ผู้จัดการทีมฟุตบอลในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือเป็นงานสุดหินอาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการแข่งขันในลีกแห่งนี้นั้น มันทั้งกดดัน เข้มขน และดุเดือดในทุกๆแมตช์ที่เผชิญหน้ากัน
แน่นอนว่า กุนซือบางคนก็ไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันต่างๆทั้งจากภายใน และภายนอกสโมสรจนส่งผลให้พวกเขาทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง และต้องตกงานในท้ายที่สุด ซึ่งโค้ชทั้ง 6 รายต่อไปนี้ ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ที่ทำผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี
6. เปาโล ดิ คานิโอ
ย้อนกลับไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี 2013 ดิ คานิโอ ซึ่งเคยมีประสบการณ์กับทีมในลีก วัน อย่าง สวินดอน สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับวงการฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีม ซันเดอร์แลนด์ แทนที่ของ มาร์ติน โอนีลล์ เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์
โค้ชชาวอิตาลี เข้ามาคุม ซันเดอร์แลนด์ ด้วยบุคลิกที่แปลกประหลาด และมักแสดงออกเกี่ยวกับความคิดเห็นทางการเมืองอย่าชัดเจนจนเกิดปัญหาหลายอย่างตามมา และนั่นก็ทำให้ เดวิด มิลิแบนด์ รองประธานสโมสร ต้องแสดงความรับผิดชอบแทนเขาด้วยการลาออกมาแล้ว
ดิ คานิโอ ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ เขาพา ซันเดอร์แลนด์ เก็บได้เพียง 8 คะแนน จาก 7 เกม ก่อนที่เขาจะโดนไล่ออกในเวลาต่อมา
5. เทอร์รี่ คอนเนอร์
4 แต้ม จาก 13 เกมในลีก ก่อนพา วูล์ฟแฮมป์ตัน จบฤดูกาลด้วยอันดับบ็วย และตกชั้นในที่สุด มันไม่มีอะไรย่ำแย่ไปกว่านี้อีกแล้วกับผลงานของ คอนเนอร์ ในการเข้ามาเป็นกุนซือขัดตาทัพของพลพรรค “หมาป่า” แทนที่ของ มิก แม็กคาร์ธี เมื่อปี 2012
คอนเนอร์ ไม่มีแนวทางการทำทีมที่ชัดเจน และดูเหมือนว่า บรรดานักเตะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ดูจะไม่เชื่อมั่นเขาเท่าที่ควร โดยกุนซือชาวอังกฤษ อยู่กุมบังเหียนในถิ่นโมลินิวซ์ กราวด์ ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ก่อนจะโดนลดตำแหน่งให้กลับไปเป็นผู้ช่วยกุนซือตามเดิม
4. สตีฟ คีน
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่ คีน ซึ่งเคยเป็นมือขวาของ แซม อัลลาไดซ์ อดีตผู้จัดการทีม แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส จะได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีม “กุหลาบไฟ” แทนที่ของ “บิ๊กแซม” เมื่อปี 2010 และอยู่ในตำแหน่งนานถึง 1 ปี 9 เดือน ทั้งที่ผลงานของเขาเข้าขั้นย่ำแย่อย่างหนัก
ในช่วงเวลาดังกล่าว อัลลาไดซ์ ถูกไล่ออกแบบดื้อๆ หลังจาก เวนกี้ กรุ๊ป อดีตเจ้าของสโมสร แบล็กเบิร์น ระบุว่า เขาทำทีมในสไตล์ล้าสมัย และ คีน ก็ได้รับงานต่อแบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งนั่นคือ จุดล่มสลายของ อ“กุหลาบไฟ” อย่างแท้จริง
ในปีแรกที่คุมทีม คีน พา แบล็กเบิร์น จบด้วยอันดับ 15 และในฤดูกาล 2010-2011 ที่เขาทำหน้าที่อย่างเต็มตัวนั้น “กุหลาบไฟ” ตกชั้น โดยลงเล่นไป 55 เกมรวมทุกรายการ และชนะเพียงแค่ 12 เกมเท่านั้น ก่อนที่เขาจะโดนปลดในปี 2012 ท่ามกลางความโกรธแค้นจากแฟนบอล
3. แฟรงค์ เดอ บัวร์
ตำนานกองหลังชาวดัตช์ เข้ามาคุม คริสตัล พาเลซ เมื่อปี 2017 แทนที่ของ แซม อัลลาไดซ์ และเริ่มงานได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการพาทีมลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 4 เกมแรกแพ้รวด โดยยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว
เดอ บัวร์ ถูกคาดหมายว่า จะนำสไตล์การเล่นอันเร้าใจมาสู่ พาเลซ แต่ทุกอย่างมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยพลพรรค “เดอะ อีเกิ้ลส์” ดูจะเล่นแบบไร้ระบบมากกว่าในช่วงที่ อัลลาไดซ์ คุมทีมเสียอีก
นอกจากนี้ เดอ บัวร์ ยังถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่คุมทีมสั้นที่สุดในประวัตศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย หลังจากทำหน้าที่กับ พาเลซ ได้เพียง 77 วันเท่านั้น ก่อนจะโดนไล่ออก
2. จอห์น คราเวอร์
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2015 คราเวอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทัพ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งกำลังรั้งอันดับ 10 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่ในท้ายที่สุด เขาพา “สาลิกาดง” ตกชั้นด้วยผลงานชนะเพียง 3 เกม เสมอ 4 เกม และแพ้ไปถึง 13 เกม จาก 20 นัดที่คุมทีม
คราเวอร์ โดนปลดทันทีหลังจบฤดูกาล แต่มันน่าประหลาดใจตรงที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมืองผู้ดีว่า “ผมยังคงคิดว่า ตัวเองเป็นโค้ชที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก”
1. ยาน ซีเวิร์ต
ในเดือนมกราคมปี 2019 ซีเวิร์ต ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตด้วยการโยกจากการเป็นกุนซือทีมสำรอง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาคุมทีมในพรีเมียร์ลีก อย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ แต่ผลงานของเขานั้น เข้าขั้นโคม่าอย่างหนักหลังพาทีมชนะเพียง 1 เกม เสมอ 3 เกม และแพ้ไปถึง 15 เกม จาก 19 นัด
ในฤดูกาลนั้น ฮัดเดอร์สฟิลด์ จมบ๊วย และต้องตกชั้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่ง ซีเวิร์ต ก็โดนปลดในช่วงซัมเมอร์ และปัจจุบัน โค้ชชาวเยอรมัน ยังคงตกงาน และไม่ได้คุมทีมใดอีกเลย
ภาพประกอบ : ilposticipo.it, fourfourtwo.com, telegraph.co.uk, skysports.com