เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมคนอื่น ๆ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของเขานับตั้งแต่เข้ามาทำงานในวงการฟุตบอล หลังจากที่ในประเทศอังกฤษประกาศระงับการแข่งขันฟุตบอลลีกทุกระดับเป็นการชั่วคราว เนื่องจากโคโรน่าไวรัสแพร่ระบาดอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน นักเตะ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ลิเวอร์พูล ก็ต้องหยุดพักการฝึกซ้อมไปจนถึงอย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม และทางพรีเมียร์ลีก ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่า จะกลับมาแข่งขันกันต่อไปอีกเมื่อใด ซึ่งเวลาของความไม่แน่นอนนี้ มีแนวโน้มที่จะขยายต่อไปอีกสักระยะ
ดังนั้น คล็อปป์ ควรจะทำอย่างไรในช่วงเวลานี้ และนี่คือ 5 สิ่งสำคัญที่ เทนนเนอร์ชาวเยอรมัน ควรจะรีบทำกับทัพ “หงส์แดง” ในช่วงพักเบรกจาก COVID-19
1.แก้ปัญหาเกมรับ
ลิเวอร์พูล เตรียมจะคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของสโมสรเต็มทีแล้ว หลังจาก คล็อปป์ เข้ามาทำงานในถิ่นแอนฟิลด์เข้าสู่ปีที่ 5 แต่โค้ชชาวเยอรมัน เจอปัญหาใหญ่ก็คือ ฟอร์มการเล่นในช่วงปี 2020 เป็นต้นมาของ “หงส์แดง” นั้น ตกลงไปอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ตกรอบฟุตบอลถ้วยไปแล้ว 2 รายการ คือ เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมันระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และมันเกิดในช่วงที่ อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายทวารมือ 1 ทีมชาติบราซิล ได้รับบาดเจ็บที่สะโพก
เห็นได้ชัดว่า เกมรับของ ลิเวอร์พูล ดูหละหลวมลงไปจากช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก พวกเขาเสียประตูทุกนัดใน 5 เกมหลังสุดรวมทุกรายการก่อนพักเบรก ซึ่งนั่นทำให้ คล็อปป์ และทำงานของเขาอย่าง ปีเตอร์ คราเวียตซ์ และเปปิน ลินเดอร์ส ต้องหาทางทำให้แนวรับของ “หงส์แดง” กลับเข้าที่เข้าทางโดยด่วน
2.การวิเคราะห์แท็คติค
คล็อปป์ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับระบบการเล่นของลูกทีมตัวเองเป็นหลัก หลังจากที่ในช่วงหลังดูเหมือนว่า หลายๆทีมเริ่มจับทางแนวทางการเล่นของ ลิเวอร์พูล ได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่า คู่แข่งที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้อย่าง วัตฟอร์ด, เชลซี และ แอตเลติโก มาดริด ใช้เกมรับที่แข็งแกร่งเป็นหลักก่อนจะฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของนักเตะ “หงส์แดง” ในการทำประตู
9 เกมที่เหลือในพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล นั้น พวกเขาจะพบกับ เอฟเวอร์ตัน, คริสตัล พาเลซ, แมนซิตี้, แอสตัน วิลล่า, ไบรท์ตัน, เบิร์นลีย์, อาร์เซนอล, เชลซี และนิวคาสเซิล ซึ่งมันเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของ คล็อปป์ และแข้ง “หงส์แดง” ที่ต้องการอีก 6 คะแนนเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
3. การพักผ่อน
บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการพักเบรกคราวนี้คือ มันจะทำให้ คล็อปป์ และผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ได้พักผ่อนหลังจากที่พวกเขากรำศึกหนักกันมาอย่างยาวนานทั้งในลีก, ฟุตบอลยุโรป, ฟุตบอลสโมสรโลก และฟุตบอลถ้วยภายในประเทศมาค่อนฤดูกาล
ในช่วงเวลาแบบนี้ มันจะทำให้ โค้ชชาวเยอรมันวัย 52 ปี และลูกทีมของเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ ก่อนจะกลับมามีชีวิตชีวา และเข้าสู่การแข่งขันในช่วงเวลาสำคัญอีกครั้ง
4. การเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่
เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า คล็อปป์ ชอบที่จะพูดคุยกับผู้เล่นเป็นการส่วนตัวก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญามาร่วมทีม ยกตัวอย่างในกรณีการซื้อตัวที่ยืดเยื้อของ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ที่คว้ามาจาก เซาแธมป์ตัน เมื่อเดือนมกราคมปี 2018
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ คล็อปป์ จะยังไม่สามรถเข้าร่วมประชุมกับบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล เรื่องการซื้อตัวนักเตะใหม่มาเสริมทัพได้ แต่นายใหญ่ “หงส์แดง” สามารถใช้เวลาว่างที่มีติดต่อไปหาผู้เล่นที่เขาสนใจเพื่อโน้มน้าวในการย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์ได้
นักเตะอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมัน ของ แอร์เบ ไลป์ซิก และ จาดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต่างก็อยู่ในข่ายความสนใจของ คล็อปป์ เช่นเดียวกัน
5. มองไปสู่ในอนาคต
นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด และเป็นช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิดของ ลิเวอร์พูล เพราะยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า พวกเขาจะได้ยกถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อใด แต่อย่างน้อย “หงส์แดง” ก็คลายความกังวลได้ว่า พวกเขาต้องการอีกเพียง 6 คะแนนเท่านั้น จาก 9 เกมที่เหลือ
แม้จะมีความยากลำบากสำหรับการใช้ชีวิตในสภาวการระบาดของไวรัสโคโรน่า แต่ก็มีเหตุผลมากมายที่จะมองโลกในแง่ดีในฐานะแฟนบอล, นักเตะ, ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช และทุกคนที่เกี่ยวข้องภายในสโมสร ลิเวอร์พูล เพราะความฝันของพวกเขาใกล้เป็นจริงแล้ว
ลิเวอร์พูล ยังคงได้รับการยกย่องในฐานะว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกประจำซีซั่น 2019-2020 อย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธ พวกเขาเซ็นสัญญาสปอนเซอร์รายใหม่อย่าง “ไนกี้” และสร้าง เคิร์กบี้ เป็นสนามซ้อมแห่งใหม่ รวมทั้ง คล็อปป์ ยังต่อสัญญาฉบับใหม่ไปจนถึงปี 2024 อีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า “หงส์แดง” น่าจะครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังไปอีกหลายปี
ภาพประกอบ : skysports.com, tribuna.com, africaglobalvillage.com, bleacherreport.com, liverpoolecho.co.uk