คู่มือน้ำหอมสำหรับผู้ชาย: วิธีเลือก และวิธีใช้ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
คู่มือน้ำหอมสำหรับผู้ชาย: วิธีเลือก และวิธีใช้

กลิ่นหอม เป็นส่วนที่มองไม่เห็นในสไตล์ส่วนตัวของเรา แต่มันมีผลอย่างมากต่อการรับรู้ของผู้คน และจดจำคุณ

โคโลญที่ดีนำเสนอสิทธิประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การทำให้คุณน่าสนใจยิ่งขึ้น ไปจนถึงการช่วยให้คุณรู้สึกเครียดน้อยลง และมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ถึงกระนั้น 80% ของผู้ชายไม่สวมน้ำหอมเป็นประจำ! ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? รู้สึกว่าเหตุผลหลักคือการขาดข้อมูลพื้นฐาน และการศึกษา ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ใช้ colognes และน้ำหอม เพราะพวกเขามีแบบอย่าง รวมถึงผู้ชายส่วนใหญ่ไม่รู้คำศัพท์ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหอม และการสวมใส่ได้ดีนั้นง่ายต่อการเข้าถึงมากขึ้น

bottles of perfume

ทำไมต้องใส่น้ำหอม?

การใส่น้ำหอมจะไม่เพียงเพิ่มความน่าดึงดูด แต่ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวคุณด้วย กลิ่นหอมสามารถเสริมสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับผู้คน กลิ่นเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังที่สุด และสัมผัสได้ไวกว่าวิสัยทัศน์ของคุณ นอกจากนี้กลิ่นยังกระตุ้นความทรงจำได้ดีกว่าประสาทสัมผัสอื่นๆ เพราะจมูกนั้นเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบลิมบิก หรือบางครั้งเรียกว่า “สมองอารมณ์” กลิ่นอันทรงพลัง และเป็นเอกลักษณ์ = การเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง

กลิ่นหอมที่ดีเพิ่มความประทับใจโดยรวมของคุณในการเป็นคนที่เฉียบแหลม แม้ว่าการแต่งตัวดีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณ ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณดูดี แต่ในขณะเดียวกันการใส่โคโลญจน์ หรือน้ำหอมจะช่วยเพิ่มความรู้สึกทางอารมณ์ได้เหมือนกัน ดังนั้นคุณควรตระหนักถึงความสำคัญของกลิ่นที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นสำหรับการออกเดท และสร้างความประทับใจทั่วไปก็ตาม

น้ำหอมคืออะไร?

กลิ่นหอมเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนของสิ่งที่ผู้คนในอุตสาหกรรมน้ำหอมมองว่ามันเป็นวัตถุดิบ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้สามารถสกัดได้จากแหล่งธรรมชาติ หรือวัตถุดิบสังเคราะห์

น้ำมันหอมระเหยจะถูกละลายในตัวที่ทำละลาย (โดยปกติจะเป็นแอลกอฮอล์) เพื่อรักษากลิ่นที่น่าพึงพอใจ ความเข้มข้นที่สูงขึ้นของน้ำมันมักจะหมายถึงกลิ่นหอมที่แข็งแกร่ง ความแข็งแรงของน้ำหอมจะเป็นตัวกำหนดค่าของกลิ่นว่าจะอยู่กับผิวของคุณนานแค่ไหน

สิ่งสำคัญคือให้สังเกตว่าน้ำหอมทุกกลิ่นมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล มันเป็นความไม่แน่นอน และความซับซ้อนที่ข่มขู่ผู้ชายหลายคน แต่ถ้าคุณมองว่ามันเป็นกระบวนการค้นพบมันจะเป็นการเดินทางที่สนุกสนาน

ความแตกต่างระหว่าง
Fragrance, Perfume, Toilette และ Cologne คืออะไร?

“Fragrance” เรามักจะใช้สำหรับเรียกน้ำหอมทั่วๆ ไป ซึ่งก็มาในหลายรูปแบบ แต่จริงๆ แล้ว น้ำหอมแต่ละประเภทมันมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ :

  • Eau Fraiche เป็นน้ำหอมประเภทที่เจือจางที่สุด ส่วนมันใช้น้ำมันน้ำหอม 1-3% ในแอลกอฮอล์ และน้ำ ซึ่งปกติแล้วกลิ่นที่ได้นั้นจะอยู่ได้นานน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง
  • โคโลญ ( Eau de Cologne ) คำที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับเรียกชื่อน้ำหอมที่ใช้ในอเมริกาเหนือสำหรับกลิ่นของผู้ชาย ส่วนใหญ่เป็นกลิ่นที่มีความสดชื่น และกลิ่นผลไม้ โดยทั่วไปประกอบด้วยน้ำมันน้ำหอม 2-4% ในแอลกอฮอล์ และน้ำ มักเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ กลิ่นประเภทนี้มักจะอยู่ได้นานประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Toilette ( Eau de Toilette ) น้ำหอมประเภทนี้มักมาในรูปแบบสเปรย์ ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมบริสุทธิ์ 5-15% ละลายในแอลกอฮอล์ โดยปกติแล้วจะอยู่ได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง
  • Perfume ( Eau de Parfum ) ใช้เพื่ออธิบายถึงผลิตภัณฑ์น้ำหอม ทั้งกลิ่นหอมสำหรับชาย และหญิง และเป็นคำที่ดีที่สุดสำหรับการอธิบายกลิ่นหอม โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบของน้ำหอมบริสุทธิ์ 15-20% และกลิ่นจะอยู่ได้นานประมาณ 5 ถึง 8 ชั่วโมง เลยทีเดียว
  • Parfum เป็นชื่อที่มาจากวลีละติน จากคำว่า “fumum” (กลิ่นควัน) น้ำหอมประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นสูตรที่เข้มข้นที่สุดในหมวดหมู่ของประเภทน้ำหอม และแน่นอนว่าราคาก็แพงที่สุดเช่นกัน ประกอบด้วยน้ำหอมบริสุทธิ์ 20-30% และกลิ่นหอมที่ได้นั้นจะสามารถอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง นั่นเอง

วงจรชีวิตของน้ำหอม

น้ำหอมมีวงจรชีวิตแบ่งเป็น 3 ส่วน ให้ลองนึกถึงพีระมิด สำหรับการระเหยไป ซึ่งส่วนบนจะหายไปอย่างช้าๆ จนกว่าจะถึงฐานด้านล่าง แต่ละส่วนในทั้งหมดสามส่วนนั้น จะมีกลิ่น หรือโน๊ตส่วนตัว ซึ่งถูกรวมเข้าไว้ในสิ่งที่คุณได้กลิ่น

และโน๊ตของกลิ่นนั้นมี 3 ประเภทที่แตกต่างกัน ซึ่งประกอบด้วยกลิ่นของน้ำหอม โดยส่วนใหญ่เรียกว่า Top notes, Medium notes, และ Base notes

  • Top notes (ท็อป โน๊ต) :: กลิ่นอันดับแรกคือกลิ่นเริ่มต้น และเบาของน้ำหอมที่กระทบจมูกทันทีหลังจากทาลงบนผิว ซึ่งจะเป็นกลิ่นที่อยู่ด้านบนสุด ระยะเวลาตั้งแต่ 15 นาทีถึง 2 ชั่วโมง โน๊ตยอดนิยมโดยทั่วไปคือกลิ่นดอกไม้ต่างๆ, ส้ม, กลิ่นผลไม้, กลิ่นแป้ง, นาวี และกีฬาทางน้ำ และเครื่องเทศ เช่น อบเชย
  • Medium notes (โน๊ตกลาง) :: เรียกอีกอย่างว่า Heart notes” โน๊ตกลางแสดงองค์ประกอบหลักของน้ำหอม โน๊ตกลางจะพัฒนาหลังจากโน้ตด้านบนสุดจางหายไปและสามารถติดได้นาน 3-5 ชั่วโมง นอกเหนือไปจากโน๊ตด้านบน กลิ่นที่เป็นหัวใจหลัก ส่วนใหญ่มักจะรวมถึงกลิ่นดอกไม้ที่หนักกว่า เช่น ดอกมะลิ หรือกลิ่นสีเขียว เช่นหญ้า หรือหิน กลิ่นเครื่องเทศ เช่น อบเชย และกานพลู สามารถปรากฏพร้อมกับกลิ่นผลไม้เช่นกัน
  • Base note (โน๊ตฐาน) :: การพัฒนาครั้งสุดท้ายของกลิ่นเหล่านี้ มักจะเป็นกลิ่นที่รุนแรงยิ่งขึ้นของกลิ่น ซึ่งจะสังเกตได้ชัดเจนขึ้นในเวลาต่อมา โน๊ตฐานจะเป็นกลิ่นที่ถูกวางไว้ที่รากฐาน หรือเรียกว่าเป็นกลิ่นสุดท้ายที่เหลือทิ้งไว้บนตัวคุณนั่นเอง และจะตัวกำหนดระยะเวลาที่กลิ่นหอมจะคงอยู่บนผิวของคุณ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีอายุนาน 5-10 ชั่วโมง โน้ตฐานทั่วไปคือไม้จันทน์, มอส, หญ้าแฝก, วานิลลา, tar, หนัง, ควัน, ยาสูบ และมัสค์

และวงล้อด้านล่างนี้คุณจะเห็นเพียงตัวอย่างของกลิ่นที่มีให้เลือกมากมาย หมวดหมู่หลักทั้ง 4 จะเป็นแนวทางทั่วไป หากคุณต้องการสำรวจแต่ละชนิด และค้นหากลิ่นภายในของแต่ละประเภทที่คุณเพลิดเพลิน และง่ายขึ้น ถ้าหากต้องการผสมกลิ่นด้วยตัวเอง

Linear vs Non-Linear Fragrances

น้ำหอมบางกลิ่นจะมีกลิ่นเหมือนกันกับคุณ หรือพูดง่ายๆคือกลิ่นเดิมจากการฉีดพ่นครั้งแรกจนกว่าคุณจะล้างออก สิ่งเหล่านี้เรียกว่าน้ำหอมเชิงเส้น (Linear Fragrances) และน้ำหอมที่ไม่ใช่เชิงเส้น (Non-Linear Fragrances) จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น และผ่านเลเยอร์ของแต่ละชั้นโน๊ตเมื่อเวลาผ่านไป

น้ำหอมที่มีคุณภาพส่วนใหญ่จะมีวัฏจักรน้ำหอมตามที่ระบุไว้ข้างต้น บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตน้ำหอมราคาถูกจะไม่ลงทุนในการจัดวางกลิ่นที่ซับซ้อนนี้ ดังนั้นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการระบุน้ำหอมราคาถูกคือ “มันมีกลิ่นเหมือนกันตลอดเวลาที่สวมใส่

อย่างไรก็ตาม น้ำหอมเชิงเส้นคุณภาพ พวกมันมีจุดประสงค์ เช่น สำหรับที่ทำงานคุณอาจอยากได้กลิ่นส้ม / สะอาดๆ ตลอดทั้งวันแทนที่จะเป็นส้มที่เปลี่ยนเป็นหนัง, มัสก์ หลังอาหารกลางวัน ในขณะที่เป็นคืนเดทที่คุณอาจต้องการส้มสดๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสาวๆ ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นลาเวนเดอร์ หรือวานิลลาที่นุ่มนวลเมื่อเราจบการเดทในตอนเย็น

น้ำหอมทั้ง 2 ประเภท: Designer & Niche

  • Designer (น้ำหอมของนักออกแบบ) คือสิ่งที่คุณจะเห็นในร้านค้าส่วนใหญ่ น้ำหอมเหล่านี้ผลิตโดย บริษัท อย่างเช่น Armani, Chanel, Burberry และแบรนด์ดีไซเนอร์อื่นๆ น้ำหอมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก และออกแบบมาเพื่อการบริโภคจำนวนมาก พวกมันถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในวงกว้าง และโดยทั่วไปจะปลอดภัยกว่า (หมายถึงมันเป็นกลิ่นที่อยู่ห่างจากปฏิกิริยาที่รุนแรง) และยังมีแนวโน้มที่จะทำจากวัสดุที่ถูกกว่า เพื่อประหยัดต้นทุน และช่วยให้การผลิตในปริมาณมาก
  • Niche (กลิ่นนิช)  ทำจากส่วนผสมที่แพงกว่า / มีคุณภาพสูงกว่า (ปกติ) สิ่งเหล่านี้เป็นน้ำหอมที่สร้างขึ้นโดยศิลปินในอุตสาหกรรม สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มลูกค้าที่เลือกสรรแล้ว และต้องการที่จะสวมใส่สิ่งที่โดดเด่น หรือไม่เหมือนใคร น้ำหอมเหล่านี้จะไม่ได้รับความสนใจจากนักออกแบบน้ำหอม และไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกลิ่นเฉพาะตัวเหล่านี้ มันถูกค้นหาโดยผู้สนใจ และรักน้ำหอมโดยเฉพาะ มันมักจะมีราคาสูง และสามารถได้ยาก

วิธีการเลือกและซื้อน้ำหอม / โคโลญที่ถูกต้อง

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งสามารถเลือกโคโลญจน์ที่ดีที่สุดกับกลิ่นตามธรรมชาติของเขา “คุณเป็นคนที่รู้ดีที่สุดในการพิจารณาว่ากลิ่นไหนเหมาะกับคุณ”

วิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาน้ำหอมกลิ่นใหม่ คือการทดสอบว่าน้ำหอมสามารถเติมเต็มกลิ่นกายตามธรรมชาติของคุณด้วยตัวเองในช่วงเวลาหนึ่งวันหรือไม่

  1. สเปรย์กลิ่นที่ข้อมือแต่ละข้าง (และข้อศอกด้านในแต่ละข้างถ้าเป็นไปได้)
  2. หลีกเลี่ยงการฉีดลงบนกระดาษเทสเตอร์ที่ห้างสรรพสินค้าจัดให้ เพราะมันไม่ช่วยให้คุณได้กลิ่นตามที่ต้องการเมื่อเทียบกับการฉีดลงบนผิวของคุณ ดังนั้นการฉีดลงบนกระดาษเทสเตอร์นั้นไม่ใช่กลิ่นที่มีต่อคุณอย่างแท้จริง (จำไว้ว่านี่เป็นการทดลองทางเคมี)
  3. ระหว่างการดมกลิ่นแต่ละกลิ่น ให้รีเฟรชเพดานปากของคุณด้วยสิ่งที่มีกลิ่นแรง เช่นกาแฟหรือชา
  4. ลองดมกลิ่นโน๊ตทั้งหมด ดังที่เราได้อธิบายไว้ จะช่วยให้คุณสามารถคาดเดาได้ว่า แต่ละชั่วโมงกลิ่นจะเปลี่ยนไปประมาณไหน
  5. หลังจากฉีดลงบนผิวของคุณแล้ว ให้ลองเดินไปรอบๆ ห้างสรรพสินค้า และดมน้ำหอมเป็นระยะๆ จดบันทึกในโทรศัพท์ หรือบันทึกประจำวันของคุณตามที่คุณต้องการ และหาเหตุผลถึงความเหมาะสมก่อนตัดสินใจซื้อ
  6. อย่าเพิ่งเชื่อหรือซื้อน้ำหอมตามคนอื่นๆ ควรทดลองด้วยตัวเองจะดีที่สุด เพราะกลิ่นน้ำหอมเมื่อฉีดพ่นลงบนตัวของแต่ละคนแล้ว กลิ่นที่ได้อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้กลิ่นที่คุณต้องการอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการซื้อครั้งแรก

กฎสำหรับการใช้น้ำหอม

คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้ได้อย่างง่ายดายโดยการเรียนรู้วิธีใช้น้ำหอมอย่างเหมาะสม และรอบคอบ ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • ฉีดน้ำหอมลงบนผิวแห้ง โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ ถือหัวฉีดสเปรย์ห่างจากตัวคุณประมาณ 3-6 นิ้วจากผิวของคุณในขณะที่ใช้
  • ใช้น้ำหอมกับบริเวณที่เป็นจุดชีพจร จุดที่มีความร้อนในร่างกายของคุณจะกระตุ้นให้มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน สร้างเส้นทางกลิ่นดีที่เรียกกันว่า sillage เริ่มต้นด้วยส่วนที่อบอุ่นที่สุดของร่างกายของคุณคือ : หน้าอก, คอ, กรามล่าง, ข้อมือ, แขน, ข้อศอกด้านใน, ไหล่ แต่อย่าฉีดลงบนทุกจุดในเวลาเดียวกัน เริ่มจากจุดหนึ่ง จากนั้นเมื่อคุณเรียนรู้กลิ่นให้ฉีดพ่นอีก 2-3 จุด และที่สำคัญไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณเป้าของคุณ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาระคายเคืองได้
  • ฉีดพ่นซ้ำเมื่อจำเป็นเท่านั้น คุณสามารถเพิ่มสเปรย์บนข้อมือของคุณได้มากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาของกลิ่น ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของวัน
  • อย่าถู หรือขยี้บริเวณที่ฉีดพ่นน้ำหอม การถู หรือขยี้ตรงจุดที่ฉีดพ่นน้ำหอมนั้น สามารถทำลายพันธะโมเลกุล ซึ่งจะทำให้กลิ่นอ่อนลง
  • อย่าพ่นน้ำหอมบนเสื้อผ้าของคุณ ในกรณีนี้จะทำให้กลิ่นน้ำหอมไม่ได้ผสมกับน้ำมันบนผิวของคุณ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประสิทธิภาพของน้ำหอมนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่
  • อย่าใส่มากเกินไป หากคุณกำลังใช้โคโลญจน์จากขวดปกติให้ใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งแล้วกดให้ตรงกับปากขวดขวด จากนั้นแตะเบาๆ ลงบนส่วนต่างๆ ของร่างกายตามที่อธิบายไว้ข้างต้น

ข้อสรุป

ตามที่เราได้อะิบายรายละเอียดไปแล้วว่า กลิ่นเป็นความรู้สึกที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา มันเชื่อมต่อกับความทรงจำของเรา และเราสามารถพัฒนาการเชื่อมต่ออย่างลึกซึ้งกับอารมณ์ของเรา ดังนั้นการใส่น้ำหอม จึงเป็นวิธีที่โดดเด่นในการแสดงความเป็นตัวตนของคุณที่เหนือกว่าภาพจำอื่นๆ มันทำให้คุณจดจำ และสร้างความประทับใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นก่อนเลือกซื้อน้ำหอมครั้งต่อไป ลองกลับมาทบทวนข้อมูลเหล่านี้ มันสามารถช่วยให้คุณได้กลิ่นที่เป็นลายเซ็นต์ของคุณได้อย่างตรงใจที่สุด

Sharry

Writer, Project Editor, Photographer

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save