ย้อนรอยอดีตแข้งดังที่ทำตัวใหญ่กว่าสโมสร - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ย้อนรอยอดีตแข้งดังที่ทำตัวใหญ่กว่าสโมสร

คำพูดที่บอกว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร” ก็ยังคงใช้ได้อยู่เสมอในวงการฟุตบอลแม้กระทั่งในยุคปัจจุบัน โดยผู้เล่นบางคนเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นซุเปอร์สตาร์แล้วต่างก็อยากมีสิทธพิเศษเหนือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งผู้จัดการทีมของพวกเขาเองก็ตาม

อดีตผู้เล่นชื่อดังเหล่านี้ ต่างเคยผ่านประสบกาณ์การทำตัวเป็นนักเตะจอมดื้อ และสร้างวีรกรรมที่สุดแสบมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตัวเองทำเอาไว้

1. เอียน ไรท์ (อาร์เซน่อลล)

Source : informationng

ย้อนกลับไปในปี 1996 ริอ็อค ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ อาร์เซนอล พยายามนำสไตล์การเล่นต่อบอลสั้นที่สวยงามมาสู่ถิ่นไฮบิวรี่ แต่โค้ชชาวสก็อตแลนด์ คิดว่า ไรท์ ซึ่งเป็นดาวยิงคนสำคัญของ “ไอ้ปืนใหญ่” ในเวลานั้น ไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร และมีแนวทางการเล่นไม่เข้ากับระบบ

จุดแตกหักเกิดขึ้นหลังจบเกมเอฟเอ คัพ ที่ อาร์เซนอล พ่ายให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรงในห้องแต่งตัวหลังจากที่ ริอ็อค พูดเปรียบเทียบว่า จอห์น แม็คกินเลย์ อดีตหัวหอก โบลตัน วันเดอเรอร์ส ซึ่งเป็นลูกทีมเก่าของเขาทำได้ดีกว่า ไรท์

อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ เข้าไปชี้แจงปัญหาดังกล่าวให้กับ เดวิด ดีน รองประธานสโมสร อาร์เซนอล ได้รับฟัง ผลสรุปคือ ไรท์ ได้อยู่ต่อพร้อมกับเป็นดาวซัลโวของทีม แต่ ริอ็อค ต้องเก็บข้าวของออกจากทัพ “เดอะ กันเนอร์ส” หลังคุมทีมได้เพียงปีเดียว

2. ปิแอร์ ฟาน ฮอยดองค์ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)

Source : fourfourtwo

        หลังจากยิงไป 34 ประตู ให้กับ ฟอเรสต์ ในศึกดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1997-1998 พร้อมกับพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ กองหน้าชาวดัตช์ คิดว่า สโมสรขาดความทะเยอะทะยานหลังจากขาย 2 นักเตะหลักอย่าง เควิน แคมป์เบลล์ ให้กับ แทร็บซอนสปอร์ และโคลิน คูเปอร์ ให้กับ มิดเดิลสโบรช์

        ฟาน ฮอยดองค์ ไม่รอช้า และตัดสินใจขอขึ้นบัญชีย้ายออกจาก ฟอเรสต์ ทันที อย่างไรก็ตาม “เจ้าป่า” บอกปฏิเสธ จึงทำให้เขาไม่พอใจ และหนีกลับไปซ้อมเพื่อรักษาระดับความฟิตกับ เอ็นเอซี เบรด้า อดีตต้นสังกัดเก่าในฮอลแลนด์

        หลังจากผ่านไป 3 เดือน ฟาน ฮอยดองค์ กลับมาเล่นให้กับ ฟอเรสต์ อีกครั้ง ในยุคของกุนซือ เดฟ บาสเซ็ตต์ แต่เมื่อจบฤดูกาล เดวิด แพลตต์ เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ “เจ้าป่า” และจัดการขายเขาให้กับ วิเทสส์ อาร์เน่ม ทันที โดยให้เหตุผลว่า “มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ ปิแอร์ จะไม่กลับมาที่นี่อีก”

3. เดวิด เบ็คแฮม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

Source : cachefly

แม้ เบ็คแฮม จะเคยอ้างว่า ตัวเขา และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความสัมพันธ์แบบ“ พ่อ-ลูก” แต่ความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นมันก็เริ่มสลายไปในช่วงครึ่งทางของฤดูกาล 2002-2003 หลังจากที่ อดีตปีกขวา “ปีศาจแดง” ฟอร์มตกอย่างหนัก

เฟอร์กูสัน ไม่พอใจ เบ็คแฮม อย่างมากในเกมเอฟเอ คัพ ที่ แมนฯยูไนเต็ด พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล โดย เฟอร์กี้ วิจารณ์ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษว่า ไม่ยอมช่วยเพื่อนร่วมทีมไล่บอลจนเป็นเหตุให้เสียประตูสำคัญ รวมทั้งยังใส่ใจกับการใช้ชีวิตนอกสนามไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัว และการทำทรงผมต่างๆ

ในท้ายที่สุด อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ในยุคของ เฟอร์กูสัน ไม่มีนักเตะคนใดของ แมนฯยูไนเต็ด ใหญ่กว่าสโมสร และหากใครคิดแบบนั้นต้องโดนขายทิ้ง ซึ่งมันไม่เว้นแม้แต่ เบ็คแฮม ที่เป็นขวัญใจของแฟนบอล “ปีศาจแดง” เองก็ตาม

4. โทนี่ เยบัวห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด) TONY YEBOAH (LEEDS)

Source : 365dm

“ผมไม่คิดว่า จอร์จ เกร์แฮม จะชอบผมมากนัก ผมคิดว่า เขาคาดหวังว่า ผมจะเจอกับความยากลำบากตอนที่เขาคุมทีมทีม” เยบัวห์ อดีตกองหน้าของ ลีดส์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ถึงกรณีการมีปัญหากับ จอร์จ เกร์แฮม อดีตกุนซือ “ยูงทอง”

ย้อนกลับไปในปี 1996 เกร์แฮม ได้เข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนในถิ่นแอร์แลนด์ โร้ด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ เยบัวห์ กำลังเป็นตัวหลัก และโชว์ฟอร์มถล่มประตูประตูอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวก “ยูงทอง”

อย่างไรก็ตาม ในเกมลีกที่ ลีดส์ เอาชนะ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ 1-0 เกร์แฮม เปลี่ยนตัว เยบัวห์ ออก และส่งกองหลังลงเล่นแทนเพื่อรักษาสกอร์ที่ขึ้นนำเอาไว้ แต่ดาวยิงชาวกาน่า ไม่พอใจอย่างหนัก และเขวี้ยงเสื้อใส่ เกร์แฮม นั่นทำให้โค้ชเลือดวิสกี้ฉุนขาด

หลังจากนั้น เยบัวห์ ก็แทบไม่ได้ลงเล่นให้ ลีดส์ อีกเลยในช่วงที่เหลือของฤดูกาล โดย เกร์แฮม อธิบายว่า “เยบัวห์ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และเขาไม่ทำตัวให้ดีพอที่ผมจะเลือกเขาลงสนาม”

5. ดิเอโก้ มาราโดน่า

Source : guim

การย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปยัง นาโปลี ด้วยค่าตัวสถิติโลก 6.9 ล้านปอนด์ ในปี 1984 ของ มาราโดน่า นั้น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเมืองเนเปิ้ลส์ต่างพาพันพาดหัวข่าวว่า “เราไม่มีนายกเทศมนตรี, ไม่มีบ้าน, ไม่มีโรงเรียน และไม่มีรถโดยสาร แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเรามี ดิเอโก มาราโดน่า”

“เสือเตี้ย” นำความสำเร็จมาสู่ถิ่นซาน เปาโล ได้อย่างสุดยอดด้วยการพา นาโปลี คว้าแชมป์เซเรีย อา 2 สมัย ในปี 1987 และ 1990 แต่เรื่องนอกสนามของเขาก็รุนแรงไม่แพ้กัน หลังจากโดดซ้อมไปหลายครั้ง รวมทั้งมีข่าวเชื่อมโยงกับกลุ่มมาเฟีย

ในกรกฎาคมปี 1991 นาโปลี ประกาศแต่งตั้ง เคลาดิโอ รานิเอลลี่ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ แต่น่าเสียดายเขาไม่สามารถร่วมงานกับ มาราโดน่า ได้  หลังจากจอมทัพอาร์เจนไตน์ โดนแบน 15 เดือนจากการใช้โคเคน

รานิเอลลี่ กล่าวว่า “ผมอยากที่จะทำงานร่วมกับ มาราโดน่า แต่ไม่มีใครเลยแม้แต่เขาที่จะยิ่งใหญ่กว่าสโมสรแห่งนี้” โดยในปี 1992 มาราโดน่า ก็โดนขายให้กับ เซบีญ่า ในสเปน

ภาพประกอบ : 101greatgoals.com, fourfourtwo.com, givemesport.com, skysports.com, theguardian.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save