ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ทำให้โรงหนังทั่วประเทศถูกปิดเพื่อสนองมาตรการของภาครัฐในการยับย้องการแพร่ระบาดในที่สาธารณะ แม้ว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายขึ้นจนโรงหนังกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง แต่การที่โรงหนังยังไม่มีหนังใหม่ ๆ เข้าฉายก็ทำให้พฤติกรรมการดูหนังของใครหลายคนเปลี่ยนไปเป็นการดูหนังผ่านบริการ Straming กันอย่างคึกคักมากขึ้น
โดยเฉพาะ Straming ยักษ์ใหญ่อย่าง “NETFLIX” ที่เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสทอง เร่งผลิตหนังออกฉายตามช่องทางของตัวเองแบบไม่ง้อโรงหนัง โดยตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา THE OLD GUARD คือหนังใหม่ล่าสุดที่ NETFLIX ภูมิใจนำเสนอ
THE OLD GUARD ดัดแปลงจากคอมมิคชื่อเดียวกันของค่ายอย่าง IMAGE COMICS ภายใต้การกำกับของ “จีน่า พรินซ์-บาธวูด” (Gina Prince-Bythewood) ผู้กำกับหญิงเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันที่เคยฝากผลงานแนวดราม่ามาแล้วหลายเรื่อง แต่สำหรับ THE OLD GUARD ถือเป็นงานสายแอคชั่นเรื่องแรกของเธอ สำหรับเนื้อเรื่อง “เกร็ก รักคา” (Gregory Rucka) นักเขียนที่เคยทำงานร่วมกับค่าย DC และ MARVEL มาช่วยดัดแปลงเนื้อหาจากคอมมิคเป็นบทภาพยนตร์ สำหรับนักแสดงก็เรียกได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะได้นักแสดงระดับตัวแม่ของฮอลลีวูดอย่าง “ชาร์ลิส เธอรอน” (Charlize Theron) มารับบทนำ โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ เธอหันมารับงานแนวแอคชั่นบล็อกบัสเตอร์มากขึ้น แถมยังมีผลงานออกมาต่อเนื่องแทบทุกปี ตั้งแต่เรื่อง Mad Max: Fury Road (2015) จนกระทั่งมาระเบิดความสามารถด้านแอคชั่นอย่างเต็มตัวใน Atomic Blonde
(2017)
THE OLD GUARD เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชีวิตอมตะซึ่งต่อสู้ปกป้องโลกมนุษย์มาหลายร้อยปี โดยมี “แอนดี้” (ชาร์ลิซ เธอรอน) เป็นหัวหน้า แต่ชีวิตของพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป เมื่อบริษัทยาของ “มิสเตอร์วอร์ริก” (แฮร์รี่ เมลลิ่ง) ต้องการนำตัวมนุษย์อมตะกลุ่มนี้ไปทดลองเพื่อหวังครอบครองพลังอมตะ ในขณะเดียวกันทีมของแอนดี้ก็พบสมาชิกใหม่ที่ชื่อ “ไนล์” (กิกิ เลย์น) ซึ่งมีพลังการฟื้นฟูตัวเองเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดจึงต้องร่วมมือกันต่อกรกับองค์กรร้ายและหยุดยั้งแผนที่จะนำพลังของพวกเขาไปใช้ในทางที่ผิด
พูดกันตรง ๆ เพียงแค่อ่านเรื่องย่อหลายคนคงพอเข้าใจว่า THE OLD GUARD เป็นหนังที่ไม่มีอะไรซับซ้อน พล็อตเรื่องก็พบได้ทั่วไปในหนังยุคนี้ เพราะฉะนั้นความสนุกตื่นเต้นของหนังจึงขึ้นอยู่กับว่า “ฉากแอคชั่น” จะทำออกมาได้น่าสนใจหรือโดดเด่นกว่าหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ ยังไง ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก บางคนที่ดูหนังมาก ๆ ก็จะพอเข้าใจว่าหนังยุคนี้หลายเรื่องเลือกที่จะใช้บทและการดำเนินเรื่องแบบเรียบง่าย พล็อตเรื่องไม่ต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรมากมาย แต่มีฉากแอคชั่นที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ปรัชญาการทำหนังแอคชั่นสไตล์นี้ช่วยให้หนังหลายต่อหลายเรื่องประสบความสำเร็จจนกลายเป็น “ตำนาน” มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น John Wick 1-3, Equalizer 1-2 หรือแม้แต่ Extraction ของ Netflix เองก็ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงเรื่องฉาก
แต่สำหรับ THE OLD GUARD แม้ฉากแอคชั่นดูเพลินใช้ได้ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับเข้มข้นปรอทแตก
สกิลด้านการต่อสู้ก็ค่อนข้างธรรมดา งานภาพและเสียงก็ไม่ได้โดดเด่น มุมกล้องหรือการตัดต่อฉากแอคชั่นก็ถือว่าธรรมดาทั่วไป แม้ว่าหลายฉากมันจะให้อารมณ์คล้าย ๆ ฉากต่อสู้ที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสกันฟูฟีเวอร์ (ใช้ปืนต่อสู้ระยะประชิด) ของ John Wick ไม่มากก็น้อย แต่พักหลัง ๆ ฉากต่อสู้สไตล์นี้มันก็เห็นได้เกลื่อนในหนังแอคชั่นหลายเรื่อง ซึ่งแทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่ประสบความสำเร็จเหมือน John Wick
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่า THE OLD GUARD แทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากบทและตัวละครอย่างคุ้มค่า ทั้ง ๆ ที่ตัวละครเป็น “มนุษย์อมตะ” แถมยังเป็นนักรบที่ผ่านศึกสงครามมาหลายร้อยปี มันน่าจะช่วยให้ได้เปรียบในเรื่องของการออกแบบฉากแอคชั่นและสกิลการต่อสู้ต่าง ๆ โดยไม่ต้องแคร์ความสมจริง (เพราะยังไงก็ไม่ตาย/ตายยังไงก็ฟื้นอยู่ดี) หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมีฉากทีเด็ดหรือฉากจำที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังมีคนพูดถึงอยู่แบบ John Wick หรือ Equalizer แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ฉากต่าง ๆ ใน THE OLD GUARD กลับค่อนข้างแบนราบไร้ความน่าจดจำ แต่ทว่าหากมองในแง่ที่ผู้กำกับอย่าง “จีน่า พรินซ์-บาธวูด” เพิ่งมาจับงานแอคชั่นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เธอทำงานแนวดราม่ามาตลอด ก็ถือว่า THE OLD GUARD เป็หนังแอคชั่นย่อยง่ายดูเพลิน ๆ ได้สนุกพอสมควร
อย่างไรก็ตาม THE OLD GUARD ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อด้อย จุดเด่นที่ต้องยอมรับในหนังเรื่องนี้ คือ นักแสดงอย่าง “ชาร์ลิซ เธอรอน” ที่ยังคงโดดเด่นและเปี่ยมไปด้วยบารมีความเป็นตัวแม่แห่งฮอลลีวูดแทบทุกเรื่องทุกบทบาทที่เธอนำแสดง โดยเฉพาะหลายปีมานี้ที่เธอหันมาจับงานแอคชั่นดิบ ๆ เถื่อน ๆ เธอก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนหลายคนเรียกเธอว่าเป็น “แอคชั่นสตาร์” ซึ่งนักแสดงหญิงไม่กี่คนในฮอลลีวูดที่จะทำได้อย่างเธอ
โดยรวมแล้ว THE OLD GUARD ถือว่าเป็นหนัง NETFLIX ที่ดูฆ่าเวลาได้เพลิน ๆ ไม่ได้เลวร้ายขนาดรู้สึกเสียดายเวลา แถมย่อยง่ายไม่ต้องตกผลึกอะไรกับมันมาก ดูจบแล้วก็จบไป แต่ถ้าหากคุณเอาไปเปรียบเทียบกับหนังแอคชั่นบล็อกบัสเตอร์ คุณอาจจะรู้สุกหงุดหงิดบ้าง แต่โดยรวมแล้วในเรื่องคุณภาพการถ่ายทำถือหรือโปรดักชั่นต่าง ๆ ถือว่าหนัง NETFLIX ตอนนี้แทบจะไม่แตกต่างจากหนังโรงแล้ว แถมยังนอนดูอยู่บ้านได้ชิล ๆ ไม่ต้องกลัวติดโรคระบาดอีกด้วย
Text – Exocet
1 Comment
Comments are closed.
[…] […]