประตูในลีก แต่ก็มีหลายนัดที่พวกเขาปิดเกมไม่ขาด และแพ้ไปมากถึง 9 นัด
(Source : The Statesman)

กับเกมในลีก ถึงพวกเขาจะไม่เคยหลุดออกไปนอกโซนอันดับ UCL เลย แต่การแพ้ถึง 9 นัด (นอกบ้าน 7 ในบ้าน 2) ถือเป็นปัญหาที่ต้องปรับ ไม่ว่าจะเป็นการเสียประตูง่าย หรือการบดบี้จบสกอร์ไม่ได้ในบางเกม (ถึงจบซีซันจะยิงได้ 102 ประตู) ซึ่งส่งผลกระทบให้ลูกทีมของ “เป๊บ กวาดิโอล่า” ฟอร์มไม่ต่อเนื่องตลอดซีซัน

เกมในฟุตบอลถ้วย พวกเขายังคงทำได้ตามมาตรฐาน กับการใช้นโยบายเน้นทุกถ้วย ด้วยขุมกำลังที่โรเตชันได้ดีกว่าทีมอื่น แต่ก็ยังเจอปัญหาสมาธิที่ไม่ดีนัก ส่งผลให้ชวดแชมป์เอฟเอ คัพ และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายใน UCL เป็นซีซันที่ 3 ติดต่อกัน

การขาดเซ็นเตอร์คนสำคัญอย่าง “อายเมริค ลาปอร์ต” ส่งผลต่อทีมชัดเจน
(Source : talkSPORT)

ปัญหาอาการบาดเจ็บ ก็ส่งผลกับเรือใบสีฟ้าไม่น้อยเหมือนกัน เกมรับที่ขาด “อายเมริค ลาปอร์ต” ไปยาว กลายเป็นจุดที่ไม่ลงตัว เพราะตัวสนับสนุนนัดกันหลุดฟอร์ม แดนกลางแม้ “เควิน เด บรอยน์” จะเจ็บน้อย และโชว์ฟอร์มมาสเตอร์พีซ แต่ตัวอื่นก็มีมาๆ หายๆ หนักสุดหนีไม่พ้น “แบนาร์โด้ ซิลวา” ที่ซีซันก่อนหน้าเด่นมากๆ

ปิดท้ายด้วยจุดสำคัญ คือการลุ้นหนักกับโทษแบนห้ามเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป 2 ซีซัน แต่สุดท้ายก็รอดตัวมาหวุดหวิด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการเดินหน้าต่อ เพราะหากพวกเขาไม่อาจร่วมเล่นในถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรป นักเตะเดิม หรือนักเตะที่อยากเสริมเข้ามา อาจจะมองตรงนี้เป็นจุดที่ไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่

เราจะได้เห็น “เรือใบสีฟ้า” เฮแบบนี้ในเวทียุโรปต่อไป หลังรอดโทษแบนมาได้
(Source : Diario AS)

การซื้อตัวนักเตะ

นอกเหนือจากการดึงนักเตะมากมายเข้าอคาเดมี่ การเสริมทัพสำคัญคือการทุ่มซื้อ “โรดรี” เข้ามาเสริมแดนกลางจากแอต.มาดริด ด้วยเงินเกือบ 63 ล้านปอนด์ และดึง “เจา คันเซโล่” แบ็คโปรตุกีซ มาด้วยดีลที่ “ดานิโล่” สวมทางย้ายไปอยู่ยูเวนตุสด้วย

“โรดรี” มิดฟิลด์ตัวกลางที่เป๊บหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะยืนเป็นกำลังหลักไปอีกยาวหลายปี
(Source : Goal.com)

นอกนั้นเป็นการเสริมแบ็คซ้ายเด็กเก่าของทีมอย่าง “อังเคลิโญ่” ซึ่งสุดท้ายก็เป็นตัวเลือกรอง และย้ายออกไปไลป์ซิกตอน ม.ค. ส่วน “เลรอย ซาเน่” ที่บาเยิร์นอยากได้อย่างมาก ดันมาเจ็บยาวจากแมทช์คอมมูนิตี้ ชิลด์ซะก่อน เลยชวดย้ายทีม ก่อนจะมาย้ายกันอีกทีซัมเมอร์นี้

ถ้าจะให้วัดผลการซื้อตัวนักเตะของซิตี้ ก็ถือว่าเจ๊าๆ ไป โรดรีทำหน้าที่ได้ดี ถึงจะยังไม่สม่ำเสมอตลอดซีซัน แต่แน่นอนว่าเขาจะเป็นกำลังหลักของทีมในระยะยาว คันเซโล่ยังได้โอกาสไม่มากนัก เพราะ “ไคล์ วอร์คเกอร์” ยังเล่นได้แข็งแกร่ง โดยคันเซโล่มาทำได้ดีในตอนท้ายซีซัน กับการโยกไปยืนแบ็คซ้าย

การขาดกอมปานี้ไป แล้วลาปอร์ตดันมาเจ็บยาว เป็นปัญหาที่แมนฯ ซิตี้ แก้ไม่ตก
(Source : Goal.com)

ที่น่าจะเป็นจุดที่พลาดที่สุด คือพวกเขาอาจไม่คาดคิดว่าการจากไปของ “แว็งซ็องต์ กอมปานี” จะมาประจวบเหมาะกับอาการเจ็บยาวของลาปอร์ต แล้วตัวทดแทนอื่นก็ไม่สามารถขึ้นมาทดแทน เลยเสียศูนย์ตรงนี้ไปไม่น้อย

รูปแบบการเล่น

ถึงนัดสุดท้ายของซีซันที่พลาดท่าพ่ายให้ลียง เป๊บจะเซอร์ไพรส์ปรับมาเล่นเซ็นเตอร์ 3 ตัว แต่แผนหลักของเขายังคงเป็น 4-3-3 ซึ่งมีแบ็ค 2 ข้าง และแดนกลางหมุนวนกันครองเกมนวดใส่คู่แข่ง ซึ่งเราเห็นกันจนเป็นภาพชินตา

4-3-3 ในแบบของเป๊บ ซึ่งแผงหลังดันสูงเพื่อครองเกมกดดันตลอด
(Source : BuildLineup)

เซ็นเตอร์ 2 ตัวของซิตี้ ต้องการนักเตะที่มีความแน่นอนในการเก็บตก และถ่ายบอลเป็นอย่างมาก การขาดความแน่นอนจากลาปอร์ตจึงเป็นปัญหา ถึงจะเอา “แฟร์นันดินโญ่” มายืน ก็ยังไม่เนียนตา จนสุดท้ายต้องหันไปดัน “เอริค การ์เซีย” ดาวรุ่งที่เล่นบอลด้วยเท้าดี และสามารถเคลื่อนที่เล่นเกมรับได้ฉลาด

ฟอร์มที่สุดยอดของเด บรอยน์ เป็นเหมือนจุดที่เป๊บต้องคิดอยู่เหมือนกัน เพราะเหมือนเขาจะรู้ว่า KDB เล่นตำแหน่งตัวบนได้ยอดเยี่ยม และสร้างสรรค์ประตูได้มากกว่า แต่ในแดนกลางคนที่จะเล่นเป็นเหมือนเพลย์เมกเกอร์ ยังหาคนที่ฟอร์มสม่ำเสมอได้ไม่ชัดนัก KDB เลยมักจะถอยลงมารับบทอยู่เป็นประจำ

เด บรอยน์ และสเตอร์ลิง 2 กำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมถล่มประตูกระจุยกระจาย
(Source : 90Min)

“ราฮีม สเตอร์ลิง” เป็นอีกจุดที่สำคัญกับรูปแบบของเป๊บ เพราะท้ายซีซันเจ้าตัวเล่นได้ยอดเยี่ยม และมีส่วนแบ่งเบาการขาดหายไปของ “แซร์โจ้ อเกวโร่” ได้ดี เมื่อทุกคนกลับมาพร้อมหน้าในแนวรุก น่าสนใจว่าเป๊บจะปรับสูตรได้ลงตัวขึ้นกว่าเดิมอีกมั้ย โดยเฉพาะในเกมที่ต้องเจอพวกรับอดทนทั้งหลาย

พรีวิว 2020/21

รูปแบบการเล่นที่คาด

แน่นอนว่ายังเป็น 4-3-3 และคงต้องมีการปรุงแต่งให้ตำแหน่งที่มีปัญหา ลงตัวมากขึ้น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่การ์เซีย ดูทำท่าจะไม่ยอมอยู่ให้ปั้น (อยากกลับบาร์เซโลน่า) ก็ได้ “นาธาน อาเก้” มาเพิ่มเติม ถ้าลาปอร์ตยืนระยะได้ตลอด เกมรับพวกเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าซีซันที่ผ่านมา

“นาธาน อาเก้” เซ็นเตอร์ทีมชาติฮอลแลนด์ เป็นการเสริมทัพแก้ปัญหาแนวรับรายแรกของเป๊บ
(Source : 90Min)

“โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้” ที่ฟอร์มตกลง ดูเหมือนเป๊บจะได้คันเซโล่มาทดแทนได้ ซึ่งดีกับเจ้าตัวเอง เพราะฝั่งขวาวอร์คเกอร์ ดูเหมือนยิ่งแก่ยิ่งฟิต ตัวรับต่ำไม่น่ามีปัญหา โรดรีสามารถเล่นเข้ากับ “อิลกาย กุนโดกัน” ได้ลงตัวขึ้น ขอแค่มีอะไหล่มาหมุนเวียนหน่อยเท่านั้น

การได้เล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปต่อไป ทำให้ความกังวลที่จะเสียเด บรอยน์ ลดลงไปอย่างมาก จอมทัพเบลเยียมคงมีบทบาทสำคัญร่วมกับสเตอร์ลิงเช่นเดิม โดยคาดหวังว่าตัวอื่นอย่างมาห์เรซ, โฟเด้น, แบนาร์โด้ ซิลวา จะมีฟอร์มที่สม่ำเสมอ บวกกับผู้มาใหม่อย่าง “แฟร์ราน ตอร์เรส” ที่ทำให้เป๊บมีทางเลือกข้างบนมากขึ้น

ความหวังสูงสุดในการจบสกอร์ ยังคงเป็น “กุน” เช่นเดิม แม้จะเจ็บบ่อยก็ตาม
(Source : Mundo Albiceleste)

สุดท้ายกับตำแหน่งกองหน้า หาก “กาเบรียล เฆซุส” ยังอยู่สู้ต่อ ก็พอจะคาดหวังพัฒนาการของเขาได้ และคงต้องลุ้นให้อเกวโร่ เจ็บน้อยลงกว่าเดิม (ซึ่งมักจะเป็นไปไม่ได้…) เพราะยังไงเสีย กองหน้าอาร์เจนไตน์ก็เป็นเครื่องจักรถล่มประตู ที่เชื่อใจได้เสมอ

นักเตะที่อยู่ในข่ายสนใจ

เงินทุนน่ะมีพร้อมอยู่แล้ว ยิ่งพอไม่โดนแบนจากการไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป “เรือใบสีฟ้า” ก็เดินเกมเสริมทัพได้ทันที และซิวอาเก้ มาเติมแนวรับ พร้อมกับตอร์เรส ซึ่งเข้ามาทดแทนการจากไปของซาเน่

“แฟร์ราน ตอร์เรส” ปีกดาวรุ่งตัวใหม่ ที่ซิตี้เสริมทัพหลังตลาดเปิดอย่างฉับไว
(Source : High Press Soccer)

กับการเสริมทัพอื่น เชื่อว่าพวกเขายังอยู่ในตลาดต่อแน่นอน ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ว่าพึงพอใจกับดาวรุ่งที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมือ 2 มั้ย หลัง “เคลาดิโอ บราโว่” หมดสัญญากับทีมแล้ว

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ มีข่าวกับบิ๊กเนมอย่าง “คาลิดู คูลิบาลี่” เพราะทั้งการ์เซีย และ “จอห์น สโตนส์” มีโอกาสย้ายออกไปค่อนข้างสูง ส่วนแบ็คด้านข้าง พวกเขามีนักเตะให้พร้อมใช้อยู่แล้ว คงไม่เร่งรัดเสริมเข้ามา

หากซิตี้เน้นแก้ปัญหาเกมรับ ชื่อของคูลิบาลี่ ก็ดูเหมาะสมกับกำลังทรัพย์ที่พวกเขามี
(Source : beIN SPORTS)

ตำแหน่งแดนกลางที่ขาดหายไปของ “ดาวิด ซิลบา” อาจจะเลือกดัน “ฟิล โฟเด้น” ขึ้นมาทดแทน เพราะเป๊บก็ชอบลองให้ดาวรุ่งรายนี้ ลงเล่นทั้งตัวแดนกลางและด้านบน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการให้อิสระกับเด บรอยน์ ในการเล่นด้วย ดังนั้นไม่น่ามีดีลหวือหวาเติมเข้ามา

ในแดนหน้า ยังไม่มีข่าวว่าเฆซุสจะย้ายออกไป ยิ่งกับการที่อเกวโร่อาจจะฟิตไม่ทันตอนต้นซีซัน คาดว่าพวกเขาจะยังคงตัวเป้าไว้ตามเดิม โดยมีปีกตัวคล่องคอยจู่โจมเช่นเคย

ความคาดหวัง

ถึง UCL จะเป็นเป้าหมายที่บอร์ดบริหาร และเป๊บอยากได้เหลือเกิน แต่ด้วยสไตล์การคาดหวังชัยชนะเสมอ และขุมกำลังที่ตอบโจทย์ แน่นอนว่าเป๊บจะเน้นทุกถ้วย โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาไม่อยากเสียท่าให้ลิเวอร์พูลอีก

เชื่อเลยว่าเป๊บยังเน้นทุกถ้วยเหมือนเดิม โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาหวังทวงแชมป์คืนแน่
(Source : Manchester City FC)

เกมรับดูเป็นสิ่งที่เป๊บหันมาใส่ใจรายละเอียดมากขึ้น ยิ่งถ้ามีการเสริมคูลิบาลี่เข้ามาจริงๆ แสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญ กับการเสริมแกร่งหลังบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาหลักในซีซันที่ผ่านมา

เกมรุกที่ดุดันอยู่แล้ว คงปรับแค่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับเกมที่ต้องเจอทีมรับต่ำ และรอสวนกลับ หากนักเตะซิตี้มีความสม่ำเสมอที่เฉียบคมขึ้น แน่นอนว่าพวกเขายังคงเป็น “เต็ง 1” ในทุกถ้วยที่ลงเล่น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

(Source : 90Min)

ผลงานซีซัน 2019/20

พรีเมียร์ลีก : อันดับ 3 (ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก)
เอฟเอ คัพ : รอบรองชนะเลิศ
ลีก คัพ : รอบรองชนะเลิศ
ฟุตบอลสโมสรยุโรป : ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ

รีวิว 2019/20

ภาพรวม

กว่าจะคุ้นหารูปแบบการเล่น และทีมที่ลงตัว ก็เกือบจะสายไป “บรูโน่ แฟร์นันด์ส” คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะนอกจากเจ้าตัวจะฟอร์มเด่นมาก ยังช่วยยกระดับให้นักเตะรอบข้าง มีผลงานดีขึ้นตามไปด้วย

“บรูโน่ แฟร์นันด์ส” พระเอกตัวจริง ที่เข้ามายกระดับทีมในครึ่งซีซันหลังอย่างชัดเจน
(Source : Football365)

การค้นหาแผนการเล่นที่ลงตัว และ 11 ตัวจริงของทีม เป็นปัญหาของ “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” ไม่น้อย ทีมมีช่วงฟอร์มหลุดติดต่อกัน จนหลายฝ่ายคาดว่ากุนซือนอร์เวย์ จะอยู่ไม่รอดจนจบซีซัน ถึงแม้ผลงานในยูโรป้า ลีก จะทำได้ดีก็ตาม

การมาของบรูโน่ ช่วยยกระดับฟอร์มครึ่งซีซันหลังของทีมได้เป็นอย่างดี พวกเขาขยับจากอันดับ 7 มาจบอันดับ 3 ในบั้นปลาย พร้อมการหา 11 ตัวจริงที่ลงตัวมากขึ้น ตำแหน่งที่มีปัญหา เช่น มิดฟิลด์ตัวกลาง ก็ได้ “ปอล ป็อกบา” กลับมา หรือตำแหน่งตัวรุกซึ่ง “ดาเนียล เจมส์” ฟอร์มหลุด ก็มี “เมสัน กรีนวู้ด” ที่เล่นร่วมกับแรชฟอร์ด และมาร์กซิยาลได้ดี

ป็อกบาและกรีนวู้ด 2 นักเตะที่เข้ามายึดตัวจริงในช่วงหลัง และทำผลงานได้เยี่ยม
(Source : Manchester Evening News)

จุดอ่อนที่ทีมต้องปรับ หนีไม่พ้นการทดแทนผู้เล่นตัวจริงของเหล่าตัวสำรอง โดยเฉพาะช่วงหลังจากเบรกโควิด-19 ที่โอเล่ใช้ 11 ตัวจริงเล่นติดๆ กันจนกรอบ ซึ่งส่งผลต่อทีเด็ดทีขาดในจังหวะสุดท้าย จนพลาดชัยในหลายนัด ทั้งที่สร้างโอกาสได้มากมาย

การซื้อตัวนักเตะ

เม็ดเงินไม่น้อย ถูกแปรเปลี่ยนเป็นการเสริมเกมรับครั้งใหญ่​ “แฮร์รี แม็คไกวร์” ย้ายมาด้วยราคาสถิติโลกสำหรับกองหลัง ถึงจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่โดยรวมกองหลังทีมชาติอังกฤษ ก็สามารถยกระดับแนวรับของ “ปีศาจแดง” ได้ดีขึ้นชัดเจน

2 นักเตะแนวรับที่เสริมเข้ามา ทั้งแม็คไกวร์ และวาน-บิสซาก้า ทำหน้าที่ได้ดี
(Source : We All Follow United)

เช่นเดียวกับ “อารอน วาน-บิสซาก้า” ที่ฟอร์มอาจจะยังไม่สม่ำเสมอตลอดซีซัน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เล่นติดๆ กันจนล้า แต่ด้วยอายุที่ยังน้อย และมีความกล้าเล่น คาดหวังได้ว่าเขาจะต่อยอดเป็นแบ็คขวาตัวจริงให้ทีมได้อีกยาวนาน

บรูโน่นี่ไม่ต้องพูดถึง จะนับว่าเป็นหนึ่งในการซื้อของฤดูกาลก็คงไม่เกินไป เจมส์ทำได้ดีกว่าที่คาดในช่วงแรก ก่อนจะฟอร์มหดหายไป และต้องเรียนรู้พัฒนาต่อไป ส่วน “โอเดียน อิกาโล่” เข้ามาเป็นกำลังเสริมซะมากกว่า

นอกจากการซื้อเข้า การระบายนักเตะไม่ได้ใช้งานออก ก็สำคัญเช่นกัน
(Source : 90Min)

จุดสำคัญอีกอย่างในการปรับทีมซีซัน 2019/20 คือพวกเขาผ่องถ่ายนักเตะที่ไม่ได้ใช้งาน ออกไปในรูปแบบต่างๆ เช่น อเล็กซิส ซานเชซ, โลเมลู ลูกากู, มัตเตโอ ดาร์เมียน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องทำ หากคาดหวังการสร้างทีมที่ดีขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องเพดานค่าเหนื่อย ที่เป็นรายจ่ายที่ทีมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

รูปแบบการเล่น

อย่างที่บอกว่าโอเล่ใช้เวลาค้นหา 11 ตัวจริงอยู่นานสองนาน ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการเล่นของทีมด้วย โดยช่วงปลายซีซันก่อนหน้า จนถึงครึ่งซีซันแรกของ 2019/20 เขามักจะเลือกเล่นระบบ 3-5-2 เวลาเจอทีมใหญ่ ก่อนจะมาลงตัวในระบบ 4-3-3 ในช่วงปลายซีซัน

หลังเบรกโควิด-19 แผน 4-3-3 กับ 11 ตัวจริง ก็ลงตัว
(Source : BuildLineup)

“เดวิด เด เกอา” ถูกกระแสกดดันอยู่เป็นระยะๆ เหมือนกัน เพราะมีจังหวะเซฟไม่ค่อยจะดีให้เห็นบ่อยขึ้น เช่นเดียวกับตำแหน่งเกมรับ ที่ “วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ” มักถูกพูดถึงว่ายังไม่ดีพอ ในการยืนจับคู่กับกัปตันทีมอย่างแม็คไกวร์ จุดนี้คงต้องดูต่อว่าโอเล่จะเห็นว่าอย่างไร

แดนกลางเป็นพื้นที่สำคัญที่ยูไนเต็ดปรับกันอุตลุดตลอดซีซัน จนสุดท้ายได้บรูโน่มา และ “พอล ป็อกบา” หายเจ็บพอดี ซึ่งช่วยให้ “เนมันย่า มาติช” คืนฟอร์มเก่งได้เช่นกัน ถึงจะมีปัญหายืนระยะในการเล่นติดๆ กันก็ตาม

3 ประสานในแนวรุกของยูไนเต็ด กลายเป็นทีมจู่โจมที่น่าจับตามอง
(Source : News Straits Times)

3 ประสานในแนวรุก ก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะลงตัว โดยตอนนี้กรีนวู้ด-แรชฟอร์ด-มาร์กซิยาล เล่นได้เข้าขามากขึ้น เหลือแค่ปรับจังหวะจบให้เฉียบคมหน่อย คาดว่าจะเป็น 3 ประสานที่น่าตื่นตารอชม ในซีซันถัดไป

พรีวิว 2020/21

รูปแบบการเล่นที่คาด

ด้วยทีมที่ดูลงตัวในช่วงท้ายซีซัน 2019/20 ทำให้เชื่อว่าโอเล่จะยังยึดระบบ 4-3-3 โดยอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนมาเล่นเซ็นเตอร์ 3 ตัว เมื่อเจอทีมใหญ่อีก เพราะพวกเขาเริ่มมั่นใจในการครองบอล และเกมรุกที่สามารถเล่นงานได้ทุกทีมเช่นกัน

จุดที่ต้องปรับคงเป็นเรื่องของการยืนระยะตลอดซีซัน ซึ่งอาจรวมถึงขุมกำลังทดแทนจากม้านั่งสำรอง ที่ต้องการฟอร์มการเล่นที่ดีกว่านี้ จากพวกแม็คโทมิเนย์, ไบญี่, วิลเลียมส์, เฟร็ด, เจมส์ หรือไม่ก็คงต้องคาดหวังการเสริมทัพ ซึ่งอาจเห็นผลชัดเจนกว่า

ด้วยอายุที่มากของมาติช ฟอร์มของเฟร็ดและแม็คโทมิเนย์ จึงจำเป็นในการยืนระยะด้วยเช่นกัน
(Source : Manchester Evening News)

อาการบาดเจ็บเป็นอีกเรื่องที่ต้องคิดเผื่อ ยิ่งโปรแกรมซีซันใหม่จะถี่ขึ้นกว่าเดิม นักเตะแกนหลักอย่างบรูโน่, แม็คไกวร์, มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด ต้องบริหารความฟิตให้ดี เช่นเดียวกับป็อกบา ซึ่งหากแกพร้อมลงเล่น และมีสมาธิกับเกม เขาจะเป็นกำลังหลักของทีมที่ขาดไม่ได้อีกรายแน่นอน

สุดท้ายคือตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่แมนฯ ยู จะได้ “ดีน เฮนเดอร์สัน” กลับมาจากยืมตัว ต้องดูฟอร์มของเด เกอา และการจัดแจงเวลาลงเล่นจากโอเล่ ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทีมแค่ไหน

“เดวิด เด เกอา” จะโดนท้าทายโดย “ดีน เฮนเดอร์สัน” ซึ่งโชว์ฟอร์มเยี่ยมกับเชฟฯ ยู มา
(Source : Goal.com)

นักเตะที่อยู่ในข่ายสนใจ

ชื่อแรกไม่ต้องเดากันเลย เพราะมันกลายเป็นมหากาพย์เรียบร้อย กับ “เจดอน ซานโช” ที่ตอนแรกคาดว่าไม่พลาดเป้า แต่ไปๆ มาๆ ดีลยื้อกันจนย้วย และดูท่าเจ้าตัวอาจจะต้องอยู่ค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์ต่อ เพราะราคาถูกตั้งไว้สูงลิบ 120 ล้านปอนด์

“เจดอน ซานโช” เป้าหมายอันดับ 1 ในการเสริมทัพ ที่ยังปิดดีลไม่ลง
(Source : Diario AS)

พอทำท่าจะไม่ได้ ก็เลยมีรายชื่ออื่นเพิ่มเข้ามาหลายราย เช่น “ดักลาส คอสต้า”, “อุสมาน เดมเบเล่”, “คิงสลีย์ โกม็อง” คงต้องไปตามกันต่อ เพราะคาดว่าโอเล่อยากจะเสริมแนวรุกด้านข้างเป็นอย่างมาก จะให้ฝากความหวังกับกรีนวู้ดคนเดียวยาวๆ ก็กลัวว่าจะหนักหนาสำหรับไอ้หนูดาวรุ่งเกินไป

นอกเหนือจากนักเตะชื่อดังที่ว่ามา ต้องไม่ลืมชื่อของ “โจขัว คิง” เป้าหมายเมื่อตอน ม.ค. ก่อนจะหันไปเซ็นอิกาโล่ โดยคิงมีความหลากหลายในการยืนตำแหน่งในแนวรุก และดูจะเหมาะสมทดแทนในระยะยาวมากกว่าอิกาโล่ ที่จะอยู่กับทีมถึงแค่ ม.ค. เท่านั้น

นอกจากคิงแล้ว ชื่อของ “แจ็ค กรีลิช” ก็พัวพันกับแมนฯ ยู อยู่ตลอด
(Source : Football365)

แดนกลางมีชื่อของ “แจ็ค กรีลิช” มาพัวพัน โดยมีข่าวออกมาว่าอาจมี “เซอร์จิโอ โรเมโร่” เป็นของแถมด้วย ด้านกองหลังตัวกลาง ก็มีข่าวประปราย เพราะ “คริส สมอลลิ่ง” และ “ฟิล โจนส์” อาจไม่อยู่ในแผนทำทีมซีซันหน้า

ความคาดหวัง

ถึงความรวดเร็วในการเสริมตัวของสโมสร จะขัดใจแฟนบอลอยู่เรื่อย แต่การแสดงท่าทีทุ่มเงินก้อนใหญ่ ตั้งแต่ซีซันก่อน จนมาถึงซัมเมอร์นี้ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยากไร้ความสำเร็จยาวนานกว่านี้แล้ว

หลังพลิกฟื้นให้ทีมดูมีทรงที่ดีตอนท้ายซีซัน เข้าสู่บททดสอบใหม่ ที่ “โอเล่” ต้องสตาร์ทให้ดี
(Source : Manchester United)

การหาทีมที่ลงตัวได้ และเร่งจนจบอันดับ 3 ได้ในที่สุด ทำให้พวกเขาถูกมองว่าน่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หากไม่นับลิเวอร์พูล และแมนฯ ซิตี้ ซึ่งสร้างมาตรฐานสูงใน 2-3 ซีซันหลัง

การกลับไปเล่นบนเวที UCL ก็เป็นอีกแรงกระตุ้นสำคัญ ที่โอเล่อยากจะพาทีมพัฒนาขึ้นไปกว่าเดิม หากไม่สะดุดในช่วงแรก พร้อมกับค้นหารูปแบบการเล่นที่ลงตัวได้เร็ว “ปีศาจแดง” ก็ยังเป็นทีมที่น่าสนใจ และมองข้ามไม่ได้

20 ทีมพร้อมแล้ว โปรแกรมออกแล้ว ซีซัน 2020/21 พร้อมระเบิดแข้ง 12 ก.ย. นี้
(Source : Leeds United)

ครบถ้วนไปเรียบร้อยกับ Top 6 ที่เรารีวิว & พรีวิวกันแบบเจาะลึก โดยตอนนี้โปรแกรมซีซัน 2020/21 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นซีซันที่ท้าทายสำหรับทุกทีม ทั้งในเรื่องระยะเวลารวมที่สั้นกว่าเดิมถึง 5 สัปดาห์ และการเล่นที่ไม่รู้ว่าจะมีแฟนบอลเข้าชมในสนามได้เมื่อไหร่

ต้องติดตามกันให้ดีว่าใครจะตะเตรียมทีมให้พร้อมในช่วงเวลากระชั้น และออกตัวได้ดีกว่ากัน ใครเชียร์ทีมไหนก็ขอให้สมหวัง หรือถ้าอยากเป็นกุนซือกับเค้ามั่ง ก็อย่าเลยมาจอย “The.Macho League” ใน Fantasy Premier League นะครับ รางวัลเพียบ!

ย้อนไปอ่านตอนที่ 1 และ 2
(ตอนที่ 1 สเปอร์ & อาร์เซน่อล >> คลิกที่นี่ <<)
(ตอนที่ 2 ลิเวอร์พูล & เชลซี >> คลิกที่นี่ <<)

Picture : FC Barcelona Noticias, Eurosport UK, Diario AS, Manchester United, Sky Sports, Silly Season, The Statesman, talkSPORT, Diario AS, Goal.com, 90Min, Mundo Albiceleste, High Press Soccer, beIN SPORTS, Manchester City FC, Football365, We All Follow United, News Straits Times, Leeds United

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save