Apple เปิดตัว SoC รุ่นแรกสำหรับการใช้งานร่วมกับแล็ปท็อปของค่ายในรุ่น Apple M1 บนเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งาน mac OS Big Sur ได้เป็นอย่างดีทั้งบนแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Core i7 1.2GHz แบบ 4แกน บน Macbook Air รุ่นก่อนหน้าถึง 3.9 เท่า และประสิทธิภาพในการตัดต่อหรือแต่งภาพที่สูงกว่า Mac รุ่นเดิมที่ใช้งาน Intel Core ถึง 7.1เท่า เมื่อเทียบกับ Intel Core i3 บน Mac Mini รุ่นก่อนหน้านี้
Apple M1 มาพร้อมกับ CPU ภายในถึง 8 แกน และ GPU มากสุดถึง 8 แกนในรุ่น Macbook Pro 13 และ Mac Mini ส่วนใน Macbook Air นั้นจะถูกลด GPU เหลือ 7 แกน ที่ทำให้แล็ปท็อปที่ใช้นั้นสามารถจัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิมแบบหลายเท่า ทำให้ Macbook Pro 13″ สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมง และ Macbook Air ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง บนประสิทธิภาพระดับท็อปกว่าเดิม และทำให้ macOS สามารถใช้งานแอพจาก iOS ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่า จะเป็นด้านการเล่นเกมหรือการทำงานบน Apple M1 นั้นสามารถทำได้ครบจบในเครื่องเดียว บนอุปกรณ์ที่มีราคาถูกลงกว่าเดิมจาก Apple
สำหรับ Mac ที่เริ่มต้นใช้งาน Apple M1 จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นคือ Macbook Pro, Macbook Air และ Mac Mini โดยในรุ่นของ Macbook Pro 13″ นั้นยังคงมีตัวเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรุ่นที่ใช้งานเป็น Intel Core ได้เช่นเดิมเพื่อตอบรับกับสายงานการทำงานให้เหมาะกับทุกรูปแบบ
ในรุ่น Macbook Air นั้นมาพร้อมกับ Apple M1 ที่ถูกปรับด้านของกราฟิกชิพให้เหลือเพียง 7 แกน จากรุ่นอื่นที่ใช้งานเป็น 8แกน และมาพร้อมแรม 8GB เนื้อที่ 256GB ในรุ่นเริ่มต้นราคาเพียง 32,900 บาท และสามารถอัพเกดเป็นรุ่น Apple M1 ที่มาพร้อมกับ GPU 8แกน และเนื้อที่เพิ่มเป็น 512GB ได้ในราคา 41,400 บาท จุดเด่นหลักของ Macbook Air ใหม่นี้จะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้แบบก้าวกระโดดจากรุุ่นก่อนถึง 6 ชั่วโมง ทำให้ Macbook Air สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง และตัวเลือกในการอัพเกรดแรมได้สูงสุด 16GB และเนื้อที่ภายในสูงสุด 2TB
และแล็ปท็อปรุ่นยอดนิยมตลอดกาลอย่าง Macbook Pro 13″ ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมง เรียกได้ว่ายาวนานสุดตั้งแต่ที่มี Macbook Pro มาด้วยขุมพลัง Apple M1 พร้อม GPU 8แกน ที่ทรงพลังเพียงพอทั้งการตัดต่อและการทำกราฟิก โดยไม่ต้องพะวงเรื่องของความร้อนสูงเพราะ Macbook Pro 13″ มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อน ที่เป็นปัจจัยหลักที่แตกต่างจาก Macbook Air แบบชัดเจน พร้อมชุดไมโครโฟน 3 ตัว ทำให้การอัดเสียงผ่าน Macbook Pro นั้นจะได้คุณเสียงระดับโปรพร้อมสำหรับการทำงานได้เลย และ Touchbar ที่เป็นหัวใจหลักของ Macbook ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการทำงานที่ลื่นไหลและให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้นด้วยแอพต่างๆที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับ Touchbar ได้เป็นอย่าดี Macbook Pro 13″ สามารถอัพเกรด SoC จาก Apple M1 เป็น CPU จาก Intel ได้ถึง Intel Core i7 Gen 10 กราฟิกเป็น Intel Iris Plus แรมสูงสุด 16GB และเนื้อที่ภายในมากสุดถึง 4TB ในรุ่น Intel Core และ 2TB สำหรับรุ่นที่ใช้งานเป็น Apple M1 โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 42,900 บาท
และสุดท้ายคือ Mac Mini ที่ไม่มินิอีกต่อไปด้วยขุมพลัง Apple M1 พร้อม GPU 8แกน แบบเดียวกับที่ใช้งานใน Macbook Pro 13″ โดยมีจุดเด่นคือราคาที่เริ่มต้นเพียง 22,900 บาท ทำให้ผู้ที่สนใจใช้งาน macOS หรือทดสอบประสิทธิภาพของ Apple M1 สามารถทดลองได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ Mac Mini ชื่อจะมินิแต่สามารถรองรับการทำงานร่วมกับหน้าจอระดับ 6K ได้ พร้อมลุยงานหนัก งานเบาได้เต็มที่และอิสระกว่าที่เคยบนขนาดคอมพิวเตอร์ตัวเล็กเหมือนพกกล่องใส่แผ่นดิสก์ สามารถใส่แรมได้มากสุดถึง 16GB และเนื้อที่ภายใน 2TB หรืออีกตัวเลือกแบบ Intel Core i5 Gen 8 ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 35,400 บาท
สำหรับวันจัดจำหน่ายของ Apple Mac ที่ใช้งาน M1 นั้นยังไม่มีการประกาศใดๆ ส่วนใครที่สนใจตอนนี้ก็ได้เวลาที่ไตร่ตรองและเตรียมเงินกันให้พร้อมได้เลย
