เป็นไงกันบ้างกับ Gameweek 24 ที่มี Double Gameweek เป็นครั้งแรกของซีซั่น โดยขณะที่ผมปั่นบทความนี้ ผมยังไม่ทราบผลแข่งขันนัดตกค้างระหว่างเวสต์แฮม กับลิเวอร์พูล ในคืนวันพุธ แต่ก็ทราบข่าวแล้วว่า “ซาดิโอ มาเน่” จะพลาดลงเล่น ซึ่งน่าจะทำให้กุนซือที่ฝากความหวังไว้ ต้องคอตกไปตามๆ กัน
และเนื่องจาก Gameweek 24 ยังไม่สิ้นสุดตามที่ผมเกริ่นไป ดังนั้นเราจะมาโฟกัสแนะนำทีเด็ดสำหรับ Gameweek 25 สุดสัปดาห์กันเป็นหลัก พร้อมกับมีเพิ่มเติมอธิบายเรื่องการเบรกหนีหนาวของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งจะมีการนำมาใช้ซีซั่นนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย
Gameweek 25 : วิเคราะห์ทีเด็ด
ผู้รักษาประตู
ดีน เฮนเดอร์สัน (เชฟฯ ยู / 5.0 ล้านปอนด์)
ผู้รักษาประตูมือดี ที่ทีม “ดาบคู่” ยืมตัวมาจาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่น การเก็บได้ถึง 8 คลีนชีต และการปักหลักเซฟสำคัญหลายครั้งในนัดที่แล้วที่เจอกับแมนฯ ซิตี้ ทำให้ตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษของเขาน่าจะมั่นคงขึ้น
นอกเหนือจากฝีไม้ลายมือ โปรแกรมโหดของเชฟฯ ยู ถือว่าผ่านไปเซ็ตใหญ่แล้ว ต่อจากนี้อีก 6 นัด พวกเขาไม่เจอ Top 6 และพูดได้เต็มปากว่าเจอแต่ทีมที่อันดับต่ำกว่าพวกเขา หากใครที่อยากจะลงทุนกับแนวรับเชฟฯ ยู มองไปที่เฮนเดอร์สัน อาจจะลุ้นแต้มเซฟได้มากกว่าแผงหลัง ที่หวังพึ่งคลีนชีตอย่างเดียวเป็นหลัก
มาร์ติน ดูบราฟก้า (นิวคาสเซิล / 5.0 ล้านปอนด์)
อีกหนึ่งจอมหนึบ ที่ฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอ และมีส่วนสำคัญต่อผลงานของนิวคาสเซิลโดยตรง จำนวนการเซฟที่ตอนนี้ทำได้ 97 ครั้ง ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของลีก และหากดูแค่ 6 เกมหลัง ดูบราฟก้า มีจำนวนเซฟอย่างน้อย 6 ครั้ง (คิดเป็น 2 คะแนน) ได้มากถึง 4 แมทช์
โปรแกรมของ “สาลิกาดง” ถือว่าไม่หนักหนาจนเกินไป 9 แมทช์ข้างหน้า พวกเขามีเจอทีมใหญ่ แค่การเยือนอาร์เซน่อลใน Gameweek 26 เท่านั้น แถม 9 นัดที่ว่า ยังเป็นการเล่นในบ้าน 5 นัด ลุ้นทั้งเซฟ ลุ้นทั้งคลีนชีตกันได้ยาวๆ
กองหลัง
โจ โกเมซ (ลิเวอร์พูล / 5.2 ล้านปอนด์)
ก่อนนี้เคยลังเลจะแนะนำโกเมซ เพราะแม้จะราคาไม่แพง แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่า การกลับมาของมาติป และลอฟเรน จะทำให้ตำแหน่งของเขาสั่นคลอนรึป่าว แต่เมื่อได้ดูฟอร์มของ 2 คนที่กลับมาในเอฟเอ คัพ แล้ว เลยค่อนข้างมั่นใจว่า โกเมซยังมีภาษีเหนือกว่าพอสมควร
ข้อสังเกตสำคัญในการคุมทีมเล่นบอลลีกของคลอปป์ในซีซั่นนี้ คือเขาเน้น และมีการเปลี่ยนแปลงทีมน้อย ถ้าไม่จำเป็น การประสานงานของโกเมซ กับฟาน ไดค์ ที่ทำให้ทีมเก็บคลีนชีตได้ 7 นัดรวด (ก่อนจะมาเสียซิงในนัดกับวูล์ฟ) น่าจะทำให้เขาได้ลงเล่นต่อไป ยิ่งกับโปรแกรมที่ไม่หนัก อีก 8 นัดไม่เจอทีมใหญ่ ยิ่งน่ามีแนวรับ “หงส์แดง” ติดทีมไว้
จามาล ลาสเซลส์ (นิวคาสเซิล / 4.2 ล้านปอนด์)
กองหลังกัปตันทีม “สาลิกาดง” กลับมาจากอาการบาดเจ็บ และลงเล่นเป็นตัวจริงติดต่อกัน 2 นัดแล้ว การหายหน้าไปนานกว่า 10 แมทช์ ทำให้ราคาของเขาตกลงมาอยู่ในระดับแค่ 4.2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าหาตัวที่ลงสม่ำเสมอในราคานี้ในเกมได้ยาก
จุดสำคัญ นอกเหนือจากเรื่องของราคา คงเป็นโปรแกรมของนิวคาสเซิล อย่างที่ว่าไปแล้วด้านบน ว่าพวกเขาเจองานไม่หนักกันอีกยาวๆ หากจะเลือกปรับเปลี่ยนพวกริโก้, เคลลี่, เว็บสเตอร์ ที่ผลงานอาจจะไม่เข้าตา ลาสเซลส์ที่ราคาไม่สูงกว่า ถือว่าน่าเสี่ยง
กองกลาง
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล / 5.4 ล้านปอนด์)
ว่ากันตามตรง ถ้าพูดถึงกองกลางจากค่าย “หงส์แดง” แล้ว ทุกสายตามองไปที่ซาล่าห์ และมาเน่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่หันมาแนะนำกัปตันทีมจอมขยันในสัปดาห์นี้ เพราะเขาแสดงความสำคัญกับทีมเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกับช่วงที่คลอปป์เน้นกับเกมลีกให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะเป็นตำแหน่งเบอร์ 6 หรือ 8 ชื่อของเฮนโด ถือว่าการันตีตัวจริง
แม้จะไม่ได้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 6 มานานเกือบปี แต่เมื่อฟาบินโญ่เจ็บ เฮนโดก็สามารถดูแลตำแหน่งเดิมได้เนียนตา บอลแทงทะลุ และบอล Early Cross ของเขาถือว่าหวังผลได้ หรือยิ่งถ้าฟาบินโญ่ สามารถเคาะสนิมกลับมาลงตัวจริง และเฮนโดกลับมายืนเบอร์ 8 ของทีม โอกาสมีส่วนร่วมกับเกมรุก จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
วิลฟรีด ซาฮา (พาเลซ / 6.8 ล้านปอนด์)
แนวรุกริมเส้นตัวเก่งของ “ปราสาทเรือนแก้ว” ยังคงสร้างผลงานที่ดีส่วนตัวอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจำนวนประตู และแอสซิสต์ จะมาน้อยไปหน่อย แต่เขาก็ยังเป็นนักเตะที่เป็นตัวขึ้นบอลสำคัญให้กับพาเลซ อยู่อย่างสม่ำเสมอ
โปรแกรมที่เหลืออยู่ของพาเลซ จะไปหนักเอาในช่วงท้ายฤดูกาล โดยเฉพาะ 5-6 นัดหลัง ดังนั้นระหว่างนี้ประมาณ 8 นัด พวกเขามีเจอทีม Top 6 แค่เพียงนัดเดียว และนั่นอยู่ไกลออกไปพอสมควร กับ Gameweek 31 ที่ต้องออกไปเยือนแอนฟิลด์
กองหน้า
โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล / 9.6 ล้านปอนด์)
ห่างหายจากการแนะนำบ๊อบบี้ในคอลัมน์เราไปเสียนาน เพราะมีช่วงที่เขาผลิตสกอร์ได้ไม่ค่อยสม่ำเสมอนัก เลยไม่ค่อยมีกุนซือแฟนตาซีเลือกก่อนหน้านี้ ถึงเขาจะยังได้รับการการันตีเป็นตัวจริงสม่ำเสมออยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ดี หากลองดูในการเล่นช่วงระยะหลัง นับตั้งแต่ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก เมื่อเดือน ธ.ค. ฟิร์มิโน่ ถือเป็นตัวโจ๊กเกอร์ที่กองหลังฝั่งตรงข้ามมักจะปล่อยให้เล็ดลอดจากการประกบ มากกว่าซาล่าห์ และมาเน่ หากใครอยากจะลองเสี่ยงกับตัว “หงส์แดง” ที่แตกต่างออกไปหน่อย False 9 ชาวบราซิเลี่ยน ถือว่าน่าสนใจเอามากๆ
ตีมู ปุ๊คกิ (นอริช / 6.5 ล้านปอนด์)
กองหน้าชาวฟินแลนด์ กลับมายิงต่อเนื่องได้ 2 นัดติดอีกครั้ง สะสมยอดรวมพังประตูขึ้นมาเป็น 11 ลูกแบบเงียบๆ เพราะมีคนเทขายเขาออกไปนานพอสมควรแล้ว จนปัจจุบันมีคนเลือกเขาอยู่ราวๆ แค่ 13% ผิดกับช่วงต้นฤดูกาลที่ขึ้นไปแตะ 40% ขึ้นไป
สถานการณ์ลุ้นหนีตกชั้นของนอริช ยังคงเป็นงานเข็นครกขึ้นภูเขาอยู่ เพราะพวกเขาเสียประตูง่าย และรูปแบบเกมที่สวยงามก็ใช้ไม่ได้ผลเหมือนช่วงแรก อย่างไรก็ดี ข้อดีในช่วงหลังของพวกเขาคือ เกมรุกเริ่มใช้จังหวะน้อยลง และสร้างโอกาสได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสทำสกอร์ให้กับปุ๊คกิ ไปโดยปริยาย
จัดทีม วัดใจ
หลังเบรกแตกไปพอสมควร เมื่อมาเน่ได้รับบาดเจ็บ จนเก็บได้เพียงแค่ 1 คะแนน ทั้งที่มี Double Gameweek แต่ก็ยังเคราะห์ดีอยู่บ้าง ที่ไม่บู๊กด Triple Gameweek ไป
กับ Gameweek 25 สิ่งที่ทำได้ก่อน คือการลองจัดทัพที่มีในมือดู (ระหว่างเขียน ย้ำอีกที ว่าผมยังไม่ทราบผลคู่สุดท้ายของ Gameweek 24 เวสต์แฮม-ลิเวอร์พูล) ว่ามันไปวัดไปวาได้แค่ไหน
ปัญหาหลักแน่นอนอยู่ที่มาเน่ ตัวทำคะแนนหลักที่ได้รับบาดเจ็บ และคงเป็นไปได้ยากที่จะลงเล่นในแมทช์ Gameweek 25 ได้ แต่ด้วยอาการที่ไม่หนักหนานัก ตามที่คลอปป์อัพเดทมา น่าจะทำให้ตัดสินใจถือเขาไว้กับทีมก่อน เพราะมีช่วงเบรกหนีหนาวมาช่วยพอดี
ทัพที่จัดได้ ดูจะหวังพึ่งนักเตะเลสเตอร์ค่อนข้างเยอะ แถมทีมตัวรอง ยังเจอโปรแกรมที่ไม่ง่ายนัก การจะปรับเปลี่ยนตัว จึงต้องคำนึงถึงนักเตะเหล่านี้ไว้นิดนึง เพราะเราเผื่องบไว้จากการเปลี่ยนครั้งก่อนเยอะเลย (เอาแรชฟอร์ดออก คัลเวิร์ธ-เลวินเข้า)
ทางเลือกแรกคือปรับตัวราคาค่อนข้างสูงออก เช่น ถอดแมดดิสันออก ก็สามารถหยิบจับซน, อัลลี่ หรือมาร์กซิยาลเข้ามา หรือหากเลือกถอดวาร์ดี้ออก ก็ใส่อาวุธหนักอย่างอเกวโร่ หรือโอบาเมย็อง เข้ามาได้เลย
ทางเลือกต่อไป คือการถอดตัวราคาถูกออกไป เผื่อจะเอางบที่เหลือมายกระดับทีมได้ ก็อย่างเช่น ถอดเอาเคลลี่ หรือเว็บสเตอร์ออก ก็สามารถใส่กองหลังตัวไหนก็ได้เข้ามาสู่ทีม (ยกเว้นหงส์แดง และเลสเตอร์ ที่โควตาเต็มแล้ว)
ตัวราคาถูกในแดนหน้าก็สามารถปรับได้เช่นกัน หากเลือกถอดคัลเวิรธ-เลวิน หรือเดโลเฟวออก ก็เติมฆิมิเนซ, คัลลั่ม วิลสัน, อิงส์ หรือปุ๊คกิ เข้ามาแทนได้
ทั้งหมดทั้งมวลที่แชร์ทางเลือกมา ผมคงไม่เปลี่ยนแบบทันทีทันใด ขอเช็คโปรแกรมกลางสัปดาห์คู่เวสต์แฮม-ลิเวอร์พูล และ 4 ทีมที่ลงเล่นคาราบาว คัพ ดูก่อน ทีมจะออกมาหน้าตาแบบไหน เดี๋ยวจะแชร์ให้ได้ชมกันตามช่องทางของเราเหมือนเดิมครับ
กลุ่มแชท ใน LINE OpenChat >> คลิกเลย <<
กลุ่ม facebook >> คลิกเลย <<
ทำความเข้าใจเบรกหนีหนาวพรีเมียร์ลีก
ขอพูดเพิ่มเติมนิดนึงถึงการเบรกหนีหนาวที่ไม่เหมือนใครของพรีเมียร์ลีก ซึ่งถูกหยิบเอามาใช้ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นแรก และก็มีดราม่าเสียงบ่นของเหล่ากุนซือ อย่างที่เราเห็นข่าวกันไป
โดยปกติแล้ว ประเทศอื่นๆ ในยุโรป เวลาเขาเบรกหนีหนาวกัน เขาจะเลือกช่วงที่มันหนาวเหน็บที่สุด ซึ่งก็ประมาณปลายปี (ปลาย ธ.ค.) จนถึงกลางเดือน ม.ค. แต่พรีเมียร์ลีกเจ้ากรรม เขายังคงต้องมีวัฒนธรรมการเตะ Boxing Day, การเตะสุดสัปดาห์ส่งท้ายปี และการเตะรับขึ้นปีใหม่ มันก็เลยโยกมาเบรกหนีหนาวกันในเดือน ก.พ. ให้ประหลาดลูกตาอย่างที่เห็น
นอกจากจะเบรกไม่ตรงกับบ้านเมืองอื่นเขา การ “แบ่งกันเบรก” ก็เป็นไอเดียแปลกๆ ที่พรีเมียร์ลีกผุดขึ้นมา เพื่อคงการมีแมทช์เตะครบทั้ง 2 สัปดาห์ ซึ่งหมายถึงรายได้ถ่ายทอดสด ที่ยังมีเกือบเท่าเดิม
การเบรกหนีหนาวครั้งแรกของพรีเมียร์ลีก จะเกิดขึ้นหลัง Gameweek 25 ที่จะลงเตะกัน 1-2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยแบ่งเป็นพวก “เตะก่อนพัก” และ “พักก่อนเตะ”
กลุ่มเตะก่อนพัก (8 ทีม) :
เอฟเวอร์ตัน, พาเลซ, ไบรท์ตัน, วัตฟอร์ด, เชฟฯ ยู, บอร์นมัธ, แมนฯ ซิตี้, เวสต์แฮม
8 ทีมที่ว่านี้ จะลงเตะ Gameweek 26 ต่อเนื่องเลยในวันที่ 8-9 ก.พ. ก่อนจะพักยาว 2 สัปดาห์ ก่อนจะกลับมาเตะ Gameweek 27 ในวันที่ 22-24 ก.พ. กันอีกที
กลุ่มพักก่อนเตะ (12 ทีม) :
วูล์ฟ, เลสเตอร์, เซาธ์แธมป์ตัน, เบิร์นลี่ย์, นอริช, ลิเวอร์พูล, วิลล่า, สเปอร์, อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิล, เชลซี, แมนฯ ยู
12 ทีมที่ว่านี้ จะได้พักนาน 2 สัปดาห์ และค่อยกลับมาลงเล่น Gameweek 26 กันในคืนวันที่ 14-17 ก.พ. (มีคู่เตะคืนวันศุกร์ และคืนวันจันทร์ด้วย) และเตะ Gameweek 27 กันต่อเลย ในวันที่ 22-24 ก.พ.
นั่นจึงเป็นที่มา ของเรื่องดราม่าระหว่างลิเวอร์พูล กับเอฟเอ (จริงๆ ทีมอื่นอย่างสเปอร์, เซาธ์แธมป์ตัน, นิวคาสเซิล ก็เข้าข่าย) เพราะโปรแกรมเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดรีเพลย์ จะเตะกันในคืนวันที่ 4-5 ก.พ. ซึ่งพวกเขาเริ่มต้นการเบรกหนีหนาวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการไปเข้าแคมป์เก็บตัว หรือปล่อยให้นักเตะอยู่กับครอบครัว
ใครผิดใครถูก อะไรควรหรือไม่ควร อันนี้คงไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปตัดสิน สิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อมให้ดี คือทำความเข้าใจโปรแกรมแต่ละ Gameweek ช่วงนี้ให้ดี เพราะมันจะเป็นประโยชน์ในการจัดทีมแฟนตาซีของเรา ในช่วงเดือน ก.พ. ซึ่งถือเป็นโค้งท้ายๆ ก่อนจะเข้าทางตรงตัดสินผลของฤดูกาล
Picture : Fantasy Premier League, Vbet News, Premier League, Football365, Chronicle Live, 90Min, Sportskeeda, Yahoo News, The National, The Anfield Wrap, My Knowledge Tips, Yahoo News, FantasyBet, All Out Football, talkSPORT, BBC