ช่วงรอยต่อซีซัน 2019/20 ไปจนถึง 2020/21 ไม่เหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะมีเวลาพักร้อนกันน้อยลงแล้ว ยังมีหลายทีมที่ยังติดภารกิจฟุตบอลสโมสรยุโรป และอาจจะต้องจบซีซันปัจจุบันกันถึงปลายเดือน ส.ค. เลยทีเดียว
เมื่อบางทีมยังไม่จบซีซันดี เราเลยขอแบ่งการรีวิวซีซันเก่า และพรีวิวซีซันใหม่ของทีม Top 6 ออกเป็น 3 ตอน โดยขอเริ่มจาก 2 ทีมที่เสร็จศึกไปแล้วอย่างอริร่วมนอร์ธลอนดอน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ และ “ปินใหญ่” อาร์เซน่อล
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ผลงานซีซัน 2019/20
พรีเมียร์ลีก : อันดับ 6 (ได้สิทธิ์ไปเล่นยูโรป้า ลีก)
เอฟเอ คัพ : รอบ 5
ลีก คัพ : รอบ 3
ฟุตบอลสโมสรยุโรป : ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย
รีวิว 2019/20
ภาพรวม
หลังจบซีซัน 2018/19 ด้วยการจบอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก และเข้าชิงถ้วยใหญ่ยุโรปอย่างยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก ก่อนพลาดท่าให้ลิเวอร์พูล ไม่มีใครคิดเลยว่าซีซันต่อมา สเปอร์จะเจอกับความยากลำบากขนาดนี้
ประโยคที่ “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” อดีตกุนซือผู้พาทีมทะลุเข้าชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ พูดไว้ทำนองว่า ถ้าสเปอร์คว้าแชมป์ยุโรปได้ เขาอาจจะลาจากทีม กลับกลายเป็นตลกร้าย ที่เป็นความจริงในซีซันถัดมา และเป็นการจากลาที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิด
ผลงานในลีกที่ย่ำแย่ บวกกับผลงานใน UCL ที่ไม่ค่อยมั่นคง โดยเฉพาะแมทช์ที่โดนบาเยิร์นบุกมาถล่มคาบ้าน 7-2 กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ค่อยๆ ก่อ และกลายเป็นไฟเผาฟางเส้นสุดท้าย ปลดกุนซืออาร์เจนไตน์ ที่พาพวกเขาบินสูงมาหลายซีซัน
ผู้เข้ามาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหน “โชเซ่ มูรินโญ่” กุนซือมากประสบการณ์ ที่เข้ามาพร้อมความคาดหวังที่จะพลิกฟื้นทีม ถึง “สเปเชียล วัน” จะไม่ได้มีผลงานโหดเหมือนยุคคุมเชลซีหนแรก แต่ชื่อชั้น ก็น่าจะเหมาะกับตำแหน่งที่สุดในตอนนั้น
ท้ายสุด แม้ผลงานจะลุ่มๆ ดอนๆ โดยเฉพาะเกมรุกที่ยังไม่ค่อยเข้าฝัก แต่การที่ทีมขึ้นไปจบอันดับ 6 ในบั้นปลาย ทั้งที่กลับมาเตะหลังโควิด-19 ทีมอยู่อันดับต่ำกว่านั้นมาตลอด ทำให้พวกเขากระชุ่มกระชวยขึ้นมาก อย่างน้อยก็มีเวทียุโรปให้ได้เล่น
การซื้อตัวนักเตะ
หลังโปเช็ตติโน่ไม่ใช้เงินในซีซันก่อน ซีซัน 2019/20 “ไก่เดือยทอง” ถือว่าใช้เงินไปไม่น้อย ตัวที่มีราคาก็อย่าง “ต็องกี เอ็นด็อมเบเล่” 55 ล้านปอนด์, “สตีเว่น เบิร์กไวจ์” 27 ล้านปอนด์, “ไรอัน เซสเซยง” 25 ล้านปอนด์ และ “โจวานนี่ โล เซลโซ่” ที่ยืมก่อนซื้อขาดด้วยสนนราคาเกิน 30 ล้านปอนด์
สังเกตว่าเม็ดเงินที่พวกเขาใช้ไป ถือว่าก้อนใหญ่มากทีเดียว ไม่ต้องพูดเรื่องเงินที่ได้กลับมาจากการขายผู้เล่นอย่าง “คีแรน ทริปเปียร์” หรือ “คริสเตียน อีริคเซ่น” ผู้เล่นใหม่ของพวกเขาใช้คำว่าล้มเหลวได้ค่อนข้างเต็มปาก หากมองในเรื่องผลงานที่ผลิตออกมา
เอ็นด็อมเบเล่ กับเซสเซยง ได้รับบาดเจ็บในระยะยาว และยังไม่สามารถแสดงความคุ้มค่าออกมา โดยเฉพาะในรายหลัง ส่วนเบิร์กไวจ์ และโล เซลโซ่ เริ่มเห็นทรงที่ดี แต่ก็คงต้องใช้เวลาในซีซันหน้าพิสูจน์ให้เห็นเพิ่มเติม
รูปแบบการเล่น
รูปแบบและทรงบอลใน 2 สมัย ระหว่างโปเช็ตติโน่ และมูรินโญ่ มีความแตกต่างกันชัดเจน ถึงจะมีโครงเป็น 4-2-3-1 เหมือนกัน โดยในยุคของ “จ่ามู” เราจะเห็นการเล่นที่เน้นความเหนียวแน่น และชิงจังหวะเร็วตอนสวนกลับหลายหน ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีในหลายนัด อย่างเกมที่น็อคเลสเตอร์ 3-0 กลายเป็นก้าวสำคัญให้ทีมจบอันดับ 6 ได้
อย่างไรก็ดี รูปแบบการเล่นแบบนี้ พวกเขาต้องหวังพึ่งฟอร์มฮ็อตๆ ของ “แฮร์รี เคน” และ “ซน เฮือง มิน” มากพอสมควร ช่วงที่เคนฝืดไป พวกเขาพบกับปัญหาเยอะเช่นกัน คงต้องดูว่าผู้เล่นแนวรุกด้านข้าง และกองกลาง จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้บ้างมั้ย ในอนาคต
ปัญหาสำคัญอีกอย่าง คือมูรินโญ่ยังหาผู้เล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงไม่ลงตัว หมุนวนนักเตะหลายครั้ง การขาด “แยน แฟร์ทองเก้น” ที่หมดสัญญาไป ก็อาจจะบีบให้พวกเขาต้องหาตัวมาเสริมเพิ่มเติม
พรีวิว 2020/21
รูปแบบการเล่นที่คาด
มูรินโญ่ไม่น่าจะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นที่ใช้มาในซีซันที่แล้ว แต่คงจะต้องเร่งหา 11 ตัวจริงให้ได้โดยเร็ว โดยมีปัจจัยเรื่องความพร้อมของนักเตะเป็นสำคัญ
ความพร้อมที่ว่า ปัจจัยสำคัญคืออาการบาดเจ็บ เพราะซีซันที่ผ่านมานักเตะไก่เดือยทอง สลับเข้าโรงหมอกันบ่อยเหลือเกิน โดยเฉพาะพวกที่มีลุ้นตัวจริงต่อเนื่องอย่างเอ็นด็อมเบเล่ หรือ “เดเล่ อัลลี่”
ผู้รักษาประตูไม่น่ามีปัญหา แต่แนวรับน่าจะต้องดูว่าฟอร์มใครจะน่าไว้ใจ ตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ดาวินซอน, อัลเดอร์ไวเรล, ดายเยอร์, ทันกันก้า อาจจะไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับแบ็คทั้ง 2 ข้าง วอร์คเกอร์-ปีเตอร์ส และโรส ที่ปล่อยยืมไป จะยังมีอนาคตอยู่มั้ย ต้องเคลียร์ให้จบ
คาดว่าจะมีการเสริมแบ็คขวาเข้ามาแน่นอน 1 ตำแหน่ง รวมถึงอาจจะเป็นฝั่งซ้ายด้วย หากไม่เลือกใช้งานโรส เพราะเดวีส์เอง ก็ยังมีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอ
เขยิบมาในแดนกลาง พวกเขาไม่น่าจะพลาดได้ตัว “ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก” มิดฟิลด์มดงานตรงกลาง ซึ่งน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระกับ “แฮร์รี วิงค์” ได้ดี ส่วนอนาคตดาวรุ่งอย่าง “เจ็ดสัน” ที่ยืมมา ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะอย่าลืมว่ามีเอ็นด็อมเบเล่อีกคน
ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก หากโล เซลโซ่, อัลลี่, ลาเมล่า อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มูรินโญ่น่าจะมีทางเลือกมากขึ้น เช่นเดียวกับแนวรุกด้านข้าง พวกเขามีลูคัส มูร่า, เบิร์กไวจ์ และซน เฮือง มิน รวมถึงอาจจะพอเหมารวมเซสเซยง ที่ไม่รู้จะไปรอดมั้ย
กองหน้าตัวเป้า แน่นอนว่า “แฮร์รี เคน” คือความหวังสูงสุด แต่คำถามคือพวกเขาต้องการตัวแสตนบายอย่างจริงจังมั้ย หรือจะเลือกใช้วิธีการเอาตัวรุกอื่นมายืนแก้ขัด เพราะสถิติชัดเจนว่าเคนแกเจ็บทุกปี ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง
นักเตะที่อยู่ในข่ายสนใจ
ฮอยจ์เบิร์กไม่น่าพลาด หลังมีข่าวตกลงค่าตัวกับเซาธ์แธมป์ตันได้แล้ว ต่อไปคงต้องหันไปไล่ล่าแบ็คขวา และอาจจะรวมถึงเซ็นเตอร์ฮาล์ฟและแบ็คซ้ายด้วย
แบ็คขวาที่มีข่าวลืออยู่ ก็มีทั้ง “แม็กซ์ อารอนส์” ดาวรุ่งของนอริชที่ตกชั้นไป, “เซคี เซลิค” แบ็คตุรกีของลีลล์ และ “ธีโมธี คาสตานเญ่” แบ็คตัวบุกของอตาลันต้า
แนวรับตำแหน่งอื่นยังไม่มีข่าวแน่ชัด กลายเป็นข่าวไปพัวพันกับแนวรุกมากกว่า อย่างเช่น “อีวาน เปริซิซ” หรือ “อัลแล็ง แซ็งต์-แม็กซิแม็งต์” แต่คงต้องขึ้นอยู่กับมูรินโญ่ ว่ามองทางเลือกเกมรุกของทีมที่มีอยู่ในมือยังไง
ส่วนฝั่งย้ายออก นอกจากแฟร์ทองเก้น และวอร์ม ที่หมดสัญญา ยังไม่มีข่าวออกมาชัดเจน ที่ลือบ่อยหน่อยก็คงเป็นเซสเซยง ที่ซีซันแรกล้มเหลวสิ้นเชิง
ความคาดหวัง
“ไก่เดือยทอง” ของมูรินโญ่ ยังต้องปรับแต่งอีกไม่น้อย ดังนั้นการค้นหา 11 ตัวจริงที่แน่นอน และสตาร์ทซีซันใหม่ด้วยผลการแข่งขันสวยๆ เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมาก
คงยังพูดได้ยากว่าพวกเขาจะกลับไปลุ้นอันดับหัวตาราง หรือพิ้นที่ UCL เต็มตัวมั้ย ความเหนียวแน่นในเกมรับ และการยกระดับในแดนกลางมีความสำคัญมาก จะหวังพึ่งแค่ซนกับเคน คงไม่สามารถยืนระยะได้เพียงพอ
ในทางกลับกัน หากผลงานของทีมเริ่มต้นได้ไม่สวย มูรินโญ่น่าจะตกที่นั่งลำบากได้เหมือนกัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ แบบที่เกิดกับโปเช็ตติโน่ เพียงแต่หนนี้ ถ้าไม่หนักหนาจริงๆ ไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกหน
อาร์เซน่อล
ผลงานซีซัน 2019/20
พรีเมียร์ลีก : อันดับ 8
เอฟเอ คัพ : แชมป์ (ได้สิทธิ์ไปเล่นยูโรป้า ลีก)
ลีก คัพ : รอบ 4
ฟุตบอลสโมสรยุโรป : ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย
รีวิว 2019/20
ภาพรวม
ถึงจะเริ่มต้นซีซันได้ไม่เลว แต่ผ่านไปราว 7-8 นัดในลีก ผลงานก็แย่ลง จน “อูไน เอเมรี” ต้องจากทีมไป ก่อนจะหันมาใช้บริการของ “เฟรดเดริก ลุงก์เบิร์ก” เขยิบขึ้นมาคุมทีมแทน ซึ่งตอนแรกวางไว้ให้คุมถึงจบซีซัน แต่ก็ไปไม่รอด จนสุดท้ายกลายเป็น “มิเกล อาร์เตต้า” มารับงานต่อ
มองโดยภาพรวม ซีซันนี้ถือเป็นซีซันที่หนักหนาของ “ปืนใหญ่” อย่างมาก อันดับในลีกก็ไม่ดี บอลยุโรปก็ไปได้ไม่ถึงไหน หากแต่ช่วงโค้งสุดท้าย มันยังมีแสงสว่างให้พอเรียกรอยยิ้ม จากการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ จนได้ตั๋วไปลุยยุโรป รวมถึงผลงานในลีกก็ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่อาร์เตต้าค่อยๆ เข้ามายกระดับของทีม คือเรื่องของความเชื่อมั่น และระเบียบวินัย ถึงในตอนแรกผลมันจะยังดูไม่ดี แต่ผ่านไปนานๆ นักเตะก็เริ่มซึมซับแนวทาง และมอบผลลัพธ์ที่พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะแนวรับ ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน
ความมั่นใจที่เริ่มกลับมา ทำให้นักเตะหลายรายฟื้นคืนชีพ และส่งผลดีต่อดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาอีกด้วย ทำให้หลายฝ่ายมองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในซีซันหน้า ถึงจะเหลือการบ้านให้กุนซือหนุ่มสแปนิช ทำอีกเยอะก็ตาม
การซื้อตัวนักเตะ
หลังทำท่าเหมือนจะไม่มีงบเสริมทีม แต่สุดท้ายก็เซอร์ไพรส์เล็กๆ ปิดดีล “นิโคลาส เปเป้” ในราคารวมสูงถึง 72 ล้านปอนด์ (ผ่อนชำระกันไป) รวมถึงเติม “คีแรน เทียร์นีย์” (25 ล้านปอนด์) กับ “ดาวิด ลุยซ์” (8 ล้านปอนด์) เข้ามาช่วยแนวรับ บวกกับการซื้ออนาคตกับ “วิลเลียม ซาลิบา” (27 ล้านปอนด์) ที่ปล่อยให้แซงต์ เอเตียน ใช้งานไปก่อนอีกปี
นอกจากนั้นยังมีตัวที่ยืมเข้ามาอย่าง “ดานี่ เซบาญอส” ซึ่งทำผลงานช่วงต้นและท้ายของซีซัน ได้โดดเด่น หรือ 2 ตัวตอนตลาดหน้าหนาว “ปาโบล มารี” กับ “เซดดริก ซัวเรซ” (เซ็นถาวรแล้ว) ก็ดูจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทีมได้
อย่างไรก็ดี หากมองในภาพรวมทั้งซีซัน ก็ยังถือว่าการเสริมทีมของพวกเขายังไม่ค่อยตอบแทนความคาดหวังนัก เพราะถึงจะมีช่วงที่ดีของทั้งเปเป้, เทียร์นีย์ หรือลุยซ์ แต่ก็มีหลายช่วงที่ทีมยังหวังพึ่งพวกเขาได้น้อยเกินไป ถ้าเทียบกับความคาดหวังที่จะให้ทุกรายมาเป็นกำลังหลักของทีม
อย่างไรก็ดี ฟอร์มที่ดูจะพัฒนามากขึ้นพร้อมๆ กันช่วงเดือนสุดท้ายของซีซัน ทำให้คาดหวังการต่อยอดได้ในซีซันหน้า ซึ่งอาร์เตต้าจะได้หยิบจับทีมตั้งแต่ต้นซีซัน
รูปแบบการเล่น
รูปแบบการเล่น 3-4-3 หรือ 3-5-2 (แล้วแต่จังหวะการเซ็ตอัพเกม) ในช่วงท้ายซีซัน ดูจะเป็นแผนที่ลงตัวกับนักเตะที่อาร์เตต้ามีอยู่ ถึงระบบหลัง 4 ตัว ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของกุนซือหนุ่มมากกว่าก็ตาม
สิ่งที่อาร์เตต้าปรับทีมให้ดีกว่าการวางหมากของอูไน คือการยืนตำแหน่ง ช่วยซัพพอร์ตการเซ็ตอัพ, การครองเกม และการชิงจังหวะเล่นเร็วให้แดนหน้า ทีมดูมีระเบียบวินัยและความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันมากกว่า ดังจะเห็นการเล่นที่เป็นประโยชน์ต่อทีมชัดเจนของ “กรานิต ชาก้า” และเซบาญอส
ปัญหาหนักอกของอาร์เซน่อล ยังคงเป็นเรื่องของแนวรับ นอกเหนือจากอาการบาดเจ็บที่แวะเวียนมาบ่อยจนเป็นเพื่อนสนิท การเลือกเสริมแค่ลุยซ์ในตลาดซัมเมอร์ ยังเปรียบเหมือนการฆ่าตัวตายของอูไน เพราะลุยซ์เองก็ฟอร์มไม่ถึงกับดี นัดไหนหลุดคือหลุดไปไกล ส่วนตัวอื่นที่มี ก็ยังไม่สามารถยืนเป็นแกนหลักให้ทีมได้
อีกปัญหาที่มันเกี่ยวพันกับที่พูดไปด้านบน คือความคล่องตัว และการเคลื่อนที่เพื่อรองรับการเซ็ตบอลด้วยเท้าจากแดนหลังของอาร์เซน่อล ที่อาร์เตต้าอยากให้ทีมเล่น ถึงจะดีขึ้นในช่วงเดือนสุดท้ายของซีซัน แต่ก่อนหน้านั้น ทำให้พวกเขาเสียประตูมานักต่อนัก
พรีวิว 2020/21
รูปแบบการเล่นที่คาด
ถึงแผงหลัง 4 ตัว จะเป็นรูปแบบที่อาร์เตต้าใช้งานในตอนแรก และน่าจะชื่นชอบตามแบบฉบับที่เคยร่วมงานกับเป๊บมา แต่ด้วยทรัพยากรที่มี และเป็นการซัพพอร์ตเกมรับที่เคยมีปัญหา เซ็นเตอร์ 3 ตัว ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าใช้งานต่อมากกว่า
ตำแหน่งผู้รักษาประตูของ “ปืนใหญ่” กลายเป็นจุดแข็งเมื่อทั้ง “แบรนด์ เลโน” และ “เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ” โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ ขยับมาในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ “คีแรน เทียร์นีย์” เล่นตัวด้านซ้ายในแผนหลัง 3 ตัว ได้ดีเกินคาด น่าสนใจว่าจะยึดให้เจ้าตัวเล่นตำแหน่งนี้ต่อไปหรือเปล่า
ที่ว่างอื่น พูดถึงจำนวนแล้ว พวกเขามีตัวเลือกหลายตัว นอกจาก “ดาวิด ลุยซ์” ที่ดูเหมือนเป็นตัวยืน ยังมีทั้ง มารี, มุสตาฟี่, โซเครติส, โฮลดิ้ง, แชมเบอร์ส, มาฟโรปานอส แต่ถ้าถามว่าคุณภาพเพียงพอมั้ย อันนี้เป็นการบ้านใหญ่ที่อาร์เตต้าต้องไปขบคิด
แบ็คทั้ง 2 ข้าง เป็นตำแหน่งที่อาร์เตต้าพยายามปรับจูนโดยตลอด เขาดึง “เซดดริก ซัวเรซ” มาซัพพอร์ตตำแหน่งของ “เฮคตอร์ เบเยริน” ที่ฟอร์มยังแกว่ง ส่วนฝั่งซ้ายยังเป็นโจทย์ต้องแก้เช่นกัน หากขยับเทียร์นีย์ไปยืนเซ็นเตอร์ จะใช้ใครเล่น โคลาซินัคฟอร์มไม่ดีเลย, เมดแลนด์-ไนลส์ทำได้ดีในช่วงท้าย หลังมีข่าวอยากย้ายทีม ส่วน “บูคาโย่ ซาก้า” ตอนหลังก็กลับไปเล่นตำแหน่งแดนกลางที่ถนัดมากกว่า
ขยับมาที่แดนกลาง “กรานิต ชาก้า” กลับมาเล่นได้ดี โดยจับคู่กับ “ดานี่ เซบาญอส” ได้ลงตัว ดังนั้นการบ้านแรกคือเคลียร์เรื่องเซบาญอสกับมาดริดเสียก่อน จะซื้อขาดหรือยืมมาใช้งานต่อ เพราะตัวเลือกอื่น ฟอร์มยังไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่ ยิ่ง “มาเตโอ เกวนดูซี่” ดูจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว
ในตำแหน่งตัวรุก แน่นอนว่าปัจจัยแรกคือการเคลียร์เคสของ “ปิแอร์-โอเมอริค โอบาเมย็อง” เพื่ออยู่เป็นกำลังหลักให้ทีมต่อ และสานต่อความมั่นใจในการเล่นกับลากาแซตต์ และเปเป้ โดยมีซัพพอร์ตน่าสนใจจากดาวรุ่งอย่าง เอ็นเคเทียร์, เนลสัน, ซาก้า และมาร์ติเนลลี่ ที่ตอนนี้ยังเจ็บยาวอยู่
นักเตะที่อยู่ในข่ายสนใจ
ข่าวหนาหูที่สุด และไม่น่ามีอุบัติเหตุผิดพลาดคือ “วิลเลียน” แนวรุกคุณภาพที่ยังโชว์ฟอร์มซีซันที่ผ่านมาได้ยอดเยี่ยม หากทีมยังสามารถเก็บโอบาเมย็องไว้ได้ อาร์เตต้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย ในการเลือก 3 ตัวบน หากได้ปีกจอมเทคนิคชาวบราซิเลียนมาเพิ่ม
ในตำแหน่งแดนกลาง ถึงจะมีข่าวกับทั้ง “โธมัส ปาเตย์”, “อับดุลลาย ดูกูเร่” หรือ “ซาอิด เบนราม่า” แต่ประเด็นสำคัญคือการดึงเซบาญอสกลับมาใช้งานต่อในซีซันใหม่ เพื่อความต่อเนื่องซึ่งทำได้ดีแล้วในช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมา
นอกเหนือจากชื่อที่ว่ามา ความจริงแล้วมีชื่อของ “ฟิลิปเป้ คูตินโญ่” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่โอกาสเกิดขึ้นไม่น่าง่าย ทั้งเรื่องค่าตัวที่ราคาสูง และค่าเหนื่อยที่น่าจะต้องต่อรองกันเหนื่อยหนัก หากอยากได้มาร่วมทีมจริงๆ
ตำแหน่งสุดท้ายที่คลาสสิกเสมอคือแนวรับ ซึ่งแม้จะทราบว่ามีปัญหามาตลอด แต่ข่าวคราวการเสริมทีมมักมีน้อยกว่าแนวรุก โดยตอนนี้ยังไม่มีใครมีชื่อเป็นจริงเป็นจัง จะมีแว่วๆ มาก็อย่าง “ดิเอโก้ คาร์ลอส” เซ็นเตอร์บราซิลของเซบีญ่า ที่มีข่าวกับหลายทีม หรือชื่อเก่าแก่อย่าง “ดาโยต์ อูปาเมกาโน” รวมถึงตัวในลีกจำพวก “เจมส์ ทราคอฟสกี้”
ด้านฝั่งขาออก “มาเตโอ เกวนดูซี่” มีโอกาสย้ายออกไปสูง หลังอาร์เตต้าไม่ปลื้มในความประพฤติ และไม่ใช้งานเลยในพักหลัง อีกรายหนีไม่พ้น “เมซุต โอซิล” ซึ่งทีมก็คงอยากปล่อย เพราะนอนกินค่าเหนื่อยสูงเหลือเกิน เพียงแต่ดูท่าทีเจ้าตัวแล้ว อาร์เซน่อลดูจะต้องทนแกไว้จนหมดสัญญาอีกปี
ความคาดหวัง
แน่นอนว่าเป็นขวบปีที่สำคัญสำหรับอาร์เซน่อล และอาร์เตต้า หลังผ่านมรสุมมาในซีซันที่ผ่านมา พวกเขาย่อมคาดหวังพัฒนาการของทีม และขยับขึ้นไปต่อกรกับอันดับพื้นที่ UCL อีกครั้ง
ปัจจัยทางการเงินยังคงเป็นสิ่งที่น่าติดตามต่อ ว่าจริงๆ พวกเขามีสภาพคล่อง และกำลังใช้จ่ายมากแค่ไหน รายชื่อนักเตะระดับ 20-30 ล้านปอนด์ขึ้นไป จะสามารถเสริมเข้ามายกระดับทีมได้บ้างมั้ย โดยเฉพาะในตำแหน่งแนวรับ ที่ทีมต้องแก้ปัญหาเรื้อรังนี้ซักที
ความคาดหวังปิดท้าย คือการสร้างขุมกำลังดาวรุ่งของทีม ซึ่งซีซันที่ผ่านมาถือเป็นการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสที่ดีของอาร์เซน่อล และคงจะได้เห็นการต่อยอดของยังกันส์ ซึ่งสามารถทดแทนปัญหาการเสริมทีมไม่ได้ตามเป้าหมาย
จบครบ 2 ทีมจากนอร์ธ ลอนดอนไปเรียบร้อย โดยเราจะยังมีอีก 2 ตอน ในการพูดถึง 4 ทีม Top 6 ที่เหลือ สามารถติดตามกันได้เร็วๆ นี้ โดยตอนที่ 2 จะรีวิว & พรีวิว ถึง 2 ทีมที่เสร็จสิ้นภารกิจในซีซันนี้ไปแล้วอย่าง ลิเวอร์พูลและเชลซี
ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ตอนนี้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในถ้วยสโมสรยุโรปเรียบร้อยแล้ว โดยเราจะรวบรวมเอาความสำเร็จสุดท้ายในเส้นทางของพวกเขา และมารีวิว & พรีวิวกัน รอติดตามนะครับ
Picture : Sky Sports, The Times, BuildLineup, Sports Mole, Fantasy Bet, Khel Now, Tottenham Insight, Twitter, Goal.com, Marca, Evening Standard, New Straits Times, Cartilage Free Captain, CityAM, talkSPORT, Premier League, Tribuna, Arsenal.News, Glasgow Times, 90Min, Teamtalk, Vbet News