พรีเมียร์ลีกกับโควิด-19 แข่งยังไงต่อ? หงส์จะได้แชมป์มั้ย? - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
พรีเมียร์ลีกกับโควิด-19 แข่งยังไงต่อ? หงส์จะได้แชมป์มั้ย?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” เชื้อโรคระดับ “World Pandemic” ตามที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) พึ่งประกาศไปว่ามันคือ “การระบาดระดับโลก” เริ่มทำให้เราๆ ท่านๆ อกสั่นขวัญแขวนกันมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะในยุโรป ที่การแพร่กระจายรวดเร็วจนน่ากลัว

ชั่วเวลาไม่กี่สัปดาห์ ทวีปยุโรปต้องเผชิญกับระบาดของ “โควิด-19” ที่ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ
(Source : Metro)

โดยขณะที่ผมนั่งทำบทความนี้อยู่ สถานการณ์โควิด-19 ก็เรียกว่าต้องอัพเดทกันแบบวันต่อวัน (อย่างน้อย..) โดยนอกเหนือจากนักเตะลีก้า 2 ในเยอรมัน และเจ้าของทีมโอลิมเปียกอส ที่ติดเชื้อเมื่อไม่กี่วันก่อน ล่าสุด “ดานิเอเล่ รูกานี่” กองหลังยูเวนตุส ก็พึ่งตรวจพบว่าติดเชื้อ ซึ่งสั่นสะเทือนวงการฟุตบอลอิตาลีมาก เพราะ 2 ยักษ์ใหญ่ ยูเวนตุสกับอินเตอร์ พึ่งจะเตะกันไป

“ดานิเอเล่ รูกานี่” ปราการหลังม้าลาย ที่ล่าสุดได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ
(Source : CBS Sports)

มาตรการเบื้องต้นตอนนี้ในฟุตบอลยุโรป มีหลายประเทศที่ให้แข่งขันแบบปิดสนาม อย่างลาลีก้า กำหนดการปิดสนามแข่ง 2 แมทช์, ลีกเอิง หลายแมทช์หน่อย จนถึงกลางเดือน เม.ย., บุนเดสลีก้า เริ่มมีขยับปิดสนามเตะบางคู่แล้ว ในขณะที่บางประเทศที่ล่อแหลมอย่างอิตาลี ถูกสั่งให้งดการแข่งขันไปอย่างน้อย ก็ต้นเดือน เม.ย.

หันกลับมามองลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่าง “พรีเมียร์ลีก” ตอนนี้ถือว่าพวกเขามีมาตรการที่ “มีระดับความเข้มน้อยที่สุด” หากเทียบกับหลายลีกใหญ่ โดยตอนนี้ถ้าไม่นับโปรแกรมคู่ตกค้าง แมนฯ ซิตี้-อาร์เซน่อล ที่เลื่อนเพราะนักเตะ “ปืนใหญ่” อาจอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง เมื่อเคยใกล้ชิดกับประธานสโมสรโอลิมเปียกอส ที่เตะกันไปเกือบ 2 สัปดาห์ก่อน นอกนั้นเกมอื่น ยังคงแข่งขันตามกำหนดการเดิม

“อีวานเจลอส มารินาคิส” เจ้าของโอลิมเปียกอส ที่มาชมทีมตัวเองเตะที่เอมิเรตส์
(Source : Mirror)

มาตรการที่กระทำในสนาม ก็มีเพียงแค่งดการจับมือระหว่างนักเตะ และทีมงานในสนาม (เค้าก็ใช้ท่อนแขนชนกันแทน) รวมถึงหลายสนามก็งดการมี “เด็กมาสค็อต” ที่จะจับมือนักเตะเดินลงสนาม นอกนั้นทุกอย่างยังปกติ อนุญาตแฟนบอลเข้าสนามเหมือนเดิม ซึ่งรวมถึงในเกมยุโรปที่ผ่านมาด้วย

การใช้ท่อนแขนชนกัน แทนการจับมือที่พรีเมียร์ลีกสั่งงดไปก่อน ในช่วงนี้
(Source : Business Insider)

หลายสื่อ หลายฝ่าย จึงเริ่มมีข้อกังวลว่ามันเพียงพอหรือไม่ กับสถานการณ์ที่น่ากลัวขึ้นทุกทีในปัจจุบัน เพราะที่อังกฤษเองก็มีผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตขยับเข้าใกล้ 10 ราย แต่คนหลายหมื่นก็ยังแห่แหนไปดูบอลกันอย่างแออัด ในทุกหัวเมืองใหญ่

ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น เกม UCL ที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับแอต.มาดริด ล่าสุด โดยที่ศึกลาลีก้าสเปน แจ้งให้เตะแบบปิดสนามไปแล้วอย่างน้อย 2 นัด แต่แฟน “ตราหมี” กลับเข้ามาเชียร์ในแอนฟิลด์ได้เต็มอัตราเหมือนเดิม แบบนี้มันปลอดภัยแค่ไหนกัน?

กองเชียร์ “ตราหมี” ที่แห่มาเยือนเมืองลิเวอร์พูล และสนามแอนฟิลด์
(Source : Liverpool Echo)

เรื่องของความเหมาะสมในมาตรการ เราคงไม่ลงลึกไปกว่านี้ เดี๋ยวจะเป็นบทความเชิงข่าว หรือสาธารณสุขไป เราขอกลับมาโฟกัสเรื่องพรีเมียร์ลีก ว่ามันจะเอาอีท่าไหนกันต่อดีกว่า

ความมั่นใจแบบชาวผู้ดี

สิ่งนึงที่ต้องเข้าใจก่อน คือฝรั่งทางยุโรปมีความวิตกกังวลต่อ “โควิด-19” คนละระดับกับเรา ซึ่งจะเรียกว่าประชาชนคนยุโรปนิ่งนอนใจก็ว่าได้ การป้องกันตัวเองเอย หรือการไม่พาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเอย จึงน้อยนิดมาก เมื่อเทียบกับการเตรียมตัวของคนฝั่งเอเชียอย่างเรา

แมทช์อาร์เซน่อล-เวสต์แฮม ที่เตะหลัง “ปืนใหญ่” เตะกับโอลิมเปียกอส ที่เจอความเสี่ยง
(Source : Futaa)

หลายฝ่ายที่เริ่มกังวล ก็เริ่มวิพากษ์การทำงานของรัฐบาล หรือหน่วยที่มีผลตัดสินใจกับกิจกรรมที่ต้องมีคนหมู่มากเข้าร่วมอย่าง “พรีเมียร์ลีก” ว่าเป็นแบบ “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” การป้องกันทุกสิ่งช้า และชะล่าใจจนเกินไปรึป่าว?

ยิ่งกับศึกพรีเมียร์ลีก ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล ถ้าไม่อันตรายแบบเสี่ยงภัยจริงๆ เกมก็คงให้ดำเนินต่อ จะด้วยความมั่นใจว่าเมืองผู้ดีป้องกันได้ดีกว่าชาวบ้านเขา หรือไม่อยากหาทางออกให้วุ่นวายก็ตามแต่ มันเลยมีเส้นบางๆ ในการตัดสินใจว่า “เหมาะสม” หรือ “ละเลย”

ด้วยสถานการณ์ ณ ขณะนี้ (อย่างที่ผมบอก บางทีมันต้องอัพเดทกันวันต่อวัน) จึงไม่แปลกที่พรีเมียร์ลีกยังยืนกรานให้แข่งตามโปรแกรมเดิมต่อไป ทั้งที่หลายคนสงสัย ว่ามันปลอดภัยจริงหรือ?

แมทช์ตกค้างระหว่าง แมนฯ ซิตี้-อาร์เซน่อล ยังคงเป็นนัดเดียวที่ถูกเลื่อนเพราะโควิด
(Source : Premier League)

อย่างเคสที่อาร์เซน่อลเตะกับโอลิมเปียกอสไป 12-13 วันก่อน จริงแหละว่ากว่าจะเตะกับไบรท์ตันในวันเสาร์ที่ 14 มี.ค. มันก็เกินระยะฟักตัว 14 วัน (ซึ่งจะว่าไป ตอนนี้ขนาดหมอ ก็เริ่มไม่แน่ใจกันละว่า 14 วันเพียงพอรึป่าว) แต่ระหว่าง 14 วันที่ว่า นักเตะและสตาฟฟ์ปืนใหญ่ได้กักกันตัวมั้ย? ได้รับการตรวจสอบดีจริงหรือเปล่า?

หาใครตอบคำถามเหล่านี้ได้ยาก คือถ้าไม่มีใครติดเชื้อ ก็คงรอดตัวไป แต่ถ้ามีนักเตะติดเชื้อแบบรูกานี่ขึ้นมาล่ะ?

การแข่งแบบปิดสนาม

ภาพมุมกว้าง ในแมทช์บาเลนเซีย-อตาลันต้า ใน UCL ที่ปิดสนามแข่ง
(Source : CGTN)

อย่างที่ว่าไป มาตรการนี้ถูกใช้ในหลายประเทศ และมันก็ดูเป็น “สิ่งที่ทำได้ ดีกว่าไม่ทำ” ที่เหมาะสม ถึงแม้มันจะขาดมนต์ขลังในการลงเล่น เหมือนที่ “เป๊บ กวาดิโอล่า” แกว่า “เตะแบบปิดสนาม สู้เลื่อนไปเลย ยังดีซะกว่า”

กับพรีเมียร์ลีกเอง หรือลีกระดับอื่นของเมืองผู้ดี ยังไม่มีการพูดถึงมาตรการนี้อย่างเป็นทางการตามหน้าสื่อ แต่ก็มีข่าวเล็ดลอดมาตั้งแต่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อน ว่าอาจจะเป็นมาตรการที่เลือกใช้ มากกว่าการเลื่อน หรือยกเลิกการแข่งขันไปเลย

เชื่อว่ามีโอกาสน้อยมากที่พรีเมียร์ลีก จะเลือกวิธีเลื่อน หรือยกเลิกลีกเป็นโมฆะ
(Source : CBS Sports)

ส่วนนึงก็เพราะว่าซีซันนี้ ลงเล่นกันมาจนเกือบโค้งสุดท้ายแล้ว พรีเมียร์ลีกเตะกันมา 29 จาก 38 นัด ในขณะที่ลีกรองเตะไป 37 จาก 46 นัด (แต่พวกลีกรองจะมีเพลย์ออฟอีก) ดังนั้นหากจะเลื่อน หรือยกเลิก มันก็ดูไม่ค่อย make sense เท่าไหร่เลย

เลื่อนเตะ เป็นไปได้มั้ย?

ลีกใหญ่ที่เลื่อนเตะไปถึงต้น เม.ย. ก่อนใคร คือกัลโช่ อิตาลี
(Source : NDTV Sports)

อีกกรณีหากสถานการณ์มันแย่ลงกว่าเดิม ถัดจากการปิดสนามเตะ อาจมีการพิจารณาให้เลื่อนเตะ ซึ่งอิตาลี ก็ใช้วิธีนี้ไปแล้วในเบื้องต้น แต่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ รัฐบาลอังกฤษต้องประกาศยกระดับการป้องกัน แบบที่แดนมักกะโรนีเขาทำเสียก่อน

ส่วนนึงที่การเลื่อนเตะให้ดีเลย์ออกไป ดูจะไม่สอดคล้องกับปฏิทินการแข่งขันนัก เพราะความจริงแล้ว มิ.ย. นี้ มี “ยูโร 2020” คอยท่าอยู่ ซึ่งถึงแม้ว่ามองในตอนนี้ มันจะจัดกันไปอีท่าไหนได้ แต่ถ้ายูฟ่ายังไม่ประกาศยกเลิก โปรแกรมลีกก็ต้องพยายามจบให้ได้เร็วที่สุด ประมาณกลางๆ เดือน พ.ค.

ยูโร 2020 ที่วางแผนจะแข่งใน 13 ประเทศ ยังไม่มีการประกาศยกเลิก
(Source : The Phuket News)

การเลื่อนโปรแกรม ยังต้องคำนึงถึงทีมที่ยังต้องลงเล่นฟุตบอลยุโรปทั้ง UCL และยูโรป้า ลีก ที่จะลงเล่นกันค่อนข้างถี่ในช่วงกลางสัปดาห์ นับตั้งแต่ เม.ย. – พ.ค.

ซึ่งผมเคยเอาโปรแกรมมาวางดูเพื่อวิเคราะห์ Fantasy Premier League พบว่ามิดวีคที่ว่าง (ไม่ติดโปรแกรมบอลยุโรป) มีเพียงกลางสัปดาห์หลัง Gameweek 34 (ประมาณ 21-22 เม.ย.) และหลัง Gameweek 37 (ประมาณ 12-13 พ.ค.) ซึ่งเดิม ถูกวางไว้ให้โปรแกรมที่ตกค้างจากการที่มีทีมเข้ารอบ 8 ทีม และรอบรองฯ​ เอฟเอ คัพ มาลงเล่น อีกต่างหาก

ดังนั้น จะเห็นได้เลยว่าวิธีนี้ไม่ง่าย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ยกเลิกให้เป็นโมฆะเลย เกิดได้จริงเหรอ?

ถ้านับถึงการยกเลิกลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ต้องย้อนไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นู่น
(Source : What Happened Today in History? – WordPress.com)

ถึงตามประวัติศาสตร์ จะเคยมีเหตุให้เกิดการยกเลิกการแข่งขันให้เป็นโมฆะอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างลีกสูงสุดของอังกฤษ ก็ต้องย้อนไปฤดูกาล 1939-40 นู่น เพราะเหตุสงคราม แต่นั่นก็เกิดเพราะพึ่งจะเริ่มเตะกันไปได้แค่ 3 นัด

ดังนั้นถึงจุดนี้ ถ้าไม่ถึงขั้นโลกแตก หรือเกิดเหตุไวรัสระบาดจนสิ่งที่เหลืออยู่คือการเอาชีวิตรอด (ฟังแล้วเหมือนพล็อตหนัง) โอกาสจะทำให้เป็นโมฆะที่ชอบแชร์กันในโซเชียล คิดว่าเป็นไปได้ยากยิ่ง

ลิเวอร์พูล จะได้เป็นแชมป์ที่รอคอยมั้ย?

พ้นเรื่องเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แชมป์ลีกของ “หงส์แดง” ต้องมาเจอ “โควิด-19” เข้าอีก
(Source : talkSPORT)

อย่างที่สาธยายมาตรการต่างๆ ด้านบน มันคงยากที่จะมีการโมฆะกันไปเลย เพราะเตะกันมา 3 ใน 4 ของโปรแกรมขนาดนี้ ดังนั้น “หงส์แดง” ที่ต้องการอีกเพียง 6 แต้ม น่าจะสามารถเข้าวินได้ทัน ถึงอาจจะต้องเผชิญการเตะในสนามปิด หรือโปรแกรมที่เลื่อนไปบ้างก็ตาม

อย่างไรก็ดี แม้มุมเลื่อน หรือให้ลีกเป็นโมฆะจะเกิดได้ยาก แต่เพื่อความชัวร์ในเอกสิทธิ์ความเป็นแชมป์ ก็เป็นหน้าที่ของทัพ “หงส์แดง” ที่ต้องรีบปิดจ็อบให้ได้โดยเร็ว ให้มันหมดข้อครหาไป

กลับมาว่าถึงการเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี การคว้ามันไว้ของลิเวอร์พูลไม่น่าพลาด แต่ก็อาจมีสิ่งแตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ อยู่ 2 เรื่องหลัก

ภาพการชูถ้วยฉลองแชมป์ลีก ซึ่งซีซั่นนี้ อาจจะแตกต่างออกไป
(Source : talkSPORT)

อย่างแรกคือการชูถ้วยแชมป์ ซึ่งปกติจะทำในนัดสุดท้ายที่ลงเล่นในบ้าน (ยกเว้นกรณีตัดสินกันถึงนัดสุดท้าย อันนั้นไม่ว่าสนามไหน ก็ต้องยกที่นั่น) หากเป็นซีซันนี้ อาจมีการพิจารณาให้ชูถ้วยแชมป์ทันที หลังแต้มขาด ยิ่งหากมาตรการยกระดับไปถึงการไม่ให้มีแฟนบอลในสนาม

อันนี้หลักๆ คงต้องรอดูสถานการณ์ของโควิด-19 ณ วันที่หงส์แดงสามารถทำแต้มได้ขาดจริงๆ ซึ่งจากแต้มปัจจุบัน แต้มจะขาดเร็วสุดในสุดสัปดาห์นี้ (14-16 มี.ค.) หาก “เรือใบสีฟ้า” แพ้เบิร์นลีย์ แล้วลิเวอร์พูลบุกไปชนะเอฟเวอร์ตัน หรือสุดสัปดาห์หน้า (21-22 มี.ค.) หากลิเวอร์พูลชนะได้ทั้งเอฟเวอร์ตัน และพาเลซ แต้มจะขาดทันที

ภาพขบวนพาเหรดฉลองแชมป์แบบนี้ อาจจะไม่ได้เห็นในซีซั่นนี้
(Source : 90min)

อีกเรื่องคือการฉลองแชมป์ หรือที่เรียกว่า “แห่แชมป์” น่ะแหละ อันนี้เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนขึ้นไปอีก เพราะอย่างการฉลองแชมป์ UCL ที่เมืองลิเวอร์พูลปีที่แล้ว ก็มีคนออกมาร่วมเรือนแสน ดังนั้นหากโควิด-19 ระบาดจริง คงปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ยาก

โอกาสงดแห่แชมป์จึงเป็นไปได้สูง หรือบางทีต้องหาวิธีที่มันควบคุมฝูงชนได้ง่ายกว่านั้น เช่น อาจจะเหมารวมการฉลองไปกับการชูถ้วยที่แอนฟิลด์ไปเลย เป็นต้น

แล้วโปรแกรมที่เหลือของทีมอื่นล่ะ?

นอกจากเรื่องของลิเวอร์พูล ต้องไม่ลืมว่าโปรแกรมของทีมอื่น ก็มีผลสำคัญไม่แพ้กัน
(Source : Man Utd Core)

พูดถึงลิเวอร์พูล มันดูใกล้ความจริง เพราะพวกเขาต้องการชัยชนะอีกแค่ 2 นัด แต่หากมองไปที่โปรแกรมอื่นๆ ที่มันจะมีผลทั้งกับอันดับบอลยุโรป, การเป็นแชมป์บอลถ้วย และการหนีตกชั้น จะเอายังไงกันดี?

เบื้องต้น คงต้องทำการมาตรการที่เราบอกไปก่อน โดยถ้าไม่รุนแรงจริงๆ พรีเมียร์ลีกคงพยายามประคองให้แข่งกันจนครบตามโปรแกรมให้ได้ เพื่อป้องกันความวุ่นวายอื่นๆ ตามมา

แต่ถ้ามันถึงขั้นต้องมีการยกเลิกโปรแกรมที่เหลืออยู่จริงๆ (ไม่ว่ากี่นัดก็แล้วแต่) อันนี้มันถือเป็นมิติใหม่ ที่คาดเดาได้ยากจริงๆ ว่าพรีเมียร๋ลีกจะจัดการผลที่ตามมาได้ยังไง

ถึงในพรีเมียร์ลีกจะยังไม่มีคนเกี่ยวข้องโดยตรงติดเชื้อ แต่ก็ไม่อาจการันตีความปลอดภัยได้
(Source : The Liverpool Offside)

ก็หวังว่าจะไม่ถึงขั้นต้องทำแบบนั้น เพราะถ้าต้องยกเลิกกันแบบนั้นจริงๆ ก็หมายความว่า “โควิด-19” มันร้ายแรงจนยากจะควบคุมน่ะซิ… บรึ๊ยส์

Picture : ESPN, NewsGroove Uk, Metro, CBS Sports, Mirror, Business Insider, Liverpool Echo, Futaa, Premier League, CGTN, NDTV Sports, The Phuket News, What Happened Today in History? – WordPress, talkSPORT, 90min, Man Utd Core, The Liverpool Offside

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save