ประกาศเลื่อนกันไปอีกหน หลังจากสถานการณ์ “โควิด-19” ยังคงไม่ดีขึ้นในยุโรป โดยล่าสุดพรีเมียร์ลีกเขยิบช่วงงดเตะไปเป็น 30 เม.ย. ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อโปรแกรมของ Fantasy Premier League ด้วย
โดยถ้ามานับโปรแกรมของ FPL เท่ากับว่า Blank Gameweek จะขยายยาวจากเดิมแค่ Gameweek 30-31 ไปเป็น Gameweek 30-35 กลายเป็นยาว 6 Gameweek โดยโปรแกรมที่เลื่อน ทาง FPL ยังใช้วิธีเดิมในจัดการกับเดดไลน์ และสิทธิ์เปลี่ยนตัว
เกี่ยวกับการเลื่อนโปรแกรม
(1) จากการประกาศ พรีเมียร์ลีกตั้งใจจะกลับมาเตะใน Gameweek 36 (2 พ.ค.)
(2) Gameweek 30-35 ยังคงอยู่ แต่จะถือว่าเป็น Blank Gameweek ของทุกทีม เดดไลน์ทั้ง 6 Gameweek ยังคงอยู่เหมือนเดิม
(3) การคงอยู่ของทั้ง 6 Gameweek ทำให้สิทธิ์ Free Transfer ยังคงมีตามเดิม (Gameweek ละ 1 ตัวฟรี) ซึ่งถ้าเปลี่ยนเกิน ก็จะโดน -4 ตามปกติ
(4) เช่นเดียวกับการใช้ตัวช่วยต่างๆ สามารถกดใช้ หรือเกิดการ “เผลอ” ใช้ได้ตลอด เหมือนเกมรันอยู่ปกติ
(5) โปรแกรมที่เลื่อนจาก Gameweek 30-35 ก็จะไปหาที่ลงใหม่ใน Gameweek อื่น และเป็นคะแนนของ Gameweek นั้น โดย Gameweek 30-35 จะมีคะแนนเป็น 0 (ถ้าไม่มีเปลี่ยนตัวติดลบ) ไม่เปลี่ยนแปลง
(6) อาจจะงงว่า เหลือแค่ Gameweek 36-38 จะยัดโปรแกรมตกค้างกันยังไง อันนี้คาดว่าจะมีการเพิ่ม Gameweek ขึ้นไปอีก แต่ทั้งหมดเราแค่คาดเอง รอประกาศทางการจาก FPL ก่อนเนอะ
ใจความสำคัญก็น่าจะครบตาม 6 ข้อด้านบน ส่วนรายละเอียดพวก ลีก H2H, FPL Cup, การใช้ตัวช่วย, การเปลี่ยนตัว ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นขอละไว้ไม่พูดถึงซ้ำ
ทีนี้ พอเราทราบว่าเกมจะให้ Free Transfer มาปกติในแต่ละ Gameweek นั่นถือเป็นหน้าที่ของกุนซือทุกท่าน ที่จะบริหารสิทธิ์นั้นให้ดีที่สุด ซึ่งเราจะมาพูดถึงกันเพิ่มเติมใน EP นี้
ทำยังไงต่อกับโปรแกรม FPL
แนวคิดสำคัญ
แน่นอนว่าหลายท่านคงจะสับสนกับการเลื่อนโปรแกรมไปยาวๆ แถมสถานการณ์ในยุโรปก็ดูไม่มีท่าทีดีขึ้น มันเลยทำให้กุนซือหลายท่านเริ่มละเลยการจัดแจงทีม FPL ของตัวเองไป
ก่อนอื่น เลยอยากนำเสนอแนวคิดให้ได้เข้าใจ ว่าทำไมเรายังควรจะต้องโฟกัสกับทีมของเราต่อไป โดยเฉพาะการใช้สิทธิ์เปลี่ยนตัว
(1) พรีเมียร์ลีก มีความตั้งใจกลับมาเตะ : ถึงจะยังไม่มีอะไรมาการันตีว่า พ.ค. จะเตะกันได้มั้ย แต่พรีเมียร์ลีก และสโมสรสมาชิก แบะท่าว่าจะเตะให้มันจบซีซั่นให้ได้ ดังนั้นทีม FPL ที่เรามี ก็คือทีมที่จะต้องใช้แข่งขันกันต่อ
(2) Free Transfer และเดดไลน์ เหมือนเดิม : อย่างที่เน้นว่าเดดไลน์ 6 Gameweek ที่ว่างเว้นยังมีเหมือนเดิม ดังนั้นสิทธิ์ Free Transfer ยังคงอยู่ ซึ่งนอกจากจะต้องรักษาสิทธิ์ การปรับทีมอย่างชาญฉลาด ย่อมทำให้เราเหมือนได้ Wildcard ย่อมๆ เลย
(3) มองที่โปรแกรมภาพรวม : ก่อนนี้เราเคยระแวดระวัง Blank หรือ Double กับ GW31, 34, 37 กันจนปวดหัว แต่พอตอนนี้มันเลื่อนไปหมด ก็เท่ากับว่าทุกอย่างต้องรอคอนเฟิร์ม ดังนั้นเราจะมามองคาดหวัง Double อย่างเดียวไม่ได้ ต้องลองมองโปรแกรมที่เหลือทั้งหมด
โปรแกรมที่เหลือ
แนวคิดสำคัญ 2 ข้อแรก มันเป็นการเตือนแหละ ว่าให้คุณกลับมาใส่ใจกับทีมหน่อย แต่กับข้อ (3) ที่ให้มองภาพรวมของโปรแกรม อันนี้มันเป็นเชิงปฏิบัติที่เราหยิบเอามาหาแนวทางกันต่อได้
ดูเผินๆ การจัดทีมในช่วง Blank ยาวๆ จนสิ้นเดือน เม.ย. หลายท่านอาจจะโฟกัสที่โปรแกรม Gameweek 36-38 แต่อยากเตือนนิดนึง ว่าโปรแกรมตกค้างที่จะใส่เข้ามาเพิ่มเติม ก็ไม่สามารถมองข้ามได้
ดังนั้น การเลือกมองโปรแกรมภาพรวมที่เหลืออยู่ แทนที่จะมองแค่ Gameweek 36-38 อาจจะทำให้ทีมของเราใช้งานได้คุ้มค่ากว่า หากพรีเมียร์ลีกกลับมาเตะอีกครั้ง
ตามตารางที่แชร์ให้ดู ผมทำการไฮไลต์สี และคิดคะแนนความยากของโปรแกรมเองคร่าวๆ โดยไม่สนใจเหย้า-เยือน ดังนี้
>> สีส้มเข้ม คิดเฉพาะการเจอทีม Top 6 / ให้คะแนนความยาก = 2
>> สีส้มอ่อน คิดเฉพาะการเจอทีมน่ากลัวรองลงมา (วูล์ฟ, เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์) / ให้คะแนนความยาก = 1
>> นอกเหนือจากนั้น จะไม่ได้ไฮไลท์สี และไม่คิดคะแนนความยาก
>> ช่อง Program คือรวมคะแนนความยากโปรแกรม Gameweek 36-38
>> ช่อง Blank คือรวมคะแนนความยากโปรแกรมตกค้าง
>> ช่อง Total คือรวมคะแนนความยากโปรแกรมทั้งหมด
อย่าง “เชลซี” มีโปรแกรม Gameweek 36-38 ที่หนักพอตัว เจอลิเวอร์พูล, วูล์ฟ แต่โปรแกรมตกค้างถือว่าดี มีหนักแค่เจอแมนฯ ซิตี้ ดังนั้นมองโดยรวม ถือว่านักเตะพวกเขาน่าสนใจขึ้นมาชัดเจน
กลับกัน “ไบรท์ตัน” โปรแกรม Gameweek 36-38 ความยาก = 0 แต่พอดูโปรแกรมตกค้างปุ๊บ ความยากสูงถึง 9 เพราะนอกจากจะเจอเลสเตอร์ ยังเจอทั้ง อาร์เซน่อล, แมนฯ ยู, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ หนักหนาแบบจุกๆ
วางแผนระยะยาว
นอกเหนือจากการดูโปรแกรมภาพรวมแล้ว ต้องมาดูเรื่องการบริหาร Free Transfer ด้วย เพราะเค้าให้เรา Gameweek ละ 1 ตัวฟรี และสะสมได้สูงสุด 2 ตัว ดังนั้นสำคัญมากที่จะจัดเรียงการเปลี่ยนตัว จนเราได้ทีมที่พึงพอใจสำหรับ 9-10 นัดที่เหลือ
วิธีง่ายๆ ที่ผมใช้ คือลองดูว่าเรามีโควตาเปลี่ยนแบบไม่ต้องลบแต้มจนถึง Gameweek 36 กี่ตัว แล้วก็ลองจัดทีมล่วงหน้าดู ว่าถ้าเราเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ หน้าตาจะออกมาแบบไหน เพื่อให้เราดูว่ามันเปลี่ยนได้รึป่าว ในแง่ของงบประมาณ และจำนวนการเปลี่ยน
ข้อดีสำคัญอย่างนึง คือนักเตะทุกคนตอนนี้อยู่บ้านกันหมด หากไม่นับว่าจะติดโควิด พวกเค้ามีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเราจะเลือกใคร ก็ไม่ต้องเผื่อกลัวเจ็บอะไรมากมาย
ดังนั้นเราสามารถทำตารางง่ายๆ ว่า Gameweek นี้ จะเปลี่ยนใคร ต่อด้วยใคร เรียงไปเรื่อยๆ จนครบเดดไลน์ เพื่อให้เรามีทีมที่พร้อมที่สุด กับโปรแกรมที่เหลือ
วิเคราะห์นักเตะทีเด็ด
ทีนี้ พอเข้าใจเรื่องการมองโปรแกรมภาพรวมอย่างที่แชร์แล้ว ก็มาแนะนำนักเตะที่เหมาะสมกับโปรแกรมที่เหลือกันหน่อยดีกว่า เอาแบบพอหอมปากหอมคอ ตำแหน่งละ 1 คนก่อน
ผู้รักษาประตู
นิค โป๊บ (เบิร์นลีย์ / 4.9 ล้านปอนด์)
ฟอร์มที่สม่ำเสมอในช่วงหลังของโป๊บ แน่นอนว่าน่าเลือก กับคลีนชีต 4 ใน 6 นัดหลังสุด จนยอดรวมคลีนชีตขึ้นมาเป็น 11 ครั้ง เยอะที่สุดในลีกไปเรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมของเบิร์นลีย์ในอีก 9 นัดที่เหลือ ระดับความยากถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับทีมอื่น ถึงจะเหลือเกมเยือนของหนักอย่าง ลิเวอร์พูล และแมนฯ ซิตี้ แต่ที่เหลือถือว่ามีลุ้นได้หมด ราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เหมาะจะเอาติดทีมไว้จนจบซีซั่น
กองหลัง
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (แมนฯ ยู / 5.3 ล้านปอนด์)
พูดถึงโปรแกรมเทียบกับทุกทีม พูดได้เลยว่า “ปีศาจแดง” ดีกว่าทุกทีมในลีกเลยก็ว่าได้ ของหนักหน่อย พวกเขาเหลือแค่เยือนเลสเตอร์ กับสเปอร์ นอกนั้นถือว่าพวกเขาเป็นต่อ ยิ่งถ้าสามารถรักษาฟอร์มก่อนเบรคไว้ได้ รับรองว่ามีลุ้นยาวๆ
แน่นอนว่ากับนักเตะแมนฯ ยู กุนซือหลายท่านคงจะเลือกมองบรูโน่ แต่แนวรับของพวกเขา ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน และแม็คไกวร์ก็เป็นตัวหลักตัวยืน ที่นอกจากจะเล่นได้เหนียวแน่น ยังอาจจะมีลุ้นขึ้นไปทำประตูด้วย
กองกลาง
เควิน เด บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้ / 10.6 ล้านปอนด์)
จุดเด่นของ “เรือใบสีฟ้า” อยู่ที่โปรแกรมแน่นอน เพราะนอกจากโปรแกรมที่เหลือของหนักแค่ 3 นัด กับอาร์เซน่อล, เชลซี และลิเวอร์พูล ที่เล่นในบ้านถึง 2 นัด ลูกทีมของเป๊บ ยังมีโปรแกรมเหลือมากกว่าทีมอื่น รวมทั้งหมดถึง 10 นัด
ที่แนะนำเด บรอยน์ เพราะเขายังคงเป็นจอมทัพคนสำคัญของทีม และน่าจะการันตีตำแหน่งตัวจริงสม่ำเสมอ คนที่ลังเลว่าจะถอดเขาออกจากทีมดีหรือเปล่า ก็ขอให้พิจารณาให้ดี เพราะถึงจะแพง แต่คุณภาพยังมองว่าคุ้มค่า
กองหน้า
ราอูล ฆิมิเนซ (วูล์ฟ / 8.1 ล้านปอนด์)
อีกทีมที่โปรแกรมน่าสนใจมากๆ คือ “หมาป่า” เพราะพวกเขาเหลือของหนักไม่มาก กับเกมเหย้า เจออาร์เซน่อลและเอฟเวอร์ตัน และเกมเยือน เจอเชลซีกับเชฟฯ ยู ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรง หากจะคาดหวังพลังเกมรุกที่ค่อนข้างดีของพวกเขา
แนวรุกของวูล์ฟช่วงหลัง โจต้าถือว่ามาแรง เพราะนอกจากฟอร์มจะฮ็อต ราคายังค่อนข้างถูก แต่ยังไงยังชอบประโยชน์ในแนวรุกของฆิมิเนซ ที่นอกจากจะมีเรื่องการจบสกอร์ เขายังทำทางให้เพื่อนบ่อยครั้ง และมักเป็นตัวหลักที่ถูกเลือกให้เล่นจนจบครบ 90 นาที มากกว่าคู่หูอย่างโจต้า
ครบถ้วนกับการบริหารทีมในช่วงที่เรากำลังรอสถานการณ์ในยุโรปให้ดีขึ้น ซึ่งทุกท่านคงจะเห็นว่า ช่วง Blank Gameweek ยังคงมีความสำคัญ ในการจัดแจงทีมให้พร้อมเมื่อโปรแกรมกลับมาเตะอีกครั้ง
และอย่างที่บอกไปว่าเดดไลน์ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น Gameweek 32 เดดไลน์จะอยู่ที่เสาร์หน้า 4 เม.ย. (เพราะสุดสัปดาห์นี้ ตอนแรกเว้นไว้ให้โปรแกรมทีมชาติ) โดยเวลาจะมีการปรับเปลี่ยนสู่หน้าร้อน ซึ่งจะห่างจากเวลาบ้านเราเหลือ 6 ชั่วโมง อย่าลืมคิดให้รอบคอบ และดูเวลาเดดไลน์ให้ดีครับ
Picture : Forbes, Fantasy Premier League, India Today, Sporting Life, Metro, The SportsRush, Sky Sports, Burnley Football Club, Goal.com, Premier League, SportsMax