ฝ่าวิกฤตแนวรับ “หงส์แดง” มีทางออกไหนให้คล็อปป์เลือกบ้าง? - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ฝ่าวิกฤตแนวรับ “หงส์แดง” มีทางออกไหนให้คล็อปป์เลือกบ้าง?

ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าความสำเร็จของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในช่วง 2-3 ซีซันหลัง มาจากการขันชะเนาะปัญหาแนวรับได้ชะงัด โดยการมีพี่ใหญ่อย่าง “เวอร์จิล ฟาน ไดค์” ที่สามารถยืนระยะแบบไม่เจ็บป่วย แม้จะมีเซ็นเตอร์ตัวอื่นที่สลับกันเจ็บ หรือฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ

“เวอร์จิล ฟาน ไดค์” เสาหลักแนวรับ “หงส์แดง” ที่ลงเล่นแทบไม่มีเจ็บป่วย
(Source : Goal.com)

แต่กับซีซันปัจจุบัน 2020/21 จุดแข็งสำคัญของพวกเขา กลับกลายเป็นปัญหาถาโถม “แชมป์เก่า” ให้ตั้งรับกันแทบไม่ทัน โดยเริ่มตั้งแต่การเสียประตูมากมาย อย่างไม่มีใครคาดคิด

จากเคยเสีย 22 ประตูจาก 38 นัดในลีกซีซัน 2018/19 และ 33 ประตูจาก 38 นัดเช่นกัน ในซีซัน 2019/20 ถัดมา ซึ่งทั้ง 2 ซีซัน ลิเวอร์พูลเสียประตูน้อยที่สุดในลีก กลายเป็นการเสียถึง 14 ประตูจาก 6 นัด ในซีซันนี้ ซึ่งมากที่สุดในลีก เท่ากับเวสต์บรอมวิช และฟูแล่มเลยทีเดียว

เกมบุกไปพ่ายยับต่อวิลล่า 2-7 อุปสรรคไม่คุ้นหน้าครั้งแรก ที่ถาโถมใส่ “หงส์แดง”
(Source : Sky Sports)

นอกจากนั้นยังไม่พอ พวกเขามาเสียฟาน ไดค์ ไปตั้งแต่นัดที่ 5 ของซีซัน หลังโดนปะทะหนักจาก “จอร์แดน พิคฟอร์ด” ส่งผลให้ทีมเหลือเซ็นเตอร์ซีเนียร์ในทีมแค่ 2 คนทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “โจเอล มาติป” ที่เจ็บออดๆ แอดๆ (ตอนนี้ก็เจ็บอยู่)

และแม้จะมีการถอย “ฟาบินโญ่” ลงมารับบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น แต่ดาวเตะบราซิเลียน ก็เจ็บแฮมสตริงไปเสียอีก จากเกม UCL ที่ชนะมิดทิลลันด์ล่าสุด

จากปัญหาทยอยกันเดี้ยง ส่งผลให้ “โจ โกเมซ” เป็นเซ็นเตอร์อาชีพซีเนียร์คนเดียวที่เหลือ
(Source : Liverpool FC)

สถานการณ์ที่ถาโถมดังกล่าว ทำให้ตัวซีเนียร์ที่ฟิตสมบูรณ์เหลือแค่ “โจ โกเมซ” ซึ่งยังต้องพิสูจน์ความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่นต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาแนวรับยวบแบบนี้ ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ “เจอร์เก้น คล็อปป์” นายใหญ่ชาวเยอรมัน เจอไม่บ่อยนัก

เมื่อปัญหาเกิด ทางแก้ไขมันย่อมตามมา แต่ทางแก้ไขของ “หงส์แดง” มีแบบไหนกันบ้าง วันนี้เราจะมาดูกันให้ครบทุกมุม

ลุ้นกับอาการบาดเจ็บ

“โจเอล มาติป” เซ็นเตอร์ฝีเท้าดี แต่เล่นนัดนึง เจ็บเป็นเดือน ในช่วงหลัง
(Source : Liverpool FC)

ทางออกแรกทำได้แค่เพียงนั่งลุ้น เพราะอาการเจ็บของมาติป เท่าที่มีข่าวมาคือไม่หนักหนามาก อาจจะกลับสู่ทีมได้ใน 1-2 นัดข้างหน้า แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามาติปมีประวัติไม่ดีเท่าไหร่ในการยืนระยะ เพราะ 2 ครั้งหลังสุด เจ้าตัวก็เล่นได้เพียงนัดเดียว แล้วก็เจ็บยาวนานนับเดือน

การลุ้นอีกรายก็คงเป็นฟาบินโญ่ เพราะอาการเจ็บที่แฮมสตริงมีหลายระดับ ถ้าไม่หนักหนาเป็นแค่เลเวลแรกๆ เจ้าตัวจะหายหน้าไปเพียงแค่ 7-10 วัน แต่ถ้าเพิ่มระดับขึ้นไปอีก ระยะเวลาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ตัวทดแทนอย่าง “ฟาบินโญ่” เจ็บแฮมสตริงไปเรียบร้อย ในแมทช์ UCL ล่าสุด
(Source : SportsAlert)

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ระยะเวลาไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ในซีซันนี้นานเป็นพิเศษ ก็เพราะว่าโปรแกรมทุกอย่างถูกอัดแน่นมาจากปัญหาโควิด-19 ทำให้ทีมที่เล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปอย่างลิเวอร์พูล ต้องเจอการเตะถี่ยิบตั้งแต่เดือน ต.ค. จนสิ้นปี อาการบาดเจ็บรบกวน จึงส่งผลกระทบต่อทีมชัดเจน เพราะแทบจะเตะทุกๆ 3-4 วัน

ฝากความหวังกับดาวรุ่ง

“รีห์ส วิลเลียมส์” ตัวทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 ที่มีแนวโน้มเขยิบมาเป็นตัวเลือกแรกๆ
(Source : Liverpool FC)

การแก้ปัญหาขาดแคลนใกล้ตัว หนีไม่พ้นการเมียงมองไปยังอคาเดมี่ของตัวเอง เพราะอย่างนัดล่าสุดที่ฟาบินโญ่บาดเจ็บใน UCL “รีห์ส วิลเลียมส์” ดาวรุ่งร่างโย่ง ก็ถูกเรียกใช้งานแทน และก็ดูมีทรงการเล่นที่พอไปวัดไปวาได้

นอกจากในรายของวิลเลียมส์ “หงส์แดง” ยังมี “นาธาเนียล ฟิลลิปส์” ที่มีประสบการณ์ในลีก้า 2 เยอรมันมาพอสมควร จากการถูกปล่อยให้สตุทการ์ทยืมตัว หรือจะเป็นดาวรุ่งที่เคยมีโอกาสซ้อมกับชุดใหญ่อย่าง “บิลลี่ คูเมทิโอ” หรือ “เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก” ซึ่งเคยสัมผัสเกมอุ่นเครื่อง หรือบอลถ้วยมาบ้าง

“บิลลี่ คูเมทิโอ” เซ็นเตอร์เท้าซ้ายอนาคตไกล ซึ่งได้ติดทีมตอนช่วงปรีซีซันด้วย
(Source : This Is Anfield)

สิ่งที่น่าเป็นห่วงหน่อยนึงกับการฝากความหวังไว้กับเด็ก นั่นคือการแข่งขันบนเวทีพรีเมียร์ลีก หรือ UCL นั้นค่อนข้างโหดร้าย ตัวอย่างที่กองหน้าของทีมระดับรองเล่นงานกองหลังทีมใหญ่มีมาแล้วนักต่อนักในซีซันนี้ อย่างโปรแกรมใกล้สุด “มิคาเอล อันโตนิโอ” ที่ฟอร์มกำลังฮ็อต ก็พร้อมชนดาวรุ่งด้อยประสบการณ์กระเด็นกระดอน

ใช้ผู้เล่นตำแหน่งอื่นมาเล่น

วิธีนี้เป็นวิธีที่ยังเป็นแค่เพียงแนวคิดในหมู่แฟนบอล เพราะหากมองนักเตะภายในทีมปัจจุบัน เราเคยเห็นแค่ฟาบินโญ่รายเดืยวที่ผันตัวเองมาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจริงจัง รายอื่นยังไม่เห็นกับตาแบบชัดเจน

ดีญของเอฟเวอร์ตัน หรือชอว์ของแมนฯ ยู เล่นเซ็นเตอร์ได้ หรือ “ร็อบโบ้” ก็เล่นได้?
(Source : Liverpool FC)

มองที่กองหลังอาชีพในตำแหน่งอื่นที่ทีมมี แบ็คฝั่งขวาอย่าง “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์” หรือ “นีโค วิลเลียมส์” ไม่น่าจะหุบมาเล่นได้จากรูปร่างที่บางเฉียบ ที่ดูจะมีทรงหน่อยอาจเป็น “แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน” ที่ดูแข็งแกร่งเพียงพอ แต่แน่นอนว่าทีมจะขาดเกมรุกฝั่งซ้ายไปโดยปริยาย เพราะปัจจุบันตัวแบ็คอัพอย่าง “คอสตาส ชิมิกาส” พักรักษาตัวอยู่บ้าน มากกว่าฟิตพร้อมลงเล่น

อีก 2 รายที่เคยจำเป็นต้องถอยลงมาเล่นในแนวรับ คือ 2 มิดฟิลด์ประสบการณ์อย่าง “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” และ “เจมส์ มิลเนอร์” โดยรายแรกเคยถูกจับมาเล่นแบ็คขวาจำเป็นอยู่บ้าง ส่วนรายหลังเราทราบดีอยู่แล้วถึงความเอนกประสงค์ แต่ก็ยังไม่เคยต้องยืนเป็นกองหลังตัวกลางซักหน

2 ตัวประสบการณ์ของทีม ซึ่งมองเผินๆ ก็อาจจะพอถอยมารับบทเซ็นเตอร์จำเป็นได้
(Source : Liverpool FC)

อีกรายที่เคยลงมาเล่นแดนหลังแว้บเดียวในช่วงท้ายเกม นั่นคือ “จอร์จินิโอ ไวจ์นาดุม” ซึ่งเคยถอยมาเล่นเซ็นเตอร์ในระบบ 3 ตัว แต่หากจะยืนเซ็นเตอร์คู่ ก็ยังนึกภาพไม่ค่อยออกเหมือนกันว่าเขาจะทำได้หรือไม่

เซ็นนักเตะฉุกเฉินตอนนี้

เคสนี้มีทางออกอยู่ 2 ทางหลักๆ โดยทางเลือกเบสิก คือการเซ็นสัญญานักเตะที่ไม่มีสังกัดเข้าสู่ทีม โดยแม้จะเป็นทางเลือกที่คล็อปป์ไม่น่านิยมชมชอบ เพราะเขามักไม่เซ็นนักเตะเอามาแบบเผื่อใช้ แต่ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ มันก็อาจมีอะไรแปรเปลี่ยนได้

“เอเซเกล การาย” เซ็นเตอร์อาร์เจนไตน์วัย 34 ปี หนึ่งในนักเตะไร้สังกัด
(Source : The Indian Express)

หากไปดูในลิสต์เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ว่างงานอยู่ บอกตามตรงว่ามีน่าสนใจอยูแค่ไม่กี่ราย ตัวอย่างเช่น “เอเซเกล การาย” อดีตนักเตะเรอัล มาดริด ที่อายุอานามปาเข้าไป 34 ปีแล้ว หรือในรายที่มีประสบการณ์พรีเมียร์ลีกอย่าง “แอชลีย์ วิลเลียมส์” ก็อายุ 36 ปีไปแล้ว

อีกวิธีคือการยื่นเรื่องขอซื้อนักเตะในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเห็นไม่บ่อยนักในเวทีพรีเมียร์ลีก และส่วนใหญ่มักจะใช้กับการบาดเจ็บของผู้รักษาประตูมากกว่าจะเป็นตำแหน่งอื่น วิธีนี้แม้จะเป็นไปได้ แต่มันต้องคุยกันหลายต่อ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นเป็นทางเลือกแรก

อดทนรอ เพื่อเสริมจริงจัง ม.ค.

ทางเลือกสุดท้ายคล้ายกับการ “จำยอม” ที่จะใช้ของที่มีในมือไปจนกว่าจะถึงตลาด ม.ค. ตลาดที่ปตกิคล็อปป์จะไม่ค่อยกระโจนลงไปร่วมสังคายนาเท่าไหร่ เพราะตัวเขาและทีมซื้อขายอันขึ้นชื่อของทีม รู้ดีว่าราคาค่างวดมันมักจะถีบตัวสูงเกินจริง

ถึงจะไม่ชอบเสริมทีมเดือน ม.ค. เท่าไหร่ แต่เราอาจได้เห็นคล็อปป์ลงมือ ม.ค. นี้
(Source : Liverpool FC)

อย่างไรก็ดี อาการบาดเจ็บถึงขั้นต้องผ่าเพื่อซ่อมแซมเอ็นไขว้หน้าเข่า หรือ ACL ของฟาน ไดค์ แทบจะการันตีว่าซีซันนี้ของกองหลังตัวสำคัญน่าจะปิดฉากลงไม่ต่ำกว่า 80-90% การจะถูลู่ถูกังกับขุมกำลังที่มี อาจจะลำบากกว่าที่คาดไว้มากในช่วงครึ่งซีซันหลัง

ดังนั้น ชื่อที่ถูกยกเข้ามาเป็นแคนดิเดทเสริมทัพที่ “หงส์แดง”​ จับตามอง จึงถูกพูดถึงกันคึกคัก โดยมีตัวเต็งอยู่ราว 3-4 รายที่ถูกคาดการณ์กัน

ส่อง 4 นักเตะสื่อกระพือข่าว

อูปาเมกาโน่ เซ็นเตอร์ตัวฮ็อต ที่หลายทีมยักษ์ใหญ่จับตามองในระยะหลัง
(Source : Bundesliga)

รายแรกที่น่าจะถูกตาต้องใจกับหลายทีมใหญ่เช่นกัน ได้แก่ “ดาโยต์ อูปาเมกาโน่” เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัย 22 ปี ที่โชว์ฟอร์มได้แข็งแกร่งกับไลป์ซิก และมีข่าวจะโยกย้ายทีมอยู่ทุกตลาดซื้อขายช่วง 1-2 ปีหลัง

กองหลังรูปร่างแข็งแกร่ง และมีความเร็วชาวฝรั่งเศส เพิ่งจะต่อสัญญากับทีมออกไปจนถึงปี 2023 แต่ว่ากันว่า สัญญามีการใส่เงื่อนไขการปล่อยตัวไว้ในซัมเมอร์ปี 2021 อยู่ที่ราวๆ 40 ล้านยูโร ดังนั้นแล้ว หากมีทีมกล้าทุ่มเงินมากกว่านั้นในตลาดฤดูหนาวต้นปี ไลป์ซิกอาจจำใจปล่อย เพื่อหวังโกยเงินเข้ากระเป๋าให้ได้มากที่สุด

คาบัค เซ็นเตอร์ชาวเติร์กวัยเพียง 20 ปี ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นสตาร์ในอนาคต
(Source : Fanatik)

รายต่อไปที่ถูกพูดถึงมาตั้งแต่ซัมเมอร์คือ “โอซาน คาบัค” เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติตุรกี วัย 20 ปีของชาลเก้ ซึ่งมีข่าวว่ามีเงื่อนไขปล่อยตัวอยู่ที่ 45 ล้านยูโร โดยคาบัคเองเคยออกมาบอกด้วยว่า เขาเป็นแฟนตัวยงของฟาน ไดค์

พูดถึงคุณสมบัติของคาบัค เขาเป็นเซ็นเตอร์ที่ไม่ได้ตัวสูงใหญ่ แต่มีความเร็วและร่างกายที่ดี และถึงแม้จะอยู่กับชาลเก้ที่เสียประตูมากมายในซีซันก่อน แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าดี ด้วยวัยแค่นี้จึงน่าจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชั้นนำในอนาคต

อดีตลูกหม้อของสโมสรอย่างคัวดี้ ถูกเชื่อมโยงนับตั้งแต่เจ้าตัวได้ขึ้นไปติดทีมชาติ
(Source : EPL Scouts)

ชื่อต่อไปไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขาคือ “คอเนอร์ คัวดี้” กัปตันทีมวูล์ฟแธมป์ตัน วัย 27 ปี ที่เป็นทั้งเด็กท้องถิ่น และเป็นอดีตลูกหม้ออคาเดมี่ของลิเวอร์พูลมาก่อน สวมปลอกแขนกัปตันทีมเยาวชนของสโมสรมาทุกชุด และเคยได้รับการยกย่องว่าจะเจริญรอยตามเจอร์ราร์ด ในเรื่องวุฒภาวะและเลือดนักสู้สเกาเซอร์ เพียงแต่สุดท้ายแจ้งเกิดไม่สำเร็จ

แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่คัวดี้ถูกโยงกับลิเวอร์พูล เพราะความเป็นเลือดสเกาเซอร์แท้ ซึ่งคล็อปป์เคยเอ่ยปากชมว่าเป็นคุณสมบัติที่เขาชื่นชอบในการมองเด็กซักคน โดย “เจมี่ คาร์ราเกอร์” ตำนานสโมสร ที่ทำหน้าที่เป็นคอมเมนท์เตเตอร์ เคยเอ่ยปากหยอกเย้าชวนคัวดี้กลับมาเล่นที่แอนฟิลด์ แต่เจ้าตัวได้แต่ยิ้ม แล้วบอกว่าเขามีความสุขดีกับวูล์ฟ

ไวท์ถูกจับตาโดยลิเวอร์พูลมายาวนาน แต่คาดว่าค่าตัวน่าจะโหดร้ายไม่เบา
(Source : This Is Anfield)

รายสุดท้าย ที่ติดตามฟอร์มมานานคือ “เบน ไวท์” เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่ง ที่โชว์ฟอร์มในการยืมตัวกับลีดส์ซีซันที่แล้วได้ยอดเยี่ยม และ “ยูงทอง” เองก็อยากเซ็นเขาถาวร เพียงแต่ต้นสังกัดอย่างไบรท์ตัน ยืนกรานว่าไม่ขาย และจับนักเตะต่อสัญญาในที่สุด

ไวท์อายุ 23 ปี หน่วยก้านดี ขยับมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับก็ได้ แต่คาดว่าด้วยสัญชาติอังกฤษของเขา ค่าตัวจึงอาจจะถูกตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านปอนด์ ซึ่งอาจจะเกินจริง เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นที่ไม่หนีกันมาก

การป้องกันแชมป์ยากอยู่แล้ว ยิ่งมามีปัญหาแนวรับ ยิ่งยากเป็นทวีคูณ
(Source : The Liverpool Offside)

ผลสรุปการแก้ปัญหาของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” จะออกมาในแบบไหน คาดว่าเร็วๆ นี้ เราคงได้เห็นกันทั้งการแก้ไขระยะสั้นและยาว ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของ “หงส์แดง” ในการป้องกันแชมป์ในซีซันที่เอาแน่เอานอนได้ยากเหลือเกิน

อย่างที่เขาว่ากันว่า “เป็นแชมป์น่ะยาก แต่ป้องกันแชมป์ซิ ยากกว่า” คำพูดยอดนิยมประโยคนี้ คงจะใช้กับ “หงส์แดง” ได้ตั้งแต่ต้นซีซันเลยทีเดียว

Picture : Eurosport, Goal.com, Liverpool FC, SportsAlert, This Is Anfield, The Indian Express, Bundesliga, Fanatik, EPL Scouts, The Liverpool Offside

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save