มีคนว่ากันว่า “ถ้าเรามองใครเป็นคนดีจากการที่เขาปลูกต้นไม้ ฮิตเลอร์ก็ดูน่ารักได้” ดังนั้นเราจึงควรศึกษาคน คนหนึ่งจากหลายๆ แง่มุม ไม่ใช่เพียงแค่รู้จักหรือเจอเขาเพียงผิวเผินเท่านั้น
และวันนี้ The Macho ก็ขอพาเราไปรู้จัก “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ผู้นำแห่งจักรวรรดิไรซ์ที่สาม ที่ผลงานของเขาถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ ผ่านการตีความอันหลายแง่มุมบนโลกภาพยนตร์ ไม่ว่าจะมุมมืด หรือเหตุการณ์ที่หลายคนไม่เคยรู้ผ่านหน้าหนังสือแบบเรียน
ซึ่งทุกเรื่องที่ยกมาก็ควรค่าแก่การได้ดูสักครั้งในชีวิตทั้งสิ้น
Downfall | ปิดตำนานบุรุษล้างโลก (2004)
หลายคนน่าจะผ่านตากับมีมของฮิตเลอร์ จากภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะถูกนำมาล้อเลียนพากย์นรกหลากหลายเวอร์ชันมาก นำแสดงโดย บรูโน แกนซ์ (Bruno Ganz)
โดยเล่าเรื่องราวช่วงเวลาวาระสุดท้ายของฮิตเลอร์ ชวนให้เห็นชะตากรรมที่น่าหดหู่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเบอร์ลินบังเกอร์ โดยมีแต่ข่าวร้ายเข้ามาพร้อมรอวันพ่ายแพ้สงครามอย่างเต็มรูปแบบกับกองทหารสัมพันธมิตร ทำให้เราได้เห็นถึงความอ่อนแอต่อความกลัวการพ่ายแพ้สงครามของฮิตเลอร์ จนทำให้ต้องตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง
The Great Dictator (1940)
The Great Dictator น่าจะหาชมได้ยากสักนิด เพราะเป็นภาพยนตร์มีเสียงเรื่องแรกของ ชาร์ลี แชปลิน ออกฉายในปี 1940 ซึ่งในช่วงปี 1939 ที่เริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอนนั้นฮิตเลอร์เริ่มมีนโยบายกักบริเวณชาวยิว ตลอดระยะเวลา 10 ปี คือระหว่างปี 1933-1943 และ ผู้ที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของฮิตเลอร์เป็นเพียงเสียงส่วนน้อยในสังคม แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัว ‘ท่านผู้นำ’ เป็นเหตุให้ชาวเยอรมันเทคะแนนนิยมให้ฮิตเลอร์อย่างสมัครใจ และ แชปลินเองก็ยังเป็นเสียงส่วนน้อยที่ออกมาต่อต้านฮิตเลอร์ผ่านภาพยนตร์
The Great Dictator มีตัวละครหลัก 2 ตัว ตัวหนึ่งคือ อดีนอยด์ ฮินเคิล (Adenoid Hynkel) ผู้นำตลอดกาลแห่งรัฐโทมาเนีย ผู้นำที่บ้าคลั่งอำนาจและสงครามและมีความฝันสูงสุดคือการที่จะได้ครองโลก ตัวละครอีกตัวคือช่างตัดผมชาวยิวที่มีหน้าตาเหมือนกันกับ อดีนอยด์ ฮินเคิล ช่างตัดผมเคยเป็นทหารออกรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเมื่อกลับมาก็ป่วยใจอยู่ในโรงพยาบาล จนเมื่อออกมาก็พบว่าบ้านเมืองของเขาภายใต้การปกครองของ อดีนอยด์ ฮินเคิล ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทั้งสองตัวแสดงโดย ชาร์ลี แชปลิน
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากภาพยนตร์เรื่องนี้คือ แชปลินเกิดก่อนฮิตเลอร์เพียง 4 วัน ตอนนั้นคือปี 1889 แชปลินเกิด 14 เมษายน ฮิตเลอร์เกิด 20 เมษายน
Look who’s back | กลับมาแล้วครับ (2015)
ค.ศ. 2011 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ตื่นฟื้นขึ้นในพื้นที่รกร้างกลางกรุงเบอร์ลิน เขาพบว่าเยอรมนีสุขสงบ ปราศจากสงคราม ไม่มีพรรคนาซี ไม่มีเกอเบิลส์ นายพลคู่ใจ บัดนี้อาณาจักรไรช์ของเขาอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิล
เวลาผ่านไป 66 ปีโดยที่ใครๆ เชื่อว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ความยิ่งใหญ่ตลอดกาลที่เคยครองในอดีตไม่มีเหลือ ฮิตเลอร์จึงต้องปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ที่เขาเองไม่เคยคิดฝัน โดยต้องเรียนรู้การใช้อาวุธของคนรุ่นหลาน ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย
ซึ่งอาวุธ และวิธีการทำสงครามที่เปลี่ยนไป ล้วนเป็นเรื่องชวนหัวทางการเมือง โลกใหม่ที่ท่านผู้นำตื่นขึ้นมาพบมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ต้องวิจารณ์กันอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือวาทะอันคมกริบเชือดเฉือนของท่านผู้นำนั่นเอง
เรื่องนี้หาชมได้ใน Netflix ด้วย
My Fuehrer | ท่านผู้นำ (2007)
ในช่วงปลายของการปกครองของลัทธินาซี เริ่มมีข่าวลือว่าเยอรมันจะต้องพ่ายแพ้สงคราม โจเซฟ เกิบเบิลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาชวนเชื่อของนาซีจึงพยายามกอบกู้แล้วลบข่าวลือพวกนี้ โดยมอบหมายให้นักแสดงชื่อดังที่สุดมาช่วยเตรียมความพร้อมให้ ฮิตเลอร์ ในการกล่าวสุนทรพจน์
เพราะถ้าฮิตเลอร์พ่ายแพ้ก็เท่ากับประเทศจะพ่ายแพ้ไปด้วย เขาจะต้องนำความมั่นใจกลับคืนมา และส่งมอบสุนทรพจน์ที่ส่งเสริมกำลังใจในการทำงานจากท่านผู้นำแก่ประชาชนชาวเยอรมัน ในภาพยนตร์จึงเต็มไปด้วยเรื่องตลกหน้าตาย
Jojo Rabbit | ต่ายน้อยโจโจ้ (2019)
ภาพยนตร์แนวตลกกึ่งดราม่า จากค่าย Fox Searchlight Pictures ผลงานของผู้กำกับสุดแนว Taika Waititi ที่เคยฝากผลงานสุดกวนอย่าง What We Do in the Shadows (2014) และ Thor: Ragnarok (2017)
โดย Taika Waititi ได้หยิบเอางานวรรณกรรมเรื่อง Caging Skies ที่เขียนโดย Christine Leunens มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องราวของเด็กชายคนนึงที่เติบโตมาในยุคนาซีเรืองอำนาจที่มีเพื่อนในจินตการเป็น Adolf Hitler (แสดงโดย Taika Waititi เอง) และค้นพบว่าแม่ของตนนั้นซุกซ่อนเด็กสาวชาวยิวเอาไว้ในบ้านของตนเอง เด็กชายต้องต่อสู้กับความคิดของตนเองว่าสิ่งที่เขาเชื่อมั่นนั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งภาพยนตร์จะต่างจากตัวนิยายนิดหน่อย เนื่องจาก Mood&Tone ของนิยายมีความตึงเครียด หดหู่ในระดับที่ดาร์คเกินไป ผู้กำกับจึงเลือกที่จะนำมาดัดแปลงใหม่ในสไตล์ของเขา ให้มีความตลกผสมอยู่ด้วย และมันกลายเป็นความตลกร้ายที่ลงตัว
ความเจ็บแสบอีกอย่างคือตัว Taika Waititi เองที่มารับบทฮิตเลอร์ในจินตนาการนั้น เขาก็มีเชื้อสายยิว