รู้จัก “ดอนนี่ ฟาน เด บีค” การเกาที่ถูกที่คันแค่ไหนของ "ปีศาจแดง" - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
รู้จัก “ดอนนี่ ฟาน เด บีค” การเกาที่ถูกที่คันแค่ไหนของ “ปีศาจแดง”

หลัง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โฟกัสเป้าหมายใหญ่ในการเสริมทัพซัมเมอร์นี้ไปที่ “เจดอน ซานโช” ที่จนแล้วจนรอดทำท่าจะล้มเหลว เพราะดูจะไม่สามารถตกลงค่าตัวอย่างที่ดอร์ทมุนด์ได้

“เอ็ด วู้ดเวิร์ด” รองประธานบริหาร ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบการเดินเรื่องซื้อขายตัวนักเตะ
(Source : The Week UK)

พอข่าวการได้ตัวเริ่มซา เสียงก่นด่าของแฟนๆ “เร้ด อาร์มี่” ก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เพราะระยะหลังสโมสร และทีมงานซื้อ-ขาย ดูจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่อยากได้เท่าที่ควร

อย่างไรก็ดี ขณะที่แอบมองการเสริมทัพดุเดือดของหลายทีมอย่างเช่นเชลซี แบบตาปริบๆ ก็มีข่าวพรวดเข้ามาว่า “ปีศาจแดง” สนใจ “ดอนนี่ ฟาน เด บีค” ห้องเครื่องทีมชาติฮอลแลนด์ และสุดท้ายดีลก็ทำท่าลงเอยในระยะเวลาอันสั้น เป็น “48 ชั่วโมง” ที่ดูจะประสบความสำเร็จจริงจังเสียที

“ดอนนี่ ฟาน เด บีค” มิดฟิลด์ดัทช์วัย 23 ปี ว่าที่นักเตะใหม่ของแมนฯ ยู
(Source : Medium)

หันมามองที่ตำแหน่งการเล่นของฟาน เด บีค หลายสื่อก็สงสัยเหมือนกัน เพราะตอนแรกดูเหมือนยูไนเต็ด จะหันไปให้ความสำคัญกับตำแหน่งอื่นอย่าง แนวรุกริมเส้น หรือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมากกว่า ดังนั้นจึงน่าสนใจ ว่ามิดฟิลด์วัย 23 ปีรายนี้ เป็นการเสริมทัพที่ “เกาถูกที่คัน” แค่ไหนกัน

ดังนั้นวันนี้เราเลยอยากมาจับต้องรายละเอียดกันหน่อย ถึงสไตล์การเล่น และมิติที่ฟาน เด บีค อาจจะมาเติมเต็มแดนกลางของ “ปีศาจแดง” เผื่อจะช่วยคลายความสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทุ่มเงินดึงมิดฟิลด์รายนี้เข้ามา

ทำความรู้จักฟาน เด บีค

“ดอนนี่ ฟาน เด บีค” เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของอาแหยกซ์ อัมสเตอร์ดัมซ์ อันเลื่องชื่อ มีฝีเท้าโดดเด่นมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน โดยสไตล์การเล่นของเขาในช่วงวัยรุ่น ถูกนำไปเทียบกับ “ดาวี่ คลาสเซ่น” มิดฟิลด์รุ่นพี่ ซึ่งก้าวขึ้นไปเป็นกัปตันทีมอาแหยกซ์

ฟาน เด บีค กับ “ดาวี่ คลาสเซ่น” (ขวา) รุ่นพี่ที่ว่ากันว่า มีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกัน
(Source : Nos)

แม้ชื่อของคลาสเซ่นในปัจจุบัน จะไม่ได้เปรี้ยงปร้าง หลังเขาย้ายไปล้มเหลวกับเอฟเวอร์ตัน แต่หากนับในเวลานั้นที่คลาสเซ่นเป็นกัปตันทีมอาแหยกซ์ เขาเป็นมิดฟิลด์ที่มีความเข้าใจในเกมสูง เคลื่อนที่เชื่อมเกมโดยตลอด และมีเซ้นส์การออกบอลให้เพื่อนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ฟาน เด บีค ถูกยกย่องเช่นกันในระดับเยาวชน

ด้วยความโดดเด่นสม่ำเสมอ ทำให้ฟาน เด บีค ได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 โดย “แฟรงค์ เด บัวร์” กุนซือของทีมในตอนนั้น เป็นคนเริ่มให้โอกาสต่อเนื่อง และมองว่าเขาเป็นนักเตะหมายเลข 6 ซึ่งพร้อมพัฒนาไปอีกไกล

“แฟรงค์ เด บัวร์” อดีตตำนาน และกุนซือของอาแหยกซ์ ผู้ที่เห็นศักยภาพฟาน เด บีค
(Source : Liverpool Echo)

การเติบโตของไอ้หนูฟาน เด บีค ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมเรื่อยๆ และฉายแสงเต็มที่ในซีซัน 2017/18 นอกเหนือจากยิงและแอสซิสต์ในลีก ได้ถึงเลข 2 หลัก เขายังเล่นได้โดดเด่นมากในศึกยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก จนพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายสเปอร์ตกรอบอย่างน่าเสียดาย

ฟอร์มการเล่นของเขาในตอนนั้น นอกเหนือจากการเป็นหมายเลข 6 ที่สามารถโฮลด์บอล และถ่ายบอลในแดนกลาง เขายังมีจุดเด่นในการสอดขึ้นไปเล่นระหว่างไลน์ จนกลายเป็นนักเตะแบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ มากขึ้น ขยับเข้าเขตโทษ และทำประตูได้มากขึ้น

จังหวะสอดขึ้นไปพังประตูชัย ให้อาแหยกซ์บุกชนะสเปอร์ได้ใน UCL
(Source : Football Flame)

ผลงานอันยอดเยี่ยมในซีซันนั้น ทำให้เขามีเกียรติประวัติการันตี ด้วยการติดเป็น 1 ใน 30 นักเตะที่มีลุ้นบัลลงดอร์ และได้รับการคาดหมายว่าจะย้ายไปยังทีมใหญ่แบบทันที เมื่อจบซีซันนั้น

อย่างไรก็ดี การย้ายทีมในตอนนั้นไม่เกิดขึ้น แม้จะมีข่าวลือว่าหลายทีมให้ความสนใจ กลายเป็น “เฟรนกี้ เด ยอง” มิดฟิลด์รุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ได้ย้ายออกไปบาร์เซโลน่าแทน โดยฟาน เด บีค อยู่รับใช้อาแหยกซ์ต่อ และทำผลงานได้สม่ำเสมอ ยิงได้ 10 ประตู ในซีซันที่ผ่านมา

“เฟรนกี้ เด ยอง” (ซ้าย) มิดฟิลด์คู่หู ที่ได้ย้ายไปบาร์เซโลน่า หลังจบซีซัน 2018/19
(Source : 90Min)

กว่าจะลงเอยกับยูไนเต็ด

นอกจากจบซีซัน 2018/19 ที่เจ้าตัวเนื้อหอมฉุยแล้ว การเกือบย้ายทีมที่ดูมีน้ำหนักมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อ ม.ค. 2020 โดยมีเรอัล มาดริด หันมาให้ความสนใจจริงจัง และทำท่าจะรีบปิดดีลในตลาดฤดูหนาวทันที

อย่างไรก็ดี การย้ายทีมไม่เกิดขึ้น บวกกับการเจอกับวิกฤติโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ความสนใจจาก “ราชันชุดขาว” ดูจะจืดจางลงไป ลีกดัทช์ที่ตัดจบ ก็ยิ่งทำให้เราได้เห็นชื่อของฟาน เด บีค น้อยลง ก่อนจะมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

“เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์” ผู้อำนวยการฟุตบอลของอาแหยกซ์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวกับการซื้อขายตัว
(Source : NBC Sports)

ว่ากันว่าส่วนหนึ่งที่การย้ายไปยังมาดริด ในเดือน ม.ค. ไม่เกิดขึ้น เพราะทางอาแหยกซ์เคยเอ่ยปากขอให้แกนหลักของทีม 3 ราย ทั้งฟาน เด บีค, แบ็คซ้าย ทาเกลียฟิโก้ และผู้รักษาประตู โอนาน่า อยู่กับทีมไปก่อนอีกซักปี หลังจากนั้นจะย้ายทีมก็จะไม่ว่ากัน โดยเป็นการเปิดเผยเองของ “เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์” ผู้อำนวยการฟุตบอลของยอดทีมแดนกังหันลม

ข่าวการย้ายทีมของฟาน เด บีค กลับมาคึกคักในช่วงปลาย ส.ค. โดยทีมแรกที่มีข่าวก่อน หนีไม่พ้น “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ที่ได้กุนซือใหม่เป็น “โรนัลด์ คูมัน” อดีตกุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ ที่มักคุ้นกับมิดฟิลด์ชาวดัทช์อย่างดี

“โรนัลด์ คูมัน” กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ ที่โยกไปรับงานคุมบาร์เซโลน่า
(Source : SportsZion)

อย่างไรก็ตาม ไม่มีข่าวการเดินหน้าซื้อตัวมิดฟิลด์วัย 23 ปีออกมาจากยักษ์ใหญ่คาตาลันเป็นรูปธรรม และท้ายที่สุดก็เป็น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ติดต่อไปยังอาแหยกซ์แบบจริงจัง และเมื่อทีมยินดีปล่อยตัวหากได้ราคาเหมาะสม เรื่องเลยดูจะจบเร็วด้วยมูลค่า 40 ล้านปอนด์

สไตล์การเล่น

ถึงแม้อดีตกุนซืออย่างเด บัวร์ และเพื่อนร่วมทีมหลายราย จะยกให้ฟาน เด บีค เคยจำกัดความว่าเขาคือนักเตะตำแหน่งหมายเลข 6 แต่ด้วยระบบแดนกลาง ที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดของอาแหยกซ์ ทำให้ฟาน เด บีค ปรับเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองได้ยืดหยุ่น และดูจะชอบเล่นเกมรุก มากกว่ารับ

ใน UCL ซีซัน 2018/19 ที่สร้างชื่อให้ทัพอาแหยกซ์ ฟาน เด บีค เล่นในแดนกลางร่วมกับเด ยอง และ “ลาสเซ่ โชน” มิดฟิลด์เดนมาร์กตัวเก๋า ที่คอยเคลื่อนที่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งให้สมดุล ช่วยให้ฟาน เด บีค ขยับขึ้นสูง และเล่นเกมรุกได้สะดวกยิ่งขึ้น

ผังของอาแหยกซ์ใน UCL 2018/19 ซึ่งแดนกลางลงตัวอย่างมาก
(Formation template : BuildLineup)

จุดเด่นสำคัญของฟาน เด บีค คือการเคลื่อนที่ระหว่างไลน์แดนกลางของคู่แข่ง สร้างความได้เปรียบในการถ่ายบอลขึ้นหน้า ซึ่งทำให้การเจาะพื้นที่ฝ่ายตรงข้ามมีมิติมากขึ้น

นอกจากนั้น เขายังชอบขยับตัวเพื่อเล่นกับไลน์เกมรับของคู่แข่งด้วยเช่นกัน ยิ่งทีมไหนดันไลน์รับขึ้นมาเช็คล้ำหน้าสูง ฟาน เด บีค จะเป็นตัวจู่โจมอีกตัว ที่สอดรับกับแนวรุกตัวบน ซึ่งทำให้แผนไร้กองหน้าตัวเป้าของอาแหยกซ์ ทำผลงานได้มีประสิทธิภาพ

แผนภาพการวิ่ง และสถิติการเล่นใน UCL และเอเรดิวิซี่ ซีซันล่าสุด ของฟาน เด บีค
(Source : Sky Sports)

ดังนั้นหากจะให้คำจำกัดความถึงรูปแบบการเล่นในปัจจุบันของฟาน เด บีค เขาดูจะเป็นหมายเลข 8 มากกว่าหมายเลข 6 ไปแล้ว เพราะชื่นชอบการมีส่วนร่วมในเกมรุก ในรูปแบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ หรือเล่นระหว่างไลน์ป้องกันของคู่แข่ง คุณสมบัติที่โดดเด่นตรงนี้ของเขา ทำให้ผลงานการทำประตู และแอสซิสต์เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

ฟาน เด บีค กับยูไนเต็ด

จากรายละเอียดที่ว่า การจับเอาฟาน เด บีค ลงไปยืนหมายเลข 6 เต็มตัว ดูจะเป็นการเสียของอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเราจึงมองเห็นการยืนตำแหน่งของเขา เล่นเคียงข้างกับ “บรูโน่ แฟร์นันด์ส” มากกว่าจะลงต่ำไปยืนแบบที่ “เนมันย่า มาติช” ทำ

“บรูโน่ แฟร์นันด์ส” จอมทัพคนปัจจุบันของยูไนเต็ด ผู้เป็นศูนย์รวมการขึ้นเกม
(Source : NewsIn.Asia)

แน่นอนว่าตำแหน่งหมายเลข 8 ที่คอยสนับสนุนบทบาทจอมทัพของบรูโน่ ในช่วงหลังเบรกโควิด-19 เป็นของ “ปอล ป็อกบา” ที่กลับมาเล่นได้ดี หลังกลับมาฟิตและไม่มีข่าวย้ายตัวเข้ามาพัวพัน แต่กับซีซันใหม่ ก็ยังไม่แน่ใจว่ามิดฟิลด์ทักษะสูงรายนี้จะยืนระยะได้สม่ำเสมอแค่ไหน

ดังนั้นหากจะเห็น “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” เลือกเล่น 3 มิดฟิลด์ตรงกลาง ในการยืนลักษณะเดิมแล้ว ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ที่เราจะเห็นฟาน เด บีค สลับกันเล่นกับป็อกบา ยกเว้นจะเป็นเกมที่พวกเขาต้องการใส่เกมรุกมากขึ้น ทั้ง 2 คนอาจจะลงเล่นพร้อมกัน พร้อมมีหนึ่งคนขยับมามีบทบาทลงต่ำมากขึ้น

“ปอล ป็อกบา” อีกหนึ่งสตาร์แดนกลาง ซึ่งกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดี หลังเบรกโควิด-19
(Source : Diario AS)

ข้อดีของฟาน เด บีค ที่ไม่เป็นรองป็อกบา คือการขยับรับส่งบอลในพื้นที่ที่ป้องกันได้ยาก แถมมิดฟิลด์ชาวดัทช์ ยังเป็นนักเตะที่ทำงานหนัก เคลื่อนที่อยู่ตลอด ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับแผนเกมรุกของยูไนเต็ด ที่ทั้งบรูโน่ และ 3 ตัวบน เคลื่อนที่เชื่อมเกมด้วยกันเสมอ

สิ่งสำคัญที่ต้องพัฒนา คือการพิสูจน์ตัวเองว่าเอาตัวรอดได้ดีแค่ไหน ในเกมหนักของพรีเมียร์ลีก และอาจจะต้องสามารถเข้าปะทะในยามจำเป็น มากกว่าตอนลงเล่นที่ฮอลแลนด์ หรือจะเรียกได้ว่า ฟาน เด บีค ต้องปรับตัวเองเป็นผึ้งงานให้ทีมมากกว่าเดิม ก็คงไม่ผิด

หากเจ้าตัวสามารถปรับเปลี่ยนตรงนี้ได้สมดุลมากขึ้น เชื่อแน่ว่าจะเป็นประโยชน์ในการเล่นของบรูโน่ เพราะช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ายูไนเต็ดใช้งานจอมทัพชาวโปรตุกีซค่อนข้างหนัก และหลายหนก็ขาดตัวซัพพอร์ตที่ดีเพียงพอ

หากมองฟาน เด บีค คือเบอร์ 8 ผู้เล่นเบอร์ 6 ทั้ง 3 คน ต้องยกระดับ และยืนระยะให้ได้
(Source : Tribuna)

และสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ในกรณีที่มองฟาน เด บีค และป็อกบาสลับกันเล่นในบทบาทหมายเลข 8 นั่นคือการยกระดับตำแหน่งหมายเลข 6 ขึ้นมา

มาติชจะยืนระยะได้ดีแค่ไหน และ “เฟร็ด” กับ “สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์” จะพิสูจน์ตัวได้มากกว่าเดิมมั้ย อันนี้เป็นการบ้านที่ต้องลุ้นกันอีกต่อนึง

พรีเมียร์ลีกจะเป็นเวทีที่ท้าทายของฟาน เด บีค แน่นอน น่าจับตาดูพัฒนาการต่อไป
(Source : talkSPORT)

โดยขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ ถึงการเซ็นสัญญาจะยังไม่มีการคอนเฟิร์ม แต่ก็มีการยืนยันว่าตกลงค่าตัวกันได้แล้ว ดังนั้นดีลนี้ไม่น่าผิดพลาด และเราคงได้เห็น “ดอนนี่ ฟาน เด บีค” ในสีเสื้อ “ปีศาจแดง” เร็วๆ นี้

ส่วนจะไปได้สวยอย่างที่คาดไว้มั้ย ความโหดของเวทีพรีเมียร์ลีก จะเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่โกลเด้น บอยชาวดัทช์รายนี้ ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป ผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน อีกไม่นานเราจะได้รู้กัน

Picture : SampreInter, Sky Sports, BuildLineup, The Week UK, Medium, Nos, Liverpool Echo, Football Flame, 90Min, NBC Sports, SportsZion, NewsIn.Asia, Diario AS, Tribuna, talkSPORT

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save