มิตรรัก นักแฟนตาซี : EP 46 พรีเมียร์ชี้เปรี้ยง 17 มิ.ย. เจอกัน FPL รอตั้ง GW รองรับ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
มิตรรัก นักแฟนตาซี : EP 46 พรีเมียร์ชี้เปรี้ยง 17 มิ.ย. เจอกัน FPL รอตั้ง GW รองรับ

ผ่านไปอีกช่วงสัปดาห์ ที่แม้สถานการณ์โควิด-19 จะยังไม่น่าไว้วางใจ แต่ในส่วนของพรีเมียร์ลีกแล้ว เป้าหมายการกลับมาเตะ มีความชัดเจนเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการวางเป้าหมายวันแรกที่จะกลับมาเตะคือ 17 มิ.ย.

พรีเมียร์ลีก ประกาศตั้งเป้ากลับมาเตะนัดแรก 17 มิ.ย. หลังการเตรียมการต่างๆ คืบหน้าด้วยดี
(Source : SportsAdda)

แม้โปรแกรมทั้งหมดจะยังไม่คลอดออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความคืบหน้าในการหารือเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราจะมาสรุปให้ได้อ่านกัน เช่นเดียวกับการขยับตัวของ FPL ที่พร้อมกลับมาแข่งขันซีซันนี้ ให้จบเช่นกัน

พรีเมียร์ลีกเล็งกลับมาเตะ 17 มิ.ย.

หลังรัฐบาลไฟเขียวสเต็ปที่ 2 ให้แต่ละทีมสามารถรวมทีมซ้อม และสัมผัสตัวกันได้เท่าที่จำเป็น บวกกับโอกาสสูงที่จะผ่อนปรนสเต็ปถัดไป ให้กีฬาอาชีพกลับมาแข่งกันได้แบบไม่มีผู้ชม บอร์ดพรีเมียร์ลีก จึงดำเนินการหารือกำหนดการกลับมาเตะโดยทันที

17 มิ.ย. จะเริ่มด้วยนัดตกค้าง ที่เกิดจากแมทช์ชิงคาราบาวคัพ ของซิตี้กับวิลล่า
(Source : Daily Record)

โดยพรีเมียร์ลีกเล็งวันที่ 17 มิ.ย. เป็นดีเดย์ที่จะแข่งนัดตกค้าง 2 คู่ แมนฯ ซิตี้-อาร์เซน่อล และ วิลล่า-เชฟฯ ยู และเริ่มโปรแกรม 9 นัดที่เหลือในช่วงสุดสัปดาห์นั้นทันที โดยหากมีเกมคืนวันศุกร์ ก็จะเป็นวันที่ 19 มิ.ย.

ซึ่งการเร่งวางกำหนดให้เร็วที่สุด ก็เพื่อให้เกมลีกสามารถจบได้ประมาณสิ้นเดือน ก.ค. หรือสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. เพราะเดือน ส.ค. ที่เหลือ อาจจะเป็นโปรแกรมฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ และฟุตบอลสโมสรยุโรป รวมถึงซีซัน 2020/21 ก็ตั้งท่าอยากจะเปิดเดือน ก.ย. เพราะไม่อยากให้กรอบเวลาช้าเกินไป กับทั้งโปรแกรมการแข่งขัน และตลาดนักเตะ

ศึกฟุตบอลยุโรปทั้ง UCL และยูโรป้า ลีก ยังมีความตั้งใจจะแข่งต่อให้จบในเดือน ส.ค.
(Source : Yahoo! Sports)

คาดว่ากำหนดการเบื้องต้น ที่จะกลับมาเตะ 17 มิ.ย. จะได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกพรีเมียร์ลีก และรัฐบาล หากไม่มีสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก

การตรวจเชื้อน่าพึงพอใจ

จากกำหนดการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจก่อนการแข่งขัน ว่านักเตะ, สตาฟฟ์ และผู้เกี่ยวข้อง ปลอดภัย โดยก่อนหน้านี้การตรวจเชื้อ 3 รอบ พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 12 ราย แต่กับการตรวจรอบที่ 4 ที่เพิ่มจำนวนผู้เกี่ยวข้องแต่ละสโมสร จาก 50 เป็น 60 ราย ผลปรากฎว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อเลย

การตรวจจำนวน 1,130 ราย และไม่เจอผู้ติดเชื้อเลย ถือเป็นความคืบหน้าที่ดี ในการวางแผนซ้อมแบบเป็นจริงเป็นจัง เพื่อเรียกความฟิต และการตระเตรียมมาตรการในวันแข่งขัน ซึ่งต้องรักษาระดับความปลอดภัยในทุกแมทช์ที่เหลืออยู่

“อารอน แรมส์เดล” ที่มีผลบวกจากการตรวจเชื้อรอบที่ 2 ได้ยืนยันว่าตัวเขาหายดีแล้ว
(Source : TEAMtalk)

นอกจากการไม่พบเชื้อในรอบการตรวจล่าสุด นักเตะที่พบเชื้อบวกในรอบที่ 2 อย่าง “อารอน แรมส์เดล” ผู้รักษาประตูบอร์นมัธ ก็ยืนยันว่าตัวเขาไม่พบเชื้อแล้ว หลังแยกไปกักตัวตามกำหนดเวลา ถือเป็นสัญญาณที่ดีเช่นกัน ในการเดินหน้าตามกำหนดการกลับมาเตะ ที่วางแผนไว้

ประเด็นสนามแข่งขัน

ประเด็นสำคัญที่ดูเหมือนจะหาจุดลงตัวกันได้ยาก เพราะไอเดียแรกที่หารือกับภาครัฐ และตำรวจ พรีเมียร์ลีกมุ่งไปที่การเตะสนามกลางมากกว่า ถึงขนาดมีข่าวว่า ถ้าไม่สามารถผ่านมติการเล่นสนามกลางได้ อาจจำเป็นจะต้องตัดจบ และตัดสินผลตามโปรแกรมที่เตะไปแล้ว

ไบรท์ตัน เป็นสโมสรที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับไอเดียสนามกลางชัดเจน และดูเหมือนจะได้ผล
(Source : World Sports Tale)

อย่างไรก็ดี ท่าทีของพรีเมียร์ลีกอ่อนลง เมื่อมีหลายสโมสร (น่าจะครึ่งนึง) ที่ไม่เห็นด้วยกับการเตะสนามกลาง เพราะจะสูญเสียความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มทีมที่ลุ้นหนีตกชั้น ที่การเก็บแต้มในบ้าน มักเป็นทีเด็ดในการต่อสู้โค้งสุดท้าย

สุดท้าย พรีเมียร์ลีกก็ได้ประกาศว่าโปรแกรมการแข่งขันจะรันเหย้า-เยือน ตามเดิม ยกเว้นเกมการแข่งขันบางเกม ซึ่งหลายสื่อคาดว่าประมาณ 6 เกม ที่จะต้องเตะสนามกลาง โดยเฉพาะการลงสนามของลิเวอร์พูล ที่อาจจะได้ฉลองแชมป์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี หากสถานการณ์แต้มขาดขึ้นมา

“เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมทช์” เป็นอีกเกมที่ตอนแรกคาดว่า จะต้องไปเตะที่เมืองอื่น
(Source : The Liverpool Offside)

ข่าวที่หลุดออกมา และการอัพเดทของพรีเมียร์ลีกในทรงนี้ ทำให้ทางตำรวจของบางเมือง โดยเฉพาะลิเวอร์พูล ต้องรีบออกมาแก้เก้อ ด้วยการบอกว่าพวกเขาพร้อมดูแลทุกคน หากเกมลีกตัดสินใจเตะเหย้า-เยือน ตามปกติ และเชื่อมั่นว่าชาวเมืองจะเคารพกฎระเบียบของรัฐบาล ไม่รวมตัวกันจนขัดต่อมาตรการ Social Distancing

ฝั่งรัฐบาลเอง นำโดย “โอลิเวอร์ ดาวเด้น” เลขาธิการวัฒนธรรม ผู้รับผิดชอบงานหลายด้าน รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับกีฬา ก็โยนลูกให้กับแต่ละเมืองเป็นฝ่ายตัดสินใจ หากสภาเมืองหารือกับสโมสร, ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลุล่วงด้วยดี จะจัดการแข่งขันแบบไม่มีผู้ชมในเมืองนั้นๆ ก็สามารถทำได้

ถึงจะไม่มีขบวนฉลองสุดเหวี่ยงแบบนี้ แต่ “หงส์แดง”​ ยังมีโอกาสชูถ้วยในเมืองลิเวอร์พูล
(Source : Rousing The Top)

การเปิดกว้างแบบนี้ เพิ่มโอกาสให้ทุกเกมที่เหลือของพรีเมียร์ลีก สามารถเตะแบบเหย้า-เยือนตามเดิม ซึ่งรวมถึงเกมที่ลิเวอร์พูลอาจจะฉลองคว้าแชมป์ลีกที่รอคอย แม้จะยังนึกภาพไม่ออกว่าพิธีรีตอง มันจะออกมาในแบบไหน เพราะคงยากที่จะมีแฟนบอลเข้าร่วม

ความได้เปรียบของเกมเหย้าที่หายไป

แน่นอนว่าความพยายามที่จะคงเกมเหย้า-เยือนไว้ตามเดิม เหตุผลหลักคือการคว้าความได้เปรียบให้มากที่สุดในการเล่นในบ้านตัวเอง แม้จะไม่มีผู้ชมในสนามอยู่ก็ตาม

อย่างไรก็ดี หากมองไปที่ลีกสูงสุดที่กลับมาเล่นแล้วอย่างบุนเดสลีก้า แม้หลายทีมจะพยายามปลุกเร้าบรรยากาศเจ้าบ้าน เพื่อคงความได้เปรียบไว้ให้มากที่สุด เช่น การเปิดเสียงกองเชียร์ ให้เข้ากับช่วงจังหวะเกม มีทั้งเสียงโห่กดดันทีมเยือน หรือเสียงกระตุ้นเมื่อเจ้าบ้านได้เปรียบ แต่ผลลัพธ์ทางสถิติ กลับไม่เป็นอย่างนั้น

เกมใหญ่ล่าสุดของบุนเดสลีก้าอย่าง “แดร์ กลาซิเกอร์” ก็ลงเอยด้วยชัยชนะของทีมเยือน
(Source : 90Min)

ลีกสูงสุดของเมืองเบียร์ กลับมาลงเล่นกันได้ทีมละ 4 นัด โดยจำนวนทั้งหมด 36 นัด ทีมเหย้าเก็บชัยชนะได้เพียง 8 นัด หรือคิดเป็น 22% กลับกันฝั่งทีมเยือน กำชัยได้ถึง 18 นัด หรือครึ่งนึงของทั้งหมด

โดยหากจำแนกเป็นแต่ละนัด หรือแต่ละ Matchday นัดแรกมีเจ้าบ้านชนะแค่นัดเดียวเท่านั้น ก่อนจะเพิ่มเป็น 2 นัดใน Matchday 2 และ 3 ก่อนจะเพิ่มอีกนิดเป็น 3 นัด ใน Matchday 4

ความจริงแล้ว มันยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น สภาพความฟิต, ความยากง่ายของโปรแกรม หรือเรื่องโชคดวงต่างๆ แต่จากสถิติก็บอกได้ชัดเจนว่าการขาดหายไปของบรรยากาศจริง ส่งผลต่อผลการแข่งขันของเจ้าบ้านโดยตรง

จังหวะยิงของฮาลันด์ ที่ไปติดข้อศอกของบัวเต็งเต็มๆ ซึ่งถ้ามีแฟนบอลจริงๆ เสียงโห่ระงมแน่
(Source : SPORTbible)

โดยหลายสื่อ ตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากเรื่องสภาพจิตใจของเจ้าบ้าน ที่อาจจะลดระดับลง เมื่อขาดเสียงเชียร์จากแฟนนับหมื่น จังหวะก้ำกึ่งทั้งลูกฟาล์ว, ใบเหลือง-แดง, จุดโทษ บางครั้งการกดดันจากเสียเชียร์ อาจทำให้ผู้ตัดสินเอนเอียงชั่ววูบเข้าข้างเจ้าบ้านได้

การถ่ายทอดสด

แม้เรื่องสนามแข่งจะยังไม่คอนเฟิร์ม 100% แต่ที่ชัวร์ซะยิ่งกว่าชัวร์ คือแฟนบอลทั่วโลก ต้องติดตามชมพรีเมียร์ลีกกันที่บ้าน ผ่านจอทีวี, จอคอม หรือมือถือ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทุกคนใคร่รู้

การเตะแบบไม่มีผู้ชม ทำให้สัดส่วนถ่ายทอดสดฟรี ต้องมากขึ้นรองรับคนที่ดูทางบ้าน
(Source : Premier League)

การพูดคุยของพรีเมียร์ลีก กับสมาชิก และรัฐบาล แน่นอนว่ามุ่งเน้นไปที่การถ่ายทอดสดในอังกฤษเป็นหลัก โดยจะมีสัดส่วนการให้ชมฟรีมากขึ้น กว่าช่วงเวลาเหตุการณ์ปกติ ตามที่รัฐบาลร้องขอ และคงความน่าติดตามของผู้ชมเอาไว้

ส่วนการถ่ายทอดสดในประเทศอื่นๆ เช่นบ้านเรา เชื่อว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ยังไม่เปลี่ยนมือ แต่อาจจะมีการขยับให้สามารถชมฟรีในคู่ใหญ่ได้มากขึ้น เพราะโดยโปรแกรมเอง น่าจะมีการขยายเตะกันในหลายวัน ทั้งสุดสัปดาห์ และกลางสัปดาห์

ระยะเวลาที่จำกัด ทำให้เราจะได้เห็นแมทช์แข่งขันถี่ยิบ บางสัปดาห์น่าจะเตะกันทุกวัน
(Source : Bangkok Post)

การแข่งขันสุดสัปดาห์ กฎระเบียบทุกอย่างได้รับการปลดล็อค ให้สามารถเตะได้ทั้ง ดึกคืนศุกร์ (ตามเวลาบ้านเรา), วันเสาร์ หลากหลายเวลา อาจมีตอนดึกเพิ่ม, วันอาทิตย์ หลากหลายเวลา อาจมีตอนดึกเพิ่ม และดึกคืนวันจันทร์

ส่วนกลางสัปดาห์ ก็ยังคงโปรแกรมไว้ตามเดิม คือมีทั้งดึกคืนวันอังคาร, พุธ หรือแม้แต่คืนวันพฤหัสฯ ซึ่งซีซันนี้ พรีเมียร์ลีกจัดโปรแกรมเตะเป็นปีแรก

ความคิดเห็นของนักเตะ

หลังช่วงก่อนกลับมาฝึกซ้อม มีนักเตะหลายรายแสดงความคิดเห็น ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจอย่างเพียงพอ ต่อการกลับมาเตะ ที่แน่นอนว่ามาพร้อมกับความเสี่ยงของตัวเอง และครอบครัว

แต่โดยภาพรวมแล้ว เมื่อการกลับมาซ้อมเริ่มขึ้น การปฏิเสธร่วมซ้อมหรือลงเล่น ก็มีน้อยกว่าที่คาด ที่ชัดเจนก็มี “ทรอย ดีนีย์” ที่แสดงเจตนารมณ์แต่แรก ส่วน “เอ็นโกโล่ ก็องเต้” ที่เคยแจ้งกับทีมไม่ขอร่วมซ้อม หลังผ่านเซสชั่นแรก ล่าสุดก็กลับมาเริ่มต้นซ้อมแบบแยกตัวที่สโมสรแล้ว

แม้ไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่สื่อก็ยืนยันว่าก็องเต้ กลับมาร่วมซ้อมที่สโมสรแล้ว
(Source : Metro)

กับคนอื่น ยังคงลงซ้อมตามโปรแกรมที่สโมสรกำหนด แม้อาจจะมีบ่นกันบ้าง อย่างล่าสุด “ไทโรน มิงส์” เซ็นเตอร์ตัวแกร่งของวิลล่า ก็ออกมาพูดว่าพวกนักเตะ เป็นกลุ่มคนกลุ่มสุดท้าย ที่จะได้หารือหรือออกความเห็น เพราะทุกอย่างโฟกัสกันไปที่เรื่องธุรกิจซะมากกว่า

คำพูดของมิงส์ก็มีทั้งส่วนที่ถูก และส่วนที่น่าคิด เพราะนักเตะมีโอกาสตัดสินใจตรงนี้น้อยจริงๆ ทุกอย่างมักจะมาจากผู้บริหารสโมสร, บอร์ดพรีเมียร์ลีก และรัฐบาล ทั้งที่คนที่เสี่ยงที่สุด คือนักเตะในสนาม ที่ลงไปห้ำหั่นใกล้ชิดกัน

“ไทโรน มิงส์” ผู้ออกความเห็นว่า นักเตะเป็นกลุ่มคนกลุ่มสุดท้าย ที่มีส่วนตัดสินใจ ทั้งที่เสี่ยงที่สุด
(Source : Sky Sports)

แต่ในทางกลับกัน เรื่องของ “เงิน” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันไม่เพียงเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่มันยังเป็นการขับเคลื่อนการเงินของสโมสร ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นค่าจ้างให้ทุกคนในสโมสร รวมถึงอาจจะเป็นเม็ดเงินมอบให้ลีกระดับล่าง ตามที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน

มันเลยกลายเป็นเรื่องของมุมมอง ว่าสุดท้ายจะบาลานซ์ให้ทุกอย่างออกมาได้ดีที่สุดต่อทุกฝ่ายได้แค่ไหนกัน

ความเคลื่อนไหวของ FPL

ทางฝั่งของ Fantasy Premier League ถึงจะยังไม่สามารถกำหนดโปรแกรมการแข่งขันที่เหลือได้ เพราะต้องรอคอนเฟิร์มจากมางพรีเมียร์ลีก อย่างเป็นทางการเสียก่อน แต่ทาง FPL ก็ยืนยันว่าซีซัน 2019/20 จะกลับมารันต่อจนจบแน่

แมทช์ระหว่าง วิลล่า-เชฟฯ ยู อาจจะเป็นหนึ่งในแมทช์ ที่ทำให้เกิด Double Gameweek ทันที
(Source : New Straits Times)

โดยทาง FPL จะจัดแจง Gameweek ออกมา หลังทราบโปรแกรมการแข่งขันที่แน่นอน โดยคาดว่าเกมวันที่ 17 มิ.ย. กับ 2 คู่ตกค้าง แมนฯ ซิตี้-อาร์เซน่อล และ วิลล่า-เชฟฯ ยู จะถือเป็น Gameweek แรก ซึ่งอาจจะเหมารวมเกมอีก 10 คู่ ในสุดสัปดาห์ไปด้วย อย่างไรต้องรอยืนยันอีกที

นอกจากนั้น FPL ยังเน้นย้ำกับกุนซือทุกท่าน ว่า “ตัวช่วย” ที่ยังไม่ได้ใช้งาน จะยังคงอยู่ และทุกท่านสามารถใช้งานได้ตามเดิม เมื่อ Gameweek ใหม่ถูกกำหนดขึ้น กับ 9-10 นัดที่เหลือ

รออีกนิด ถ้าไม่มีเรื่องราวพลิกล็อคถล่ม พรีเมียร์ลีกกลับมาแน่ 17 มิ.ย.​ เป็นต้นไป
(Source : Sky Sports)

คาดว่าในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ คงมีการพูดคุยกันมากขึ้นถึงกำหนดการแข่งขัน ว่าจะเริ่ม 17 มิ.ย. ได้อย่างที่คาดมั้ย รวมถึงเรื่องกำหนดการใช้สนามแข่งขัน ว่าจะยึดเหย้า-เยือน ได้ตามเดิมหรือไม่ ติดตามช่องทางพูดคุยของเรา เราจะอัพเดทให้ทราบกันโดยตลอดครับ
กลุ่มแชท ใน LINE OpenChat >> คลิกเลย <<
กลุ่ม facebook >> คลิกเลย <<

Picture : Goal.com, SportsAdda, Daily Record, Yahoo! Sports, TEAMtalk, World Sports Tale, 90Min, SPORTbible, Premier League, Bangkok Post, Metro, New Straits Times, Sky Sports

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save