ชื่อนี้ต้องรู้จัก!จูเลียน นาเกลล์มันส์ ยอดกุนซือแห่งอนาคต - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ชื่อนี้ต้องรู้จัก!จูเลียน นาเกลล์มันส์ ยอดกุนซือแห่งอนาคต

หลังจากไลป์ซิกผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก โดยเอาชนะแอตเลติโก มาดริดมาได้ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชื่อของกุนซือหนุ่มคนหนึ่งก็กลายเป็นที่ฮือฮามากขึ้นกว่าเดิม เพราะ ณ ตอนนี้เขาได้พาทีมดังจากเยอรมันนี ก้าวขึ้นมาเข้าใกล้เป็นแชมป์บอลถ้วยที่ดีที่สุดในโลกอีกใบหนึ่งเข้าให้แล้ว ชื่อของเขาคือ “จูเลียน นาเกลล์มันส์”

               จูเลียน นาเกลล์มันส์ กุนซือวัยกระเตาะมีอายุอานามเพียง 32 ปีเท่านั้น แต่เขาสร้างชื่อขึ้นมาได้ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมครั้งแรกในวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น โดยเข้ามาเป็นกุนซือผู้กอบกู้ ในทีมฮอฟเฟนไฮม์ ตั้งแต่ก่อนสัญญาจะเริ่มขึ้น และเขาสามารถพาทีมหนีตกชั้นได้สำเร็จในฤดูกาล 2015/2016

Source : bundesligapicks

               เส้นทางการมาเป็นกุนซือของเขาเริ่มจากการที่ต้องแขวนสตั้ดอย่างรวดเร็วในวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น เขายังไม่ได้ลงเล่นเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเลยซักนัดเดียว จากปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเข่า แต่ด้วยความใจรักในกีฬาฟุตบอล เขาจึงเปลี่ยนจากการลงไปบนผืนหญ้ากลายมาเป็นการศึกษาหาความรู้จากตำราแทน ในวัยเพียง 21 ปี เขาได้จับงานโค้ชครั้งแรก ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชในทีมเยาวชนของเอาส์บวร์กทีมที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเป็นเด็กฝึกหัด ที่นี่เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายโดยมีโธมัส ทูเคิ่ล เป็นหัวหน้างานของเขาด้วย

               ช่วงปี 2008-2010 เขาเป็นเพียงผู้ช่วยโค้ชของยู-17 โดยเริ่มจากเอาส์บวร์ก ต่อมาที่ทีม 1860 มิวนิค ทั้ง 2 ทีมเป็นทีมที่เขาเคยเล่นมาในตอนที่เป็นเด็กฝึกหัด แต่ในปี 2010 เขาได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ฮอฟเฟนไฮม์ และในปี 2011 คือปีที่เขาได้เป็นหัวหน้าโค้ชครั้งแรกกับทีมยู-17 ของฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยความยอดเยี่ยมของเขาในปีต่อมาจูเลี่ยนได้ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมชุดใหญ่ของทีม แต่ความสามารถที่เปี่ยมล้นของเขาไม่ทำให้เขาหยุดอยู่แค่นั้น ในฤดูกาล 2013/2014 เขาถูกแต่งตั้งเป็นเฮ้ดโค้ชของทีมยู-19 ของทีม และพาทีมคว้าแชมป์ได้ด้วย จนถูกบาเยิร์น มิวนิคในยุคของ เป๊ป กวาดิโอล่ากระชากตัวไปคุมทีม ยู –23ของทีมเพื่อเป็นลูกหม้อในการขึ้นไปคุมทีมชุดใหญ่ในอนาคต แต่ด้วยความเป็นนาเกลล์มันส์เขาปฏิเสธข้อเสนอ และตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อไป  

Source : twimg

               หลังจากคุมทีมยู-19 ได้ 3 ฤดูกาล ฝีมือของเขากลายเป็นที่ประจักษ์ของบอร์ดบริหารในฝีมืออันร้ายกาจ ทำให้บอร์ดบริหารแต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ในปี 2016/2017 จรดสัญญากัน 3 ปี ในวันนั้นจูเลียน นาเกลล์มันส์ มีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น กลายเป็นประวัติศาสตร์ของฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศเยอรมัน

Source : bundesliga

               เป็นข่าวใหญ่โตที่เดียวในช่วงนั้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่กุนซือหนุ่มรายนี้ นักฟุตบอลบางคนยังมีอายุมากกว่าเขาด้วยซ้ำ แล้วจะมาคุมทีมได้อย่างไร ข้อครหามากมายกลายเป็นประเด็นไปทั่ว แต่ในไม่ช้าการพิสูจน์ฝีมือของจูเลียนก็เริ่มขึ้นก่อนที่จะเริ่มฤดูกาล 2016 ด้วยซ้ำ กุนซือ ฮูบ สตีเฟ่นส์มีปัญหาด้านสุขภาพทำให้ตัดสินใจลาออกก่อนจะจบฤดูกาล ฮอฟเฟ่นไฮม์ต้องหนีตกชั้นจากเกมที่เหลืออยู่(อยู่อันดับรองบ๊วย) กุนซือหนุ่มจึงต้องมารับเผือกร้อนอันนี้เพื่อทำให้ทีมอยู่ต่อในลีกสูงสุดให้ได้ใน 14 เกมที่เหลืออยู่ นาเกลล์มันส์พิสูจน์ตัวเองด้วยเกมที่เหลืออยู่น้อยนิดด้วยการเอาชนะได้ถึง 7 เกมและพาทีมรอดตกชั้นอย่างไม่ยี่หระเลยซะนิด

               แม้เขาจะพิสูจน์ตัวเองให้ทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าสามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ แต่ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นในฤดูกาลใหม่ นาเกลล์มันส์ในวัยไม่ถึง 30 ปี เล่น 10 เกมแรกในฤดูกาล 2016/2017 ไม่แพ้ใครเลย ชนะได้ถึง 5 เกม ฝีมือของเขาเริ่มถูกมองไปด้านบวกมากขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ เขาแพ้เพียง 3 เกมจาก 28 เกมหลังสุดพาฮอฟเฟนไฮม์จบที่ 4 ได้ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

Source : dw

จนมาถึงในฤดูกาลนี้(2019/2020) นาเกลล์มันส์ย้ายเข้ามาคุมทีมไลป์ซิก เขาสร้างทีมได้อย่างรวดเร็ว และสามารถไล่ต้อนบาเยิร์น มิวนิคจนสั่นสะท้าน ด้วยการขึ้นไปเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของลีกอย่างสนุกได้ตลอดหลายช่วงของฤดูกาล แม้จะเป็นแค่มวยรองและไม่ถึงฝั่งฝันกับตำแหน่งแชมป์ แต่เขาก็พาทีมจบอันดับที่ 3 ของลีกได้สำเร็จ และในตอนนี้ยังพาทีมทะลุสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้สำเร็จด้วยการเด็ดทั้ง สเปอร์สในรอบน็อคเอ้าท์รอบแรก และเอาชนะแอตเลติโก มาดริด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เขาทำให้อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ประสบการณ์ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในการเป็นกุนซืออีกต่อไป กลเม็ดในการทำทีมของเขานั้นแยบยลไม่ต่างจากกุนซือมากประสบการณ์ที่เก๋าเกม

Source : bulinews

               สิ่งหนึ่งที่กุนซือคนนี้มีเลยคือความไม่จำเจ เขามีวิธีการสร้างทีมแบบเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง ในการฝึกซ้อมเขามักหาอะไรใหม่ๆให้ลูกทีมทำเสมอ ชนิดที่เรียกได้ว่ากำหนดรูปแบบกันวันต่อวันเลยทีเดียว จากบทสัมภาษณ์ของนักเตะหลายราย พูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่านาเกลล์มันส์เป็นคนที่สนุกสนาน ไฟแรง พลังงานเต็มเปี่ยมเสมอ เขาวางหมาก วางเป้าหมายได้อย่างชาญฉลาดเป็นอย่างมาก เป็นคนอ่านเกมขาด และมีเป้าหมายชัดเจนให้กับผู้เล่นแต่ละราย เขาไม่เคยมีห้องทำงานของตัวเอง เขาใช้ห้องรวมกับทีมสต้าฟคนอื่นเพื่อจะได้แสดงให้เห็นว่า เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว และเป็นสิ่งที่ได้ผลดีทีเดียวกับการสร้างความสามัคคี

               กับเหล่านักเตะนาเกลล์มันส์เคยเผยให้สื่อได้ฟังว่า “กุญแจสำคัญคือการดูแลเหล่านักเตะตัวสำรองให้ไม่ต่างจากนักเตะคนอื่น” และนี่ถือเป็นทีเด็ดของเขาเลย ไม่เพียงนักเตะหนุ่มเท่านั้นที่เขารู้ใจเป็นอย่างดี เหล่าบรรดานักเตะที่เหมือนจะอยู่ในช่วงขาลงของอาชีพก็กลับมามีฟอร์มที่เปรี้ยงปร้างอีกครั้ง จนหลายคนในทีมถูกขายออกไปสร้างกำไรให้กับสโมสร หลักการคุมทีมของนาเกลล์มันส์ที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกเรื่องคือ เขาแบ่งแทคติกเพียงแค่ 30% เท่านั้น อีก 70% เป็นเรื่องของวุฒิภาวะทางสังคม โดยเขาเชื่อว่านักเตะจะเจิดจ้ากับแผนที่วางไว้ต้องมีสภาวะจิตใจที่มั่นคงไม่วอกแวก

Source : sportskeeda

               เรื่องของแทคติกนาเกลล์มันส์มีอาร์เซน เวงเกอร์เป็นไอดอลของเขา ที่ใช้หลักเศรษฐศาสตร์มาช่วยในการใช้คุมทีม เขาทำให้ทีมสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเล่นได้อย่างชาญฉลาด ในระหว่างเกมการปรับกลยุทธอาจทำให้ผู้เล่นสับสนได้ แต่ตัวกุนซือหนุ่มรายนี้ทำออกมาได้อย่างแนบเนียนจนอันดับตารางคะแนนฟ้องชัดเจนว่าเขาทำมันได้อย่างยอดเยี่ยมกับการเปลี่ยนแผนระหว่างเกมเพื่อสร้างผลงานนที่ดีขึ้นได้ จนครั้งหนึ่งเขาได้ฉายาจากผู้เล่นในทีมให้เป็น มินิ-มูรินโญ่เพราะการแก้เกมที่ยอดเยี่ยมของเขา

Source : guim

               เชื่อได้เลยว่ากุนซือหนุ่มจูเลียน นาเกลล์มันส์จะสร้างชื่อของเขาขึ้นมาเป็นกุนซืออันดับต้นๆได้อย่างแน่นอน ทีมที่เขาตามเชียร์ตั้งแต่เด็กอย่างบาเยิร์น มิวนิคน่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้ไปกุมบังเหียนในเวลาอันสั้นนี้ ในปี 2018 เขาเคยบอกปัดทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริดมาแล้วด้วย ช่วงเวลาสร้างความยิ่งใหญ่ของเขายังอีกยาวนาน มีเวลาอีกมากในการบ่มเพาะบารมี สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขายืนอยู่บบนจุดสูงได้ในตอนนี้คือการที่เขาสามารถใช้โอกาสได้ทันทีเมื่อได้รับมันมา นับว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดกับการทำงานเป็นผู้จัดการทีมที่ต้องรับผิดชอบในหลายเรื่อง และมีความกดดันสูง เราจะได้เห็นเขาโชว์ฝีมืออีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ พบกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง และที่สำคัญ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์คนแรกของเขาในตอนที่เขาเป็นเพียงผู้ช่วยโค้ชที่เอาส์บวร์กอีกด้วย

เราจะได้พิสูจน์กึ๋นของกุนซือหนุ่มรายนี้ไปพร้อมกันในวันที่ 19 สค.เวลาตี 2 (คืนวันที่ 18)นี้ อย่างไรก็ตามเชื่อได้เลยว่าเขาจะเป็นยอดผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกคนต่อไปอย่างแน่นอน

Text – Centaurus

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save