ผู้จัดการทีมฟุตบอล ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่กดดันมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในลีกที่มีผู้รับชมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งบรรดาโค้ชเหล่านั้น ต่างมีประสบกาณ์มากน้อยแตกต่างกันออกไป
ขณะเดียวกัน กุนซือในลีกสุงสุดแดนผู้ดีหลายคน ต่างมีประสบการณ์ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลมาแล้วทั้งสิ้น บางคนประสบความสำเร็จ และบางคนก็ล้มเหลว แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง พวกเขาได้ใช้ความสามารถ และฝีมือของตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชชื่อดังอย่างเช่นทุกวันนี้
1. เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
น่าเสียดายที่อาชีพนักฟุตบอลของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องปิดฉากลงก่อนเวลาอันควรหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าในช่วงที่เล่นให้กับทีมสำรองของ เรดดิ้ง และต้องแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 20 ปี เท่านั้น
ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์ เคยเป็นอดีตกองหลังดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก และได้รับการคาดหมายว่า จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของเมืองผู้ดี แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมีเส้นทางที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ร็อดเจอร์ส เดินหน้าเข้าสู่อาชีพกุนซืออย่างเต็มตัวในปี 2008 ด้วยการเริ่มต้นคุมทีมวัตฟอร์ด จากนั้น เขาย้ายไปคุม เรดดิ้ง, สวอนซี, ลิเวอร์พูล, กลาสโกว์ เซลติก และปัจจุบันกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เลสเตอร์ ซิตี้
2. โจเซ่ มูรินโญ่
เทรนเนอร์เจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” เริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางที่สโมสร ริโอ อาฟ ในลีกโปรตุเกส ซึ่งมีคุณพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีม แต่เจ้าตัวรู้สึกว่า ไม่มีแรงผลักดันในอาชีพนักฟุตบอลมากนักจึงแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น
ในเส้นทางอาชีพกุนซือ มูรินโญ่ สร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยการพา เอฟซี ปอร์โต้ คว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2004 จากนั้น เขาประสบความสำเร็จกับสโมสรดังทั่วยุโรปมากมาย อาทิ เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และปัจจุบันกำลังจะพา ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
3. เยอร์เก้น คล็อปป์
คล็อปป์ เคยเล่นให้ ไมนซ์ เป็นเวลาถึง 11 ฤดูกาล ลงสนามไปทั้งสิ้น 340 เกม ซัดไป 56 ประตู แต่ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาอยู่ในลีกา 2 ของเยอรมัน โดยโค้ชวัย 52 ปี สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า และแบ็คขวา
สมัยเป็นนักเตะนั้น คล็อปป์ มีความทุ่มเทอย่างมาก และมันก็ติดเป็นนิสัยเขามาจนถึงการเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งเห็นได้จากสไตล์การเล่นของทีมที่เขาคุมมาไล่ตั้งแต่ ไมนซ์, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ลิเวอร์พูล ที่บรรดานักเตะวิ่งสู้ฟัดไล่บดคู่แข่งตลอดทั้ง 90 นาที
นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังถือว่า กุนซือระดับท็อป และเป็นนักปั้นตัวยงที่มอบโอกาสให้กับบรรดายอดนักเตะแจ้งเกิดมากมาย อาทิ มาริโอ เกิทเซ่, มัทส์ ฮุมเมิลส์, ชินจิ คากาวะ, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และในทีม “หงส์แดง” ชุดปัจจุบันอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
4. เปป กวาร์ดิโอล่า
ในอดีต กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นขุนพลสำคัญในแดนกลางของ บาร์เซโลน่า ยุครุ่งเรืองในช่วงปี 90 และคว้าแชมป์ร่วมกับพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” มาอย่างนับไม่ถ้วน อาทิ แชมป์ลา ลีกา 6 สมัย, โคปา เดย์ เลย์ 2 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย
มันสมอง และวิสัยทัศน์ในสมัยเป็นนักเตะของ กวาร์ดิโอล่า นั้น สุดยอดอย่างมาก และมันถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการเป็นเทรนเนอร์ โดยโค้ชชาวสเปนพาทุกทีมที่เขาคุมประสบความสำเร็จอย่างสุดยอดด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงามไล่ตั้งแต่ บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบัน
ในวัยเพียง 49 ปี กวาร์ดิโอล่า ยังมีโอกาสสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการลูกหนังอีกมาก และเชื่อได้ว่า การเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ของเขากับ แมนฯซิตี้ นั้น ยังไม่หยุกเพียงเท่านี้
5. โอเล่ กุนาร์ โซลชา
สุดยอดตัวสำรองตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โซลชา มักเป็นโจ๊กเกอร์คนสำคัญที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา และมักจะพลิกวิกฤตให้ “ปีศาจแดง” อยู่เสมอ โดยหนึ่งในเกมที่สาวก “เร้ด เดวิลส์” ไม่มีวันลืมคือการที่เขาซัดประตูชัยใส่ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999
ปัจจุบัน โซลชา กำลังทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด และเขากำลังมีภารกิจสำคัญในการสร้างทัพ “ปีศาจแดง” ยุคใหม่ให้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอีกครั้ง
6. มิเคล อาร์เตต้า
อาร์เตต้า เป็นอดีตมิดฟิลด์ที่มีสไตล์การเล่นสุดคลาสสิค ชั้นเชิง วิสัยทัศน์ ความนิ่ง การผ่านบอลที่แม่นยำ รวมถึงทีเด็ดจากการยิงฟรีคิก ทำให้เขากลายหนึ่งในนักเตะชั้นยอด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับการพูดถึงมากเท่าที่ควร
กุนซือชาวสเปน เคยเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ชุดบี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล โซเซียดาด, เอฟเวอร์ตัน และอาร์เซน่อล ก่อนจะแขววนสตั๊ดกับ “ไอ้ปืนใหญ่” เมื่อปี 2016 และเดินหน้าเข้าสู่ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของ เปป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เมื่อเดือนธันวาคมปี 2019 อาร์เตต้า ได้รับโอกาสทำหน้าที่ผู้จัดการทีมเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีม อาร์เซน่อล และแม้จะมีประสบการณ์เพียงน้อยนิด แต่ฝีมือของเขาก็ได้รับการจับตามองอย่างมาก
7. แฟรงค์ แลมพาร์ด
สุดยอดตำนานจอมทัพ เชลซี ตลอดระยะเวลา 13 ฤดูกาลในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แลมพาร์ด ลงเล่นให้ไปมากถึง 648 ซัดไป 211 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และยูโรป้า ลีก 1 สมัย
แลมพาร์ด เพิ่งเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2018 และก้าวกระโดดอาชีพครั้งสำคัญด้วยการย้ายมาคุมอดีตทีมเก่าอย่าง เชลซี ในปี 2019 ท่ามกลางวิกฤตของสโมสรด้วยการถูกแบนห้ามซื้อนักเตะ
อย่างไรก็ตาม แลมพาร์ด รับมือกับแรงกดดันได้เป็นอย่างดี เขาพา เชลซี เล่นในสไตล์ที่น่าตื่นเต้น และให้โอกาสบรรดาดาวรุ่งอย่าง เมสัน เมาท์, ฟิกาโย โทโมริ, แทมมี่ อับราฮัม และรัส เจมส์ ได้ลงสนาม และเชื่อได้ว่า แฟน “สิงโตน้ำเงินคราม” คงพอใจไม่น้อยกับผลงานของอดีตนักเตะคนนี้
ภาพประกอบ : skysports.com, mondofutbol.com, bleacherreport.com, itv.com