กองหน้าชื่อดังที่ย้ายมาดับในพรีเมียร์ลีก - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
กองหน้าชื่อดังที่ย้ายมาดับในพรีเมียร์ลีก

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจยังคงเป็นลีกฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งยังคงดึงดูดผู้จัดการทีมชั้นนำและบรรดานักเตะฝีเท้าดีจากทั่วทุกมุมโลกให้ย้ายมาแสวงหาความสำเร็จ รวมถึงเข้ามาโกยรายได้มหาศาลกันอย่างไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่ผู้เล่นระดับบิ๊กเนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งกองหน้าที่จะย้ายมาเพื่อเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า พวกเขาสามารถล่าตาข่ายคู่แข่งได้ทุกทีม

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะบรรดายอดดาวยิงต่อไปนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีนั้น ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะย้ายมาแล้วจะโชว์ฟอร์มได้ดี แม้พวกเขาจะเคยกระหน่ำประตูเป็นว่าเล่นกับอดีตต้นสังกัดเก่ามาแล้วก็ตาม

1. อังเดร เชฟเชนโก้ (เชลซี ปี 2006-2009)

Source : cloudfront

ในปี 2006 ยอดหัวหอกชาวยูเครน ย้ายจากเอซี มิลาน มาเล่นกับ เชลซี ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของเกาะอังกฤษในเวลานั้น คือ 30.8 ล้านปอนด์ และ ในวัย 29 ปี ซึ่งเป็นจุดพีคของนักฟุตบอลอาชีพนั้น เขาก็ได้รับการยกย่องว่า จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในการพาพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” ไล่ล่าแชมป์รายการต่างๆ

ขณะเดียวกัน สถิติของ เชฟเชนโก้ กับ มิลาน ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว หลังจากที่ซัดให้กับ “ปีศาจแดง-ดำ” ไปมากถึง 175 ประตู จากการลงสนาม 322 นัด แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเนื่องจากเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักในการเผชิญหน้ากับความหนักหน่วงของฟุตบอลอังกฤษ และต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกของ โจเซ่ มูรินโญ่ อดีตโค้ช เชลซี แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชฟเชนโก้ ไม่สามารถโชว์ฟอร์มสุดยอดได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เขายิงไปเพียง 23 ประตู จากการลงเล่น 77 เกม และในปี 2009 เขาก็อำลา เชลซี ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ ดินาโม เคียฟ ซึ่งเป็นสโมสรแรกในอาชีพนักฟุตบอล

2. เฟร์นันโด มอริเอนเตส (ลิเวอร์พูล ปี 2005-2006)

Source : fourfourtwo

ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์ชาวสเปน ดูเหมือนจะได้กองหน้าฝีเท้าดีราคาถูกไปเสริมทัพหลังจากที่พวกเขาจ่ายเงินเพียง 6.3 ล้านปอนด์ ซื้อตัว มอริเอนเตส จาก เรอัล มาดริด ไปล่าตาข่ายในเดือนมกราคมปี 2005

ภายในทีมชุดแรกของ มาดริด นั้น มอริเอนเตส ไม่สามารถแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงมาจาก ราอูล กอนซาเลซ หัวหอกกัปตันทีม “ราชันชุดขาว” ได้ ทำให้เขาต้องตัดสินใจอำลาสโมสร และ ลิเวอร์พูล ที่มีโค้ชชาติเดียวกันอย่าง เบนิเตซ ก็เป็นปลายทางที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ดาวยิงเลือดกระทิงดุ ดูจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย และความฟิตที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก จึงทำให้ เบนิเตซ มองข้าม และใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ดาวยิงร่างโย่งชาวอังกฤษ เป็นตัวจริงแทน จากนั้นในช่วงซัมเมอร์ มอริเอนเตส ก็อำลา “หงส์แดง” พร้อมสถิติที่ไม่ดีนักด้วยการยิงไปแค่ 12 ประตู จาก 60 เกม

3. ราดาเมล ฟัลเกา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2014-2015, เชลซี ปี 2015-16)

Source : bleacherreport

จอมถล่มประตูชาวโคลอมเบีย เคยเป็นสุดยอดกองหน้าที่สมบูรณ์แบบของต้นสังกัดเก่าอย่าง เอฟซี ปอร์โต, แอตเลติโก มาดริด และโมนาโก แต่โชคร้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หน้าทำให้ต้องพักไปยาวหลายเดือน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตช์ ยอมรับความเสี่ยงด้วยการจ่ายเงินจำนวน 6 ล้านปอนด์ พร้อมจ่ายค่าเหนื่อย 265,000 ต่อสัปดาห์ ยืมตัว ฟัลเกา มาจาก โมนาโก และในวัย 28 ปี ที่สภาพร่างกายไม่เหมือนเดิมนั้น ส่งผลให้ ฟัลเกา ยิงไปเพียง 4 ประตู จาก 29 เกมให้กับ “ปีศาจแดง”

หลังจากเล่นกับ แมนฯยูไนเต็ด ได้เพียง 1 ปี ฟัลเกา ถูกส่งตัวกลับไปยัง โมนาโก อีกครั้ง แต่กลายเป็น เชลซี ที่ยื่นข้อเสนอยืมตัวเขาไปเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ท้ายที่สุด ศูนย์หน้าจ้าของฉายา “เอล ติเกร” ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ เขายิงให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ไปเพียงลูกเดียว จาก 12 เกม

4. เซอร์เก เรบรอฟ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ปี 2000-2003)

Source : twimg

กองหน้าชาวยูเครนเจ้าของค่าตัว 11 ล้านปอนด์ ซึ่งเคยเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมของ อังเดร เชฟเชนโก้ ที่  ดินาโม เคียฟ นั้น ย้ายมาร่วมทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2000 พร้อมกับสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับสาวก “ไก่เดือยทอง” เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในยุคนั้น สเปอร์ส มีสุดยอดดาวยิงชาวทีมชาติอังกฤษอยู่ในทีมถึง 2 คน นั่นก็คือ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม และ เลส เฟอร์ดินานด์ มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่ เรบรอฟ จะเข้ามาแย่งตำแหน่งตัวจริงได้

เรบรอฟ อยู่ค้าแข้งในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เป็นเวลา 3 ปี แต่ในฤดูกาล 2002-2003 เขาถูกล่อยยืมตัวไปยัง เฟเนร์บาห์เช่ ในลีกตุรกี โดยดาวเตะยูเครน ยิงให้ สเปอร์ส รวมทั้งสิ้น 15 ลูก จาก 75 เกม

5. ดิเอโก้ ฟอร์ลัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2002-2004)

Source : thesefootballtimes

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ แมนเชสเตอร์ยู ไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสก็อตแลนด์ ปล่อยให้เวลาผ่านไป 4 ปี โดยไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจาก ฟอร์ลัน ย้ายมาร่วมทีมในปี 2002 จนกระทั่งปี 2006 “ปีศาจแดง” จึงกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ได้อีกครั้ง

เฟอร์กูสัน ตั้งใจว่า จะให้ ฟอร์ลัน ย้ายมาเป็นคู่หูให้กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ศูนย์หน้าชาวดัตช์ แต่เขา กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์ได้อย่างที่เจ้านายต้องการ โดยดาวยิงชาวอุรุกวัยยิงให้กับ แมนฯยูไนเต็ด ไปเพียง 17 ประตู จาก 98 เกม ตลอดระยะเวลา 2 ปีกับ “ปีศาจแดง”

        อย่างไรก็ตาม หลังอำลาถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ฟอร์ลัน ย้ายไประเบิดฟอร์มกับ บียาร์เรอัล และแอตเลติโก มาดริด ในสเปน และยังเคยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึกลา ลีกา มาแล้วอีกด้วย

6. โรเบร์โต้ โซลดาโด้ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ปี 2013-2015)

Source : bleacherreport

โซลดาโด้ เป็นกองหน้าชาวสเปนอีกรายหนึ่งที่ต้องดิ้นรนกับการปรับตัวกับสไตล์ฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองผู้ดี หลังย้ายจาก “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย มาเล่นกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2013 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 28 ล้านปอนด์

ในซีซั่นสุดท้ายที่เล่นกับ บาเลนเซีย นั้น โซลดาโด้ โชว์ฟอร์สุดยอดด้วยการกระหน่ำไปถึง 30 ประตู จาก 46 นัด แต่ผลงานกับ สเปอร์ส มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยหัวหอกเลือดกระทิงดุ ซัดให้กับ “ไก่เดือยทอง” ไปเพียง 16 ประตู จาก 76 เกม ใน 2 ฤดูกาล

ในปี 2015 จากผลงานที่น่าผิดหวัง ทำให้ สเปอร์ส ตัดสินใจขาย โซลดาโด้ ให้กับ บียาร์เรอัล ด้วยค่าตัวเพียง 7 ล้านปอนด์ เท่านั้น

ภาพประกอบ : planetfootball.com, fourfourtwo.com, bleacherreport.com, scoopnest.com, thesefootballtimes.co

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save