เดือนกรกฎาคมปีนี้ กำลังจะเดือนที่ฉลองครบรอบ 10 ปี Instagram โซเชียลแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุด และทรงอิทธิพลมากที่สุดก็ว่าได้ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่าพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งสิบปีที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะราบรื่นตลอด ต้องเจอปัญหาระหว่างทางด้านทีมพัฒนา ไปจนถึงการเข้าเทคบริษัทของ Facebook จากทีมเดิม
โดยผู้ก่อตั้ง Instagram นั่นก็คือ Kevin Systrom และ Mike Krieger ซึ่งไอเดียที่ทำให้อินสตาแกรมดังขึ้นมาได้ก็คือ “ฟิลเตอร์” ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วรูปจะสวยเหมือนมืออาชีพถ่ายเลยนั่นเอง
โดย Sarah Frier ได้เล่าถึงที่มาของไอเดียนี้ Systrom และ Krieger ผ่านหนังสือ ‘No Filter The Inside Story of Instagram’
เริ่มจากในห้องประชุม Dogpatch Labs ที่เหล่าผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram ได้มาระดมสมองกันว่าพวกเขาจะสร้างสิ่งที่แก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ กับปัญหาที่ทุกคนต่างเจอเหมือนๆ กัน
โดย Krieger และ Systrom เริ่มด้วย 3 สิ่ง คือ ‘อะไรที่ผู้คนสามารถพูดถึงกันได้ว่าใครไปที่ไหน’ ,’รูปถ่าย’ และ ‘การรับรางวัลเสมือน’ ต่อกิจกรรมนั้น (เมื่อก่อนเราคงคิดว่าคนเราจะอยากได้ ‘Like’ หรือคนกด ‘หัวใจ’ ให้ไปทำไม)
Systrom เองก็คิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากได้รางวัลเสมือนอะไรแบบนั้น เขาวนกลับมาที่ ‘รูปถ่าย’ เขามองว่ามันสามารถแพร่ออกไปแถมมีประโยชน์ต่อทุกคนไม่ใช่แค่เมืองเล็กๆ
แต่ตอนนั้นเทคโนโลยีการถ่ายรูปผ่านมือถือยังไม่ดีมากนัก (กำลังอยู่ช่วงยุค iPhone3) ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะมีจุดเปลี่ยนที่ให้ผู้คนหันมาใช้โทรศัพท์เพื่อถ่ายรูปแทนกล้องถ่ายรูปได้ ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟนจะสามารถเป็นช่างภาพมือสมัครเล่นได้หากพวกเขาต้องการ
ดังนั้นสิ่งนี้จะเป็น Killing point ที่ทำให้เหล่าผู้ก่อตั้ง Instagram ระดมสมองกัน ทั้งคู่จึงมัก snap รูปถ่ายที่มีคุณภาพต่ำจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่มีอยู่ตอนนั้นส่งไปมาหากันตลอด ในระหว่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดในการแชร์รูป ที่ต้องโพสทีละครั้งผ่านแอปฯต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Foursquare, Facebook, Twitter และ Tumblr จึงเริ่มเป็นที่มาการแชร์รูปผ่านทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยการโพสครั้งเดียวอีกด้วย
ซึ่ง Instagram ตอนแรกนั้นสร้างมาเพื่อ iPhone เท่านั้น เนื่องจากภาษาในการเขียนโค้ด HTML5 นั่นเอง ในมุมมองของทั้งคู่คือต้องทำให้แอปฯ มีประโยชน์เพิ่มก่อน ถึงจะเริ่มขยายไปฝั่ง Android ถ้า Instagram ได้รับความนิยมมากพอนั่นเอง
เดิมทีเดียว Instagram เป็นการปัดภาพในแนวนอน พวกเขาลองเล่นมันอยู่ 2-3 วัน ก่อนคิดว่ามันไม่เวิร์คเลย จนต้องมาแก้ไขใหม่ให้กลายเป็นการสไลด์ขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อดูภาพแบบทุกวันนี้แทน
รูปภาพทั้งหมดใน Instagram จะใช้พิกเซลน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้สามารถโหลดได้อย่างรวดเร็ว มีเพียง 306 พิกเซลเป็นจำนวนขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการแสดงรูปภาพบน iPhone และมีเส้นขอบ 7 พิกเซลในแต่ละด้าน ภาพถ่ายจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทำให้ผู้ใช้มีข้อจำกัดด้านความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพ มันคล้ายกับวิธีที่ Twitter ปล่อยให้คนทวีตต่อข้อความได้เพียง 140 ตัวอักษร เพื่อแก้ปัญหาด้านความเร็วในการโหลดข้อมูล
และอีกแนวคิดคือการแสดงจำนวน ‘ผู้ติดตาม’ หรือ ‘Follower’ ทำให้มีการแข่งขันกันของผู้ใช้งาน และผู้ใช้อยากที่จะกลับเข้ามาดูความคืบหน้าหลังจากที่พวกเขาโพสอะไรลงไปใน Instagram จึงเอาไอเดียการกด ‘Like’ ของ Facebook มาใส่ด้วย แต่ Instagram แตกต่างจากทั้ง Facebook และ Twitter คือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องหาคำพูดฉลาดๆ มาโพส เพียงแค่โพสรูปถ่ายสวยๆ ก็พอแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน Systrom และแฟนสาวไปเที่ยวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน Baja California Sur ประเทศเม็กซิโก เรียกว่า Todos Santos ซึ่งมีหาดทรายขาวที่สวยงาม ในตอนที่คลื่นซัดเข้ามาหาฝั่งเธอเตือนเขาว่าอย่าใช้แอปฯใหม่ของเขาถ่ายมันนะ ไม่งั้นจะไม่มีรูปสวยๆ ของเธอเลย
แต่ Systrom ยังยืนยันว่ารูปจะออกมาสวยแน่นอน
เขาถ่ายรูปโดยผ่านฟิลเตอร์ของ Instagram แม้คุณภาพของภาพที่ได้จากกล้องโทรศัพท์จะพร่ามัว และแสงไม่ดี แต่เหมือนว่าต่อไปทุกคนที่ซื้อสมาร์ทโฟนก็จะได้รับกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ติดกับโทรศัพท์ไปด้วย แอปฯถ่ายรูปที่มีฟิลเตอร์จะเป็นของที่จำเป็นต้องมีสำหรับแก้ปัญหารูปที่ไม่สวยจากการถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์โดยตรง
Systrom กลับมาที่โรงแรมแล้วหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับโค้ดของฟิลเตอร์ในโปรแกรม Photoshop เพื่อสร้างสไตล์ที่เขาต้องการ ทั้งเงา และคอนทราสต์ การแรเงารอบๆ ขอบของภาพ จากนั้นนั่งบนเก้าอี้เลานจ์กลางแจ้งพร้อมเบียร์ข้างๆ เขา และเปิดแล็ปท็อปของเขาเขาเริ่มเขียนโค้ดมันใส่ลงไปใน Instagram
เราจึงได้ฟิลเตอร์ ‘X-Pro II’ มานับจากนั้น หลังจากนั้นเขาทดสอบงานของเขากับรูปถ่ายที่เขาถ่ายจาก ‘สุนัขสีน้ำตาล’ ที่เขาเจอหน้าร้านทาโก้ และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2010 เป็นภาพถ่ายแรกที่โพสต์บนแอพที่จะกลายเป็น Instagram
ที่มา – engadget