สำหรับวงการฟุตบอลในบางครั้งมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพผู้จัดการทีม ซึ่งถือว่า เป็นงานที่กดดันมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นโค้ชระดับบิ๊กมันไม่มีอะไรการันตีว่า อนาคตของพวกเขาจะมั่นคง
สุดยอดกุนซือมากฝีมือเหลานี้ ปัจจุบันต่างก็กำลังประสบปัญหากับสภาวะว่างงาน แต่เชื่อได้ว่า ด้วยมันสมอง, คุณภาพ, ประสบการณ์ และศักยภาพของพวกเขานั้น มีดีพอที่จะได้กลับหวนกลับคืนสู่โลกลูกหนังอีกครั้งในอนาคตกันใกล้นี้อย่างแน่นอน
1. อูไน เอเมรี่
ในช่วงเวลาของ เอเมรี่ กับ อาร์เซน่อล นั้น แทบจะไม่ได้มีอะไรที่เลวรายมากนัก โดยย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2018-2019 เขาพาพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” จบด้วยอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีก รวมทั้งพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูโรป้า ลีก แต่ต้องพ่ายให้กับ เชลซี 4-1
เทรนเนอร์ชาวสเปน โดน อาร์เซน่อล ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2019 หลังถูกมองว่า ทีมไม่มีการพัฒนา และใช้แท็คติคที่ทำให้นักเตะสับสน แต่ เอเมรี่ เพิ่งอายุเพียง 48 ปี เท่านั้น และยังคงเต็มไปด้วยคววามกระหายในชัยชนะเต็มเปี่ยม
เอเมรี่ มีประสบกาณ์ในวงการลูกหนังยุโรปโชกโชน เขาเคยคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก กับ เซบีย่า ได้ถึง 3 สมัย, แชมป์ลีก เอิง กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อีก 1 สมัย ซึ่งฝีมือของเขาสามารถไปคุมทีมในลีกระดับท็อปได้อย่างไม่ยาก
2. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ยอดผู้จัดการทีมชาวอาร์เจนไตน์ ผู้เปลี่ยนโฉม ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ให้กลายเป็นสโมสรชั้นนำของพรีเมียร์ลีก และวงการฟุตบอลยุโรป โปเช็ตติโน่ ใช้เวลา 5 ปี ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “ไก่เดือยทอง” ก่อนจะโดนปลดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2019
แม้ โปเช็ตติโน่ จะไม่เคยคว้าแชมป์กับ สเปอร์ส ได้เลยแม้แต่รายการเดียว แต่การพาทีมเข้าไปดวลกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-2019 ก็ยังอยู่ในความทรงจำของสาวก “ไก่เดือยทอง” เป็นอย่างดี
ฝีมือของ โปเช็ตติโน่ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ซึ่งจากการที่มีข่าวว่า บรรดาสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้ตัวไปกุมบังเหียนนั้น ก็การันตีคุณภาพของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
3. มัสซีมีเลียโน่ อัลเลกรี
หนึ่งในโค้ชที่น่าเกรงขาม และน่ายกย่องที่สุดตลอดระยะเวลาหลายปีของศึกกัลโช่ เซเรีย อา อัลเลกรี อำลา ยูเวนตุส เมื่อซัมเมอร์ปี 2019 พร้อมกับฝากผลงานพลทัพ “เจ้าม้าลาย” กวาดแชมป์ลีก 5 สมัย และ แชมป์โคปา อิตาเลีย 4 สมัย
ยอดกุนซือชาวอิตาเลียน มีฝีมือ, บารมี, มันสมอง และศักยภาพพร้อมทุกอย่างในการคุมสโมสรยักษ์ใหญ่ทุกทีมบนโลกใบนี้ และเชื่อได้ว่า อีกไม่นาน อัลเลกรี คงได้เวลากลับมายืนคุมทีมข้างสนามอีกครั้ง
4. มาร์โก ซิลวา
น่าเสียดายที่เวลาของ ซิลวา กับ เอฟเวอร์ตัน ต้องจบลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ โดยเทรนเนอร์หนุ่มชาวโปรตุกีส ถูกวางไว้ว่า จะเป็นคนวางรากฐานระยะยาวของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”ยุคใหม่ แต่เขากลับคุมทีมได้เพียง 1 ปี 7 เดือน เท่านั้น
โค้ชวัย 42 ปี ได้รับการยกย่องว่า เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีฝีมือ ซึ่งการันตีผลงานการคว้าแชมป์ลีกกรีซร่วมกับ โอลิมเปียกอส มาแล้ว 1 สมัย พร้อมกับปั้นทีมอย่าง ฮัลล์ ซิตี้ และ วัตฟอร์ด เล่นได้อย่างน่าตื่นเต้น และบางทีโอกาสของเขากับทีมระดับกลางที่มีความกดดันน้อยก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
5. ลีโอนาร์โด จาร์ดิม
ตลอดระยะเวลา 4 ปี กับ โมนาโก นั้น จาร์ดิม พาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิง มาแล้ว 1 สมัย พร้อมกับสร้างความตื่นเต้นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงปั้นนักเตะอย่าง ฟาบินโญ่, แบร์นาโด ซิลบา, ติมู บากาโยโก้ และคิเลียน เอ็มบั๊บเป้
โค้ชชาวโปรตุเกส ถูก โมนาโก ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเข้ามาคุมทีมเป็นคำรบที่ 2 เมื่อเดือนมกราคมปี 2019 และถูกไล่ออกอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีเดียวดังกล่าว
ปัจจุบัน จาร์ดิม ยังคงว่างงานอยู่ และด้วยวัยเพียง 45 ปี เส้นทางอาชีพผู้จัดการทีมของเขายังอีกยาวไกล หากทีมใดได้ลายเซ็นของเขาไปนั้น มันจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน
6. เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้
เหยื่อรายล่าสุดของ บาร์เซโลน่า บัลเบร์เด้ ต้องรู้สึกขมขื่นกับช่วงเวลา 3 ปี ในถิ่นคัมป์ นู เพราะถึงแม้เขาจะพลพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” กวาดแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 2 สมัย แต่ก็ต้องโดนไล่ออกเมื่อเดือนมกราคมปี 2020 ท่ามกลามความน่าประหลาดใจ
โค้ชวัย 56 ปี โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า บารมี และสไตล์การคุมทีมไม่เหมาะกับสโมสรระดับโลกอย่าง บาร์เซโลน่า ที่มีบรรดานักเตะดาราดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เคราร์ด ปิเก้, เซอร์จิโอ บุสเกตส์ และหลุยส์ ซัวเรส
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ของ บัลเบร์เด้ ที่ได้ทำงาน บาร์เซโลน่า มันจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลสำหรับสโมสรใหม่ที่ได้ตัวเขาไปคุมทีม
ภาพประกอบ : metro.co.uk, premierleague.com, corrieredellosport.it, skysports.com, marca.com