ช่วงนี้อุณหภูมิการเมืองบ้านเราร้อนแรงจนเรียกได้ว่า “ทะลุจุดแตกหัก” ไปแล้ว มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนชนิดที่เรียกว่าไม่ ซ้าย ก็ต้อง ขวา แทบจะไม่มีที่ยืนสำหรับคนที่วางตัวเป็นกลาง ต่างฝ่ายต่างงัดข้อมูลมาโจมตีกันกลายเป็นสงครามสื่อที่รุนแรงมากๆ ข้อมูลของแต่ละฝ่ายต่างหน้าเชื่อถือจนไม่รู้ว่าจะเชื่อของฝั่งไหนดี
และท่ามกลางสงครามข้อมูลข่าวสารที่ร้อนแรงนี้ อาวุธร้ายแรงที่นำมาใช้โจมตีกันนอกจากจะเป็น ข่าวปลอม (Fake NEWS) ที่ไม่มีที่มาที่ไปแล้ว ก็ยังมีข้อมูลชุดความคิดบางที่น่ากลัวยิ่งกว่าซึ่งก็คือ “ทฤษฎีสมคบคิด” (conspiracy theory) นั่นเอง และที่มันน่ากลัวก็เพราะว่ามันเป็นชุดข้อมูลที่มาพร้อมเอกสารหลักฐานยืนยันต่างๆ ที่น่าเชื่อถือมากจนหลายคนที่ได้เสพทฤษฎีสมคบคิดเข้าไปก็หลงเชื่ออย่างสนิทใจ
ไม่ว่าจะเป็นใครชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ แรงจูงใจคืออะไร แผนการร้ายเป็นแบบไหน ทฤษฎีสมคบคิดสามารถบอกเล่าที่มาที่ไปตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นตุเป็นตะราวกับอ่านนิยายสืบสวนสอบสวน แล้วเราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลจากทฤษฎีสมคบคิด เราจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนๆ ของเราที่ตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิดแล้วได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ ตามมาดูกันเลย
ต้นกำเนิดของ ทฤษฎีสมคบคิด
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแล้วต้องมีที่มา ดังนั้นก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับที่มาของ ทฤษฎีสมคบคิด กันก่อนดีกว่า ซึ่งในทางจิตวิทยาได้อธิบายไว้ว่า มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา มีความสงสัย อยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ กับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ยังอธิบายไม่ได้ และโดยสัญชาตญาณแล้วมนุษย์จะพยายามหาคำตอบเพื่ออธิบายสิ่งที่สงสัย แม้คำอธิบายนั้นจะยังไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ต้องอธิบายเป็นสมมติฐานไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ
และด้วยคำอธิบายที่ยังไม่ได้รับการยืนยันคำตอบที่ถูกต้องได้ถูกส่งต่อไปด้วยหลากหลายวิธี สมัยก่อนก็เป็นแบบปากต่อปาก มาในปัจจุบันก็ผ่านทางโลกโซเชียล ทำให้คำอธิบายเหล่านั้นได้กลายเป็นชุดข้อมูลที่ถูกเรียกว่า “ทฤษฎีสมคบคิด” สร้างความปั่นป่วนแก่สังคมนั่นเอง
ทำไมทฤษฎีสมคบคิดถึงไม่มีความน่าเชื่อถือ
จากที่เราได้อธิบายต้นกำเนิดของ ทฤษฎีสมคบคิด ไปแล้วนั้นจะเห็นได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นยังไม่สามารถเชื่อถือได้ 100% แม้จะมีหลักฐานอ้างอิงบางประการ เพราะหลักฐานนั้นจะถูกนำมาใช้เป็นส่วนๆ ประสานกับส่วนที่ใส่ไข่แต่งเสริมเป็นเรื่องราวคล้ายกับการเขียนนิยาย ดังนั้นเส้นเรื่องในทฤษฎีสมคบคิดจึงไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด อาจมีมีถูกต้องบางแต่ก็เพียงเศษเสี้ยวเดียว
และที่สำคัญคือคนที่สร้างเส้นเรื่องในทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมานั้นก็มักจะเขียนไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความเชื่อส่วนตัวของผู้สร้างทฤษฎีเสมอ หาได้มีความเป็นกลางไม่ ดังนั้นผู้มีปัญญาทั้งหลายจึงไม่เลือกที่จะเชื่อข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดที่ทฤษฎีสมคบคิดได้ร้อยเรียงเอาไว้
ทฤษฎีสมคบคิดส่งผลต่อสังคมไทยอย่างไรในปัจจุบัน
เราคงเห็นแล้วว่าสถานการณ์ของสังคมไทยในตอนนี้มีความแตกแยกร้าวฉานอย่างรุนแรง ทั้งฝ่ายซ้ายจัด และขวาจัดต่างงัดชุดความคิดที่เป็นทฤษฎีสมคบคิดมาโจมตีกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ว่าใครชักใยอยู่เบื้องหลัง ตลอดจนเบื้องหน้าเบื้องหลังความเคลื่อนไหวทางการเมืองของแต่ละฝ่ายในตอนนี้ ผ่านทฤษฎีสมคบคิดที่ถูกตีแผ่โดยสื่อกระแสหลักของแต่ละขั้ว ตลอดจนการปั่นกันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์
ทำให้สถานการณ์ตอนนี้มีการแบ่งแยก ‘พวกเรา’ (us) และ ‘พวกเขา’ (them) ออกจากกันอย่างชัดเจน สังคมร้าวหนักลุกลามบานปลายถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันเพียงเพราะใส่เสื้อสีที่ไม่ถูกใจ ซึ่งแน่นอนว่าการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นพวกของฝ่ายหนึ่ง ย่อมสร้างความไม่พอใจแก่ฝ่ายตรงกันข้ามจนถึงขั้นต้องทำร้ายร่างกายกันโดยปริยาย
ทำอย่างไรถึงจะไม่ตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิด และเราจะช่วยเพื่อนๆ ที่เป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิดได้อย่างไร?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจธรรมชาติของตัวเรา และสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนที่มักจะเชื่อ หรือโน้มเอียงไปในสิ่งที่เราชอบเสมอ เช่น หากเรากำลังชอบใครเราก็มักจะมีแนวโน้มเชื่อในเรื่องราวที่สนับสนุนให้คนที่เราชอบดูดี มีความชอบธรรมเหนือกว่าคนที่เราไม่ชอบเสมอ ดังนั้นระหว่างที่เรารับข้อมูลใดๆ จงทำใจให้เป็นกลาง ปราศจากอคติ พิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วนรอบด้าน หาแหล่งที่มาที่ไปของข้อมูล และอย่าปักใจเชื่อในทันที จากนั้นเฝ้าติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์หาคำตอบด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วคุณก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิด
ส่วนเพื่อนๆ ของเราที่ได้หลงเชื่อทฤษฎีสมคบคิดไปแล้ว คุณก็ควรแนะนำให้เขากลับไปทบทวนแหล่งที่มาของข้อมูล รวมถึงบ่งชี้ให้เห็นความผิดปกติน่าสงสัยของเส้นเรื่องต่างๆ ในทฤษฎีสมคบคิดนั้น แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะดึงสติเขากลับมา คุณจึงควรใจเย็นและให้เวลาเขา หากวันนี้เขายังไม่เชื่อคุณ ก็อย่าไปบีบคั้น ลองให้เวลาเขาได้พิจารณาซักพักแล้วจึงเข้าไปพูดคุยใหม่ ในเวลาที่เหมาะสม แต่หากพยายามเต็มที่แล้วก็ยังช่วยเขาไม่ได้ก็ต้องปล่อยวางครับ
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ ทฤษฎีสมคบคิด ที่กำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลายสังคมไทยอย่างรุนแรงในตอนนี้ ซึ่งเราอยากจะนำเสนอให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีสมคบคิดจนมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน พี่น้อง เพราะหากใครได้ตกเป็นเหยื่อแล้วก็จะก่อให้เกิดการแบ่งแยก “พวกเรา” กับ “พวกเขา” อย่างชัดเจนจนทำลายความสัมพันธ์อันดีต่อกันที่เคยมีมา ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนพึงระวังเอาไว้