บางครั้งเรื่องสิวๆ ก็มักเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเราแบบไม่ทันตั้งตัว เราจึงรวบรวมสุดยอดเจลแต้มสิว 5 ตัวท็อป แต้มแล้วหายไวจริง แถมช่วยลดร่องรอยแผลเป็นที่อาจเกิดจากสิว!!

แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักกับเจลแต้มสิวนั้น เรามาทำคามรู้จักประเภทของสิวกันก่อนดีกว่า จะได้รู้ว่าสิวแต่ละประเภทนั้นต้องรักษาอย่างไร?

Whiteheads (สิวหัวขาว)

เริ่มกันที่ชนิดแรกนั่นก็คือ “สิวหัวขาว” คือสิวอุดตันหัวปิด มักจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนๆ ที่เกิดขึ้นจากการอุดตันใต้ผิวหนัง ทำให้ดันผิวจนนูนขึ้นมา และบีบออกค่อนข้างยาก เพราะจะรากสิวลึก หากปล่อยไว้นานๆ จะมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบได้

Blackheads (สิวหัวดำ)

สิวหัวดำ เป็นสิวอุดตันแบบหัวเปิด จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออก เราจะสังเกตุเห็นหัวสิวเป็นจุดสีดำๆ ซึ่งมักเกิดจากน้ำมัน (Sebum) ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ ทำให้เปลี่ยนไขมันเป็นสีดำนั่นเอง

วิธีดูแล : ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้การกดสิวร่วมกับการทายารักษาสิวสำหรับรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ

Nodular Acne (สิวอักเสบ)

สิวอักเสบ จะมีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการอักเสบจากแบคทีเรีย และน้ำมันใต้ชั้นผิวหนัง จนทำให้เกิดก้อนสีแดงเด่นชัด เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ ส่วนใหญ่มักจะอักเสบนานหลายวัน และเมื่อหายทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้

วิธีดูแล : สำวิธีการดูแลรักษาสิวอักเสบนั้น ถ้าตุ่มสิวมีขนาดใหญ่มากก็ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะไม่สามารถรักษาเองได้ด้วยยาที่ขายตามร้านขายยาทั่วไปได้

Papule (สิวชนิดตุ่มนูนแดง)

Papule เป็นสิวอักเสบ อีกชนิดหนึ่ง จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก แต่สัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ส่วนมากสิวชนิดนี้ เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน ขนาดจะเล็กกว่าสิวแบบ Nodular Acne

วิธีดูแล : ขั้นตอนแรกคือการล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน แนะนำว่าในขณะที่เป็นสิวประเภทนี้ คุณไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้า เพราะมันจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง อาจทำให้การอักเสบเพิ่มขึ้น

Acne Conglobata (สิวหัวช้าง)

สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ส่วนมากจะพบในกลุ่มเด็กวัยรุ่น ที่มีผิวหน้ามันมากๆ หรือบางรายอาจเกิดจากกรรมพันธ์ สิวหัวช้างนั้นจะมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงหลายชนิด ขึ้นปะปนกันหนาแน่น หัวสิวมักแตกง่าย มีหนอง และมีเลือดไหลเยอะ มักมีจำนวนมากที่บริเวณใบหน้า หน้าอก รวมถึงแผ่นหลังด้วยเช่นกัน

วิธีดูแล : สำหรับการรักษา สิวหัวช้าง นั้น รักษาได้ยากมาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อไม่ให้กลายเป็นแผลเป็น หรือหลุมสิวขนาดใหญ่

Pustule (สิวหัวหนอง)

สิวหัวหนอง มีลักษณะเป็นตุ่มแดง และปวด สังเกตว่าจะมีหัวหนองสีเหลืองอยู่ด้านบน เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อนนั่นเอง

วิธีดูแล : สำหรับวิธีการรักษาเบื้องต้นนั้น ควรล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน และไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าอย่างเด็ดขาด และควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยวันละ 2-3 ครั้ง

Comedone (สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน)

สิวเสี้ยน หลายคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นหนึ่งปัญหาที่จุกจิกกวนใจไม่แพ้สิวชนิดอื่นเลยทีเดียว สิวเสี้ยนมีลักษณะคล้ายกับการเกิดสิวอุดตันบริเวณรูขุมขนที่ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล ร่วมกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้นๆ ซึ่งอาจพบเส้นขนได้มากถึง 5-50 เส้น กระจุกขนอ่อนเหล่านี้มักเป็นสาเหตุทำให้เกิดเป็นเสี้ยนสิวสีขาวๆ อาจพบได้ในหลายบริเวณ เช่น แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา บริเวณจมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งพบได้มากขึ้น

วิธีดูแล : สำหรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ควรใช้ยาทาที่ช่วยลดการอุดตัน เช่น ยาทาเบนซิล เพอร์ออกไซด์ หรือยาทาในกลุ่มกรดวิตามินเอ จะช่วยให้สิวเสี้ยน และสิวอุดตันหลุดออกได้ง่ายขึ้น หรืออาจทำร่วมกับการกดสิว

Acne Aestivale (สิวเทียม สิวผด สิวหิน)

มาปิดท้ายกันที่ สิวผด หรือสิวเทียม บางคนเรียกว่าสิวหิน จะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ มีลักษณะเเข็ง เพราะเป็นต่อมเหงื่อที่ไม่มีรูอยู่ใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณรอบตา เพราะต่อมเหงื่อจะเยอะ ซึ่งมันเกิดจากเวลาที่เรามีเหงื่อ แต่ถูกขับออกแล้วออกไม่หมด จึงทําให้ต่อมเหงื่ออุดตันจึงเกิดสิวผด ลักษณะแข็งๆ เม็ดเล็กๆ นอกจากนี้อาจจะมีอาการใบหน้าเห่อแดงเมื่อเจอแสงแดด หรือบางคนก็มีตุ่มหนองอักเสบร่วมด้วย

วิธีดูแล : ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดจัดๆ เป็นเวลานาน แต่ถ้าจำเป็นต้องอยุ่ท่ามกลางแดดร้อนๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เพื่อลดอุณหภูมิผิวหน้า แต่สำหรับบางคนอาจเเกิดจากการแพ้น้ำประปา ก็เลี่ยงมาใช้น้ำดื่มล้างหน้าแทน อย่านอนดึก ลดความเครียด สิวชนิดนี้หากไม่เกิดอาการอักเสบไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ แต่ถ้ามีการอักเสบควรพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม

5 เจลแต้มสิวชนิดเร่งด่วน

1. Benzac AC 5

สำหรับใครที่เผชิญปัญหาสิวอักเสบอยู่ แนะนำให้ใช้ Benzac AC 5 ซึ่งเจลแต้มสิวตัวนี้ สามารถช่วยกำจัดสิวอักเสบ และสิวอุดตันให้หายได้ดีเลยทีเดียว เพราะมีตัวยาพิเศษที่ไปฆ่าเชื้อสิวโดยตรง มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวโดยเฉพาะ ช่วยลดทั้งสิวอักเสบ สิวหนอง และสิวอุดตัน แต่สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายควรใช้ปริมาณน้อยๆ เพราะตัวยามีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ มีวางขายตามร้านยา และบูธเครื่องสำอางค์ เช่น วสันต์ บูท และร้านขายยาทั่วไป

2. Smooth E Acne Hydrogel

เจลแต้มสิวจากแบรนด์ดังอย่าง Smooth E สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยลดการอักเสบ และระคายเคืองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมียังมีคุณสมบัติทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น และช่วยควบคุมความมัน หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยา วสันต์ และบูท ในราคาขายที่ บาท สำหรับขนาด 7 กรัม

3. Vitara Anti Acne Gel

เจลแต้มสิวที่ออกฤทธิ์เร็ว แบบ 2 in 1 ในหลอดเดียว ใช้ได้ทั้งสิวอักเสบ และสิวอุดตัน เป็นเวชสำอาง ที่ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนังแล้ว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ มีขายในวัตสัน และร้านขายยาทั่วไป ในราคาขายที่ บาท สำหรับขนาด 10 กรัม

4. Tomei Clindal Gel

เจลแต้มสิวที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวอักเสบ และติดเชื้อ มีส่วนประกอบสำคัญ ด้วยตัวยา Clindamycin 1% เจ้า TOMEI Clindai Gel ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาปฏิชีวนะใช้ทาภายนอก มาในรูปแบบเจลใส เนื้อบางเบา ใช้สำหรับรักษาสิวอักเสบ ออกฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ ช่วยลดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังทำให้สิวหายเร็วอีกด้วย  

5. Dr.SOMCHAI Acne Spot Touch Gel

Dr.Somchai อีกหนึ่งเจลแต้มสิวแบบใส ซึมไว มีรีวิวจากเหล่าบล็อกเกอร์ ว่าเป็นเจลแต้มสิวที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ เจลแต้มสิวตัวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิว พร้อมเผยผิวใหม่ แต่ไม่ได้ทำให้ผิวแห้งตึง เพราะเป็นเนื้อเจลที่ให้ความชุ่มชื่น ทำให้สิวที่เป็นจะแห้ง ไม่ทำให้ระคายเคือง และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น