มิโด (Mido) เผยโฉมเรือนเวลาคอลเลคชั่นใหม่ Ocean Star GMT เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของหนุ่มผู้รักการเดินทาง พร้อมฟังก์ชั่นบอกเวลา 2 ไทม์โซน - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
มิโด (Mido) เผยโฉมเรือนเวลาคอลเลคชั่นใหม่ Ocean Star GMT เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของหนุ่มผู้รักการเดินทาง พร้อมฟังก์ชั่นบอกเวลา 2 ไทม์โซน

สำหรับนักเดินทางที่มีความฝันในการเดินทางข้ามท้องทะเล Mido ได้เติมเต็มทางเลือกใหม่ในคอลเล็กชั่น Ocean Star ด้วยการติดตั้งฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์อย่างมากในการเดินทางอย่าง GMT แน่นอนว่าคุณ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างกันของ 2 เขตเวลา นั่นคือ เวลาของเมืองที่คุณเดินทางจากมา (Home Time) และเวลาของที่คุณเดินทางมาถึง (Local Time)

มิโด (Mido) แบรนด์นาฬิกาในเครือ สวอทช์ กรุ๊ป (Swatch Group) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน รวมถึงความเที่ยงตรงสูง ซึ่งได้รับการรับรองจาก Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC. อวดโฉมเรือนเวลาดีไซน์ใหม่ในตระกูล Ocean Star

สำหรับนักเดินทางที่มีความฝันในการเดินทางข้ามท้องทะเล Mido ได้เติมเต็มทางเลือกใหม่ในคอลเล็กชั่น Ocean Star ด้วยการติดตั้งฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์อย่างมากในการเดินทางอย่าง GMT แน่นอนว่าคุณ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างกันของ 2 เขตเวลา นั่นคือ เวลาของเมืองที่คุณเดินทางจากมา (Home Time) และเวลาของที่คุณเดินทางมาถึง (Local Time)

และด้วยการผสมผสานระหว่างหน้าปัดสีดำที่มีโทนสีและลวดลายที่ดูนุ่มละมุนเหมือนกำมะหยี่กับขอบตัวเรือนสีน้ำเงินเงาแวววาวที่ผลิตจากเซรามิก ทำให้สัมผัสที่ได้จาก Ocean Star GMT มีการตัดกันอย่างลงตัวและโดดเด่น และเมื่อพลิกไปที่ด้านหลังของเรือนเวลา ซึ่งมีการติดตั้งกลไก Caliber80 ซึ่งสามารถให้กำลังงานสำรองสูงสุดถึง 80 ชั่วโมงนั้น คุณจะพบกับตัวบ่งบอกเขตเวลาที่ Mido ได้สลักลงไปบนฝาหลัง สำหรับการใช้งานฟังก์ชั่น GMT ของตัวนาฬิกานั้นถือว่าง่ายสุดๆ และสามารถมอบความอิสระในการใช้งานมากขึ้นเป็นสองเท่าไม่ว่าจะเป็นการใช้งานใต้ท้องทะเล หรือว่าจะอยู่บนข้อมือของผู้ที่มีอะดรีนาลีแห่งการออกเดินทางสูบฉีดอยู่ในร่างกาย

ประภาคาร Europa Point Lighthouse”

ณ ตำแหน่งที่อยู่ด้านใต้สุดของทวีปยุโรป คือ ที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างที่ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามอย่างหนึ่ง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อท้าทายพลังแรงแห่งพายุ และเปรียบเสมือนเป็นผู้พิทักษ์และสอดส่องการเดินทางบนพื้นที่ของช่องแคบยิบรอลตาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องมาตั้งแต่ปี 1841 นั่นคือ “ประภาคาร Europa Point Lighthouse” ลำแสงพลังแรงของไฟสามารถช่วยให้บรรดาเหล่ากะลาสีเรือ สามารถหาร่องน้ำในการเดินเรือที่เหมาะสมท่ามกลางสภาพอันแปรปรวนของจุดบรรจบระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติก

และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สำหรับคอลเล็กชั่น Ocean Star ที่ได้รับการสร้างสรรค์โดย Mido มาตั้งแต่ปี 1941 สามารถสะท้อนถึงบุคลิกที่มีอยู่ในตัว โดยเฉพาะความทนทาน เช่นเดียวกับประภาคารแห่งนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนำทางมนุษย์เราให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยในทุกครั้งที่พวกเขามีแรงผลักดันให้ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ในโลกแห่งท้องทะเล

Ocean Star GMT

ได้ผ่านการพิสูจน์ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นในการทำงานที่โดดเด่น ด้วยความสมบูรณ์แบบในการออกแบบที่ช่วยเพิ่มความความง่ายในการมองเห็น เพิ่มความสะดวกในการอ่านค่าเวลา ซึ่ง Mido ได้มีการปรับเปลี่ยนชุดเข็มในตัวนาฬิกาให้สอดคล้องกับฟังก์ชั่นทำงานของตัวนาฬิกา นอกเหนือจากเข็มชั่วโมง เข็มนาทีและเข็มวินาทีแล้ว ยังมีเข็มแสดงเวลาที่ 2 ซึ่งมีการเคลือบเงาด้วยโทนสีน้ำเงิน

โดยเข็มชุดนี้จะทำหน้าที่ร่วมกับสเกลบอกเวลาในแบบ 24 ชั่วโมงที่อยู่ด้านในของหน้าปัด เพื่อบอกเวลาที่ 2 โดยบนสเกลนั้นจะมีการแบ่งโซนเวลาในช่วงกลางวันและกลางคืนอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเป็นโซนเวลากลางวันจะมากับพื้นสีน้ำเงิน และถ้าเป็นโซนเวลากลางคืนก็จะมากับชุดโทนสีดำ ด้วยประสิทธิภาพของสารเรืองแสง Super-LumiNova® ที่ถูกแต้มลงบนทั้งชุดเข็มและหลักชั่วโมงจึงช่วยทำให้ผู้สวมใส่สามารถรับทราบเวลาที่เกิดขึ้นแม้จะอยู่ในที่มืด เช่น ใต้ท้องทะเลลึกก็ตาม อีกทั้งยังมีการเจาะช่องสำหรับแสดงวันที่เอาไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาบนหน้าปัด

ขอบตัวเรือนแบบหมุนทางเดียวที่ผลิตจากเซรามิกของ Ocean Star GMT ยังจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถรับทราบเวลาที่ถูกใช้ไปแม้ว่าจะเป็นเวลาก่อนที่จะเริ่มมีการจับเวลาในการผจญภัยครั้งใม่ หรือเวลาที่ถูกใช้ไปในระหว่างอยู่ใต้น้ำ ขอบตัวเรือนถูกออกแบบอย่างใส่ใจทั้งในเรื่องของการใช้งานอย่างสะดวก และจากการที่ใช้เซรามิกแบบที่มีความทนทานต่อการใช้งานสูงนั้นยังช่วยทำให้ลดปัญหาเรื่องการขูดขีดและการสวมใส่ได้อีกด้วย

ตัวนาฬิกาสามารถกันน้ำได้สูงสุด 20 บาร์ และมาพร้อมกับกระจก Sapphire ที่มีการเคลือบสารกันการสะท้อนแสดงบนทั้งด้านในและด้านนอก  ซึ่งทั้งหมดช่วยทำให้นาฬิกาสปอร์ตรุ่นนี้มีความเหมาะสมอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานในการสำรวจทางทะเล และที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือเทคโนโลยีในการผลิตสายที่มาพร้อมกับเส้นสีฟ้าที่สอดรับกับสีของเข็ม GMT และนั่นทำให้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สวมใส่ขณะที่คาดนาฬิการุ่นนี้อยู่บนข้อมือ

นอกจากนั้น Ocean Star GMT ยังมีทางเลือกอีกรุ่นกับสายสตีลพร้อมกับเข็ม GMT สีส้ม และอีกทางเลือกคือตัวเรือนสตีลแบบทูโทน และเคลือบ PVD สี Rose Gold มองเห็นอย่างชัดเจน เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและใช้งานได้จริงในทุกสถานการณ์ ดังนั้น Ocean Star GMT จึงถือเป็นการเปิดโลกแห่งการเดินทางและการค้นพบทางทะเลอย่างแท้จริง

#OceanStarGMT #Midowatches

Sharry

Writer, Project Editor, Photographer

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save