หลังจากให้ลุ้นกันมาพักนึง ว่าเกมพรีเมียร์ลีกจะกลับมาลงเตะกันหลัง 30 เม.ย. ตามที่ได้ประกาศไว้มั้ย ล่าสุดมีแถลงการณ์จากลีกเมืองผู้ดีแล้ว ว่าโปรแกรมจะถูกเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด รายละเอียดจะเป็นยังไง เราขอสรุปให้อ่านกันตรงนี้อีกที
ใจความสำคัญแถลงการณ์
ขอแบ่งออกเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโปรแกรมการแข่งขัน กับเรื่องอื่นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการติดตาม ดังนี้
เกี่ยวกับโปรแกรมการแข่งขัน
พรีเมียร์ลีก และลีกอื่นๆ ในประเทศอังกฤษ ประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโควิด-19 โดยการจะกลับมาเตะอีกครั้ง ต้องได้รับไฟเขียวจากรัฐบาล และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะห่วงใยต่อทุกคน ทั้งนักเตะ, สตาฟฟ์, ผู้เกี่ยวข้อง และแฟนบอล
ถึงจะยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาเตะกันได้เมื่อไหร่ แต่พรีเมียร์ลีกมีความตั้งใจ ที่จะแข่งขันซีซัน 2019/20 ให้เสร็จสิ้นครบโปรแกรม โดยตอนนี้ไม่มีการพูดถึงกรอบกติกาที่จะต้องจบซีซัน 30 มิ.ย. อีกแล้ว สอดคล้องกับการชี้แจงก่อนนี้ ว่ากรณีนี้พิเศษ และยืดหยุ่นได้
เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ
พรีเมียร์ลีก จะทำการส่งต่อเงินมูลค่าราว 125 ล้านปอนด์ ให้ลีกรอง และลีกกึ่งอาชีพ ซึ่งทุกทีมได้รับผลกระทบจากการเลื่อนโปรแกรมเตะไม่มีกำหนด เพราะรายได้สำคัญจากกการซื้อตั๋วเข้าชม ขาดหายไป
พรีเมียร์ลีก จะทำการบริจาคเงิน 20 ล้านปอนด์ สนับสนุน NHS หรือ National Health Service หน่วยงานแนวหน้าสำคัญของอังกฤษ ในการต่อสู้กับโควิด-19
พรีเมียร์ลีก จะทำการหารือกับสโมสรสมาชิก ในการลดค่าเหนื่อย ผู้จัดการทีม และนักเตะ 30% เพื่อนำเงินส่วนดังกล่าวมาจุนเจือรายได้ของพนักงานสโมสร ซึ่งเริ่มโดนผลกระทบจากการที่แต่ละสโมสร ขาดรายรับหลัก
ข้อมูลแวดล้อมอื่น ที่น่าสนใจ
นอกเหนือจากแถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นใจความหลักในการจัดการเกี่ยวกับโปรแกรมของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และ Fantasy Premier League ของเราแล้ว ยังมีข้อมูลน่าสนใจอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจด้วย
อันแรกคือการให้สัมภาษณ์ของ “อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน” ประธานของยูฟ่า ซึ่งมีท่าทีผ่อนปรนเต็มที่ เพื่อสนับสนุนให้เกมฟุตบอลลีกแข่งขันให้จบตามโปรแกรม โดยล่าสุดมีการเปรยว่าอยากให้ฟุตบอลถ้วยยุโรปจบภายใน ส.ค. ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่เขยิบไปไกล และมีความยืดหยุ่นสูงมาก
เซเฟริน ยังออกมาให้ความเห็นว่าเขาไม่เห็นทางใด ที่ลิเวอร์พูลจะไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะถึงจะยังไม่ 100% ในทางทฤษฎี แต่ทางปฏิบัติมันแทบจะจบแล้ว ขอให้การแข่งขันกลับมาเตะต่อได้ “หงส์แดง” ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่แต้ม ก็จะเข้าวิน ถึงปัญหาเรื่องการรับถ้วย หรือฉลองแชมป์ จะต้องถกกันเพิ่มก็ตาม
อันถัดมา คือเรื่องของรายได้การถ่ายทอดสด ซึ่งหากพรีเมียร์ลีกมีการตัดจบ (หรือจะให้ลีกเป็นโมฆะ) ก็มีสิทธิ์เจอเรื่องวุ่นวายกับลิขสิทธิ์ที่ถูกขายออกไปตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เปิด เป็นอีกปัจจัยให้ลีกอย่างกลับมาแข่งขันต่อให้ครบตามโปรแกรม
อันสุดท้าย คือ “การตัดจบ” ของ “จูบิแลร์ ลีก เบลเยี่ยม” แต่คงจะเอามาเทียบเคียงกับลีกอื่นยาก เพราะลีกเบลเยี่ยม เหลือการแข่งขันเพียงแค่นัดเดียว และการที่คลับ บรูช นำถึง 13 คะแนน ก็เลยยกแชมป์ให้ได้เลย ส่วนอันดับโควตาอื่นๆ ทางสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม จะหารือเพิ่มเติม เพื่อหาทางออกที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่สุด
และปิดท้ายด้วยความพยายามร่วมแรงร่วมใจไร้สีเสื้อของทีมในพรีเมียร์ลีก ซึ่งนอกจากแคมเปญที่ “เฮนโด” จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวตั้งตัวตีติดต่อกัปตันทีมทุกทีม เพื่อตั้งกองทุนสนับสนุน NHS เรายังได้เห็นการรวมใจ ส่งความอาลัย และคำนึงถึงไปยัง “เป๊บ กวาดิโอล่า” และครอบครัว ที่พึ่งเสียคุณแม่ไป จากโควิด-19
FPL เอายังไงต่อ?
หลังการออกแถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีกล่าสุด มีความเป็นไปได้สูงลิบ ที่การแข่งขันจะไม่สามารถกลับมาเตะได้ทันตามที่วาง Gameweek 38 ไว้ ในวันที่ 17 พ.ค.
Fantasy Premier League ยังคงไม่มีประกาศเกี่ยวกับการจัดการเรื่องนี้ออกมาเพิ่มเติม โดยตอนนี้ในระบบ ก็ยังโชว์โปรแกรมถึง Gameweek 35 เป็น Blank และ Gameweek 36-38 ก็มีโปรแกรมลงเล่นตามปกติ
ส่วนนึงที่ยังไม่มีประกาศออกมา เพราะ FPL น่าจะมีเวลาให้ขบคิดกฎกติกามารองรับการเลื่อนไม่มีกำหนดนี้ จนถึงราวๆ กลางเดือน หรือปลายเดือน เม.ย. ดังนั้นเราต้องรอกันซักหน่อย บริหาร Free Transfer ตามที่เขาให้สิทธิ์ไปก่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่อธิบายไปด้านบน พรีเมียร์ลีกยังคงมีความตั้งใจจะกลับมาเตะให้ครบตามโปรแกรมอีกครั้ง ดังนั้นก็มีสิทธิ์ที่โปรแกรมที่เหลือจะได้ลงเล่นกันครบ เตรียมตัวไว้ ดีที่สุด
โดยเราจะยังมี “วิเคราะห์นักเตะทีเด็ด” และการ “จัดทีม วัดใจ” มาฝากกันเหมือนเดิมในทุกๆ เดดไลน์ ไปติตามกัน
วิเคราะห์นักเตะทีเด็ด
ผู้รักษาประตู
เดวิด เด เกอา (แมนฯ ยู / 5.3 ล้านปอนด์)
โปรแกรมที่น่าไว้วางใจ ก็ต้องมองไปที่ “ปีศาจแดง” กันก่อน ซึ่งจริงๆ ก็สอดคล้องกับฟอร์มการเล่นก่อนจะหยุดพักเบรกกันไป เพราะแนวรับพวกเขาสามารถเก็บ 4 คลีนชีต จาก 5 นัดหลัง เสียไปเพียงประตูเดียวในนัดที่เสมอกับเอฟเวอร์ตัน 1-1
นอกเหนือจากฟอร์มที่ยังพอไว้ใจได้ของนายด่านชาวสแปนิช การที่แผงหลังเริ่มลงตัว และสอดประสานป้องกันได้ดีขึ้นในระยะหลัง ยิ่งน่าจะเพิ่มความไว้วางใจในการเลือกนักเตะพวกเขา เพราะ 9 นัดที่เหลือ เจอ Top 6 แค่นัดเดียวเท่านั้น
กองหลัง
เมสัน โฮลเกต (เอฟเวอร์ตัน / 4.3 ล้านปอนด์)
ถึงโปรแกรมของเอฟเวอร์ตัน จะไม่ได้เบามากมายอะไรนัก แต่ด้วยราคาที่น่ารักน่าลุ้น ทำให้โฮลเกตเป็นอีกตัวที่น่าเลือก เพราะกองหลังดาวรุ่งรายนี้ เริ่มยึดตัวจริงของทีมได้ต่อเนื่อง และสามารถโยกมาเล่นแบ็คได้ ถ้าจำเป็น
จุดติหน่อยของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” คงเป็นเรื่องของความแน่นอนในแนวรับ เพราะพวกเขาไม่สามารถรักษาคลีนชีตมาได้ 7 นัดเข้าให้แล้ว ถึงโปรแกรมที่เหลือจะพอไปวัดไปวาได้ แต่ก็คงต้องชั่งใจดูเป็นบางเกม ที่สุ่มเสี่ยงจะเสียประตูหลายเม็ด
กองกลาง
ฮาร์วีย์ บาร์นส (เลสเตอร์ / 6.2 ล้านปอนด์)
ละเรื่องโปรแกรมที่อาจจะหนักไปหน่อยไว้ หากใครอยากลองตัวลุ้นทำแต้มในแดนกลาง แต่ราคาไม่สูงจนเกินไป บาร์นสถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ยิ่งกับฟอร์มอันร้อนแรง ยิงในซีซันนี้ไปแล้ว 6 ประตู บวกกับ 8 แอสซิสต์
โปรแกรมของเลสเตอร์ ยังต้องเจอสเปอร์, แมนฯ ยู, เอฟเวอร์ตัน, เชฟฯ ยู, อาร์เซน่อล ซึ่งมองเผินๆ ดูหนักหน่วง แต่ถ้าลองมองถึงโอกาสที่เลสเตอร์จะเจาะประตูทีมเหล่านี้ได้ ก็น่าจะพอเสี่ยงดูได้ เพราะทรงขึ้นเกมรุกของ “จิ้งจอกสยาม” ยังลุ้นได้อยู่
กองหน้า
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (เชลซี / 6.6 ล้านปอนด์)
น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน ที่โควิด-19 มาทำลายความต่อเนื่องของเชลซี ที่กำลังเริ่มกลับมาสร้างผลงานได้ดีอีกครั้ง ยิ่งการได้ชิรูด์ฟอร์มเดิม ที่กลับมาทดแทนการขาดหายไปของอับราฮัม ได้อย่างลงตัว
การเลือกชิรูด์อาจจะเสี่ยงไปนิด เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าได้กลับมาเตะ แลมพาร์ดจะเลือกเขา หรือหันกลับไปไว้ใจอับราฮัม แต่ด้วยฟอร์มของทีมที่กำลังลงตัวแล้ว ชิรูด์ที่ราคาไม่แพง ก็น่าลองลุ้นดู เพราะโปรแกรมเชลซีเอง ถือว่าไม่หนักจนเกินไป
จัดทีม วัดใจ
อธิบาย และเตือนกันไปดิบดี แต่พอถึงเดดไลน์ Gameweek 32 ก็ดันเพลินลืมเปลี่ยนตัวไปซะฉิบ ก็เลยเสียสิทธิ์ไปฟรีๆ 1 สิทธิ์ หน้าตาทีมเลยเหมือนเดิมเด๊ะ
เป้าหมายหลักยังคงโฟกัสเป็นการเติมกองหลังที่พร้อมเจอโปรแกรมที่เหลือ โดยการถอดโซยุนคู น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะน่าจะทำให้สามารถซื้อกองหลังราคามากกว่า 5 ล้านปอนด์ได้ โดยมีแม็คไกวร์ เป็นตัวเลือกหลัก หรือไม่ก็อาจมองไปที่ลุนด์สตรัม
ตำแหน่งกลาง-หน้า โดยรวมถือว่าทีมดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะลองปรับให้ดีขึ้น งบที่เหลือจากการเปลี่ยนแม็คไกวร์ เข้ามาแทนโซยุนคู จะมีแค่ 0.3 ล้านปอนด์
ถ้าเลือกเปลี่ยนแดนกลาง การถอดแคนท์เวลล์ออก น่าจะดูดีที่สุด แต่ก็จะได้นักเตะประมาณ เฟล็ค หรือนอร์วู้ด ส่วนในแดนหน้า ถ้าจะเอาโจต้าออก ก็จะได้ประมาณ ปุ๊คกิ, วู้ด, ดีนีย์
อีกทางเรื่องคือการมองให้เป็นสเต็ปไป เช่น หากไม่เอาแม็คไกวร์ หันไปเลือกลุนด์สตรัม แดนกลางจะขยับไปเลือกมูตินโญ่ หรือเนเวส แบบนี้เป็นต้น
สุดท้ายจะเอายังไงกับเดดไลน์ Gameweek 33 รอบนี้สัญญาจะไม่ลืมละ -*- เดี๋ยวแชร์กันทางช่องทางติดต่อสื่อสารเดิมกันนะจ๊ะ
กลุ่มแชท ใน LINE OpenChat >> คลิกเลย <<
กลุ่ม facebook >> คลิกเลย <<
เอาล่ะ! ช่วงบอลยังไม่กลับมาเตะ ก็จะเหงาๆ ประมาณนี้ คอนเทนท์ก็จะออกแนวแชร์ให้ทราบ-บอกให้รู้ กันนิดนึง ยังไงก็ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ และอย่าลืมบริหาร Free Transfer กันด้วย (เตือนตัวเองด้วย..) เดดไลน์ Gameweek 33 คือดึกคืนวันศุกร์ 10 เม.ย. เวลาตี 1 นะครับ
ช่วงนี้แฟนบอลอย่างเรา ก็คงทำได้แค่ดูแลสุขภาพให้ดี กินให้อิ่ม ออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยตัวเอง นอนพักผ่อนให้เต็มที่ และขอให้ฟุตบอลที่เรารรักกลับมาโดยไว ^^
Picture : Fantasy Premier League, Internewscast, The Statesman, RFI, GiveMeSport, Daily Express, Sky Sports, beIN SPORTS, Sports India Show, Eurosport Asia, NBC Sports, Premier League, 90min, Bleacher Report, Bangkok Post