หลังจากที่หนังพยัคฆ์ร้าย 007 เจมส์ บอนด์ภาคล่าสุดที่มีชื่อว่า No Time to Die และเป็นภาคสุดท้ายสำหรับนักแสดงอย่าง Daniel Craig ในบทบาท เจม บอนด์ ได้ปล่อยตัวอย่างแรกออกไปนานกว่า 9 เดือนแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลยเนื่องจากวิกฤติการณ์โควิด

และแล้วล่าสุดก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างใหม่ของหนัง No Time to Die ออกมาเผยให้เห็นฉากการไล่ล่าสุดมัน พร้อมกับตัวละครต่างๆ อย่างครบครัน ทำให้แฟนหนังพากันคาดเดาทิศทางหนังไปได้ต่างๆ นานา และที่ขาดไม่ได้ก็คือการเผยให้เห็นรถสวยๆ ที่จะถูกนำมาใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นในครั้งนี้เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยสำหรับแฟนหนัง พร้อมกับเอาใจคนรักรถทุกคน เราจะขอนำเสนอรถสวยๆ คู่ใจเจมส์ บอนด์ ฉบับ เดเนียล เครก ให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน ซึ่งจะมีคันไหนบ้าง เรามาดูกันเลย

Aston Martin DB5

Aston Martin DB5 เป็นรถยนต์สปอร์ตสุดคลาสสิกที่ถูกเปิดตัวมาในปี ค.ศ. 1963 เป็นรถยนต์ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษแท้ๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการที่มันจะมาเป็นรถยนต์คู่ใจของเจมส์ บอนด์ โดย DB5 คันนี้เลือกใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 4,000 ซีซี 285 แรงม้า และมันก็ได้กลายเป็นรถยนต์คู่ใจของเจมส์ บอนด์ครั้งแรกภาคที่มีชื่อว่า Goldfinger ปี 1964 หลังจากนั้นก็กลายเป็นรถยนต์ขาประจำของหนังแฟรนไชนส์นี้ เพราะสรุปแล้วคือมันปรากฏตัวในหนัง 007 บ่อยมาก

ประกอบด้วยภาค Goldfinger (1964), Thunderball (1965), GoldenEye (1995), Tomorrow Never Dies (1997), The World Is Not Enough (1999), Casino Royale (2006), Skyfall (2012), Spectre (2015), No Time To Die (2020)

Aston Martin DB10

เรามาต่อกันที่ Aston Martin DB10 เป็นรถยนต์รุ่นที่บริษัทค่ายรถยนต์แอสตัน มาร์ติน ตั้งใจสร้างรถรุ่นนี้เพื่อหนัง 007 ภาค Spectre (2015) อย่างแท้จริง โดยรถยนต์รุ่นนี้ถูกผลิตเพื่อใช้งานได้จริงเพียง 8 คันในโลกเท่านั้น มันได้เลือกใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 4,700 ซีซี และรถยนต์ DB10 คันล่าสุดที่ถูกประมูลไปในปี 2016 นั้นมีค่าตัวสูงถึง 2.4 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากๆ

อย่างไรก็ตามรถยนต์รุ่น DB10 นี้ ทางค่ายแอสตัน มาร์ตินออกมาระบุชัดเจนแล้วว่าไม่ได้สร้างมาเพื่อขาย แต่สร้างมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นรุ่นที่ทำการตลาดจึงข้ามจาก DB9 ไป DB11 เลย

Aston Martin DBS V12

มาต่อกันที่ Aston Martin DBS V12 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์อันทรงพลัง 5.9 L AM11 V12 จับคู่กับเกียร์ 6 สปีด ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 2007 – 2012 โดดเด่นที่สุดในฉากที่บอนด์ใช้มันขับหนีตายจากการไล่ล่าของศัตรูคู่อาฆาตที่ไล่ล่าเขาด้วยรถยนต์ Alfa Romeo 159 

โดยรถยนต์คันนี้ได้ปรากฏตัวในหนังเจมส์ บอนด์ภาค Casino Royale (2006) และ Quantum of Solace (2008)

Aston Martin Valhalla

สำหรับรถยนต์ที่จะปรากฏตัวในหนังเจมส์ บอนด์ภาคล่าสุดอย่าง No Time to Die คันแรกก็คือ Aston Martin Valhalla โดยรถคันนี้จะมาเป็นรถยนต์คู่ใจของพระเอกเจมส์ บอนด์ ในภาคนี้  โดยรถยนต์รุ่นนี้จะเลือกใช้เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร  ถือเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากที่สุดในกลุ่ม Aston Martin ทั้งหมด ด้วยการเสริมเทอร์โบชาร์จและระบบไฮบริดเข้าไป ทำให้สามารถรีดแรงม้าได้มากกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้อย่างแน่นอน

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันตัวเลขของพละกำลังและแรงบิดของ Valhalla  แต่ DBS Superleggera ก็มีกำลังสูงถึง 715 แรงม้า (BHP) เข้าไปแล้ว จึงไม่เกินเลยที่จะเดาว่า Valhalla จะมีกำลังมากกว่านั้น ซึ่งน่าจะอยู่ที่เฉียด 1,000 แรงม้าก็เป็นได้ 

Aston Martin DBS Superleggera

เรามาปิดท้ายกันที่ Aston Martin DBS Superleggera รถยนต์อีกคันที่จะได้ปรากฏตัวในหนัง No Time to Die โดยที่มันจะเป็นรถยนต์คู่ใจของ Nomi สายลับสาวผิวสีที่ถูกคาดการณ์ว่าเธอจะเป็นสายลับคนใหม่ในรหัส 007 โดยรถยนต์รุ่นนี้เลือกใช้ เครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ 5.2 ลิตร 12 สูบ 715 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Aston Martin ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมแพดเดิ้ลชิฟท์ของ ZF ติดตั้งอยู่ระหว่างล้อคู่หลัง ช่วยเพิ่มความสมดุลอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.

และนี่ก็คือ 5 รถยนต์สุดสวยเท่จากหนังเจมส์ บอนด์ ฉบับ เดเนียล เครก ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรักรถและแฟนคลับพยัคฆ์ร้ายเจ้าเสน่ห์กันทุกคน สำหรับใครที่เป็นสาวกหนัง 007 ก็เตรียมตัวกำเงินค่าตั๋วหนังให้แน่น เพราะ No Time to Die คอนเฟิร์มแล้วว่าจะชนโรงภาพยนตร์ 12 พฤศจิกายนต์ 2020 นี้อย่างแน่นอน