ความจริงแล้ว ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับรวมฮิต “เด็กเกิดยุค 2000” ที่พร้อมปล่อยของในซีซัน 2019/20 กันไปทีนึง โดยเขียนก่อนซีซันปัจจุบันจะเปิดโม่แข้ง อยากย้อนไปอ่าน >> คลิกที่นี่ครับ <<
พวกที่เคยพูดถึงไป ก็มีแกงค์ที่ฉายแสงอย่าง เจดอน ซานโช, โรดรีโก้, ซานโดร โทนาลี พวกที่เห็นการพัฒนาอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์, โอซาน คาบัค, เมสัน กรีนวู้ด พวกที่ยังต้องดูกันต่ออย่าง เรียน บริวสเตอร์, ฟิล โฟเด้น หรือพวกที่ชักน่าเป็นห่วงอย่าง มอยเซ่ คีน
แต่พอผ่านมาแค่ไม่ถึงปี เด็กนรกที่เกิดในยุคปี 2000 ก็มีเจิดจรัสเริ่มแจ้งเกิดกันอีกหลายหน่อ เราเลยต้องคัดเอาทีเด็ดมาพูดกันอีกรอบ แบบไม่ซ้ำเดิม เนื้อๆ เน้นๆ อีก 17 ราย โดยเราจะเน้นนักเตะที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ และซีซันหน้า มีโอกาสแจ้งเกิดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก
อันซู ฟาติ (บาร์เซโลน่า / สเปน)
ไอ้หนูวัยปัจจุบันแค่ 17 ปี พึ่งจะเซ็นสัญญาอาชีพกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา และก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมในทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว โดยได้ประเดิมทีมชุดใหญ่นัดแรกในเดือน ส.ค. ซึ่งถือเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของสโมสร ด้วยวัยแค่ 16 ปี 298 วัน
และไม่ใช่เพียงแค่สร้างความวูบวาบชั่วครั้งชั่วคราว ฟาติมีโอกาสลงเล่นทุกถ้วยถึง 25 นัด ทำไปแล้ว 5 ประตู โดยตำแหน่งประจำคือตัวรุกริมเส้นด้านซ้าย ซึ่งทำให้เขาน่าจับตา จนตอนนี้สมาคมฟุตบอลสเปน เล็งจับจองตัวเขาไว้แล้ว แม้เจ้าตัวจะเกิดที่กินี-บิสเซา ก็ตาม
โจวานนี่ เรย์น่า (ดอร์ทมุนด์ / สหรัฐอเมริกา)
ตัวรุกพรสวรรค์สูงชาวอเมริกันวัยแค่ 17 ปี เป็นลูกชายของ “เคลาดิโอ เรย์น่า” อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสหรัฐฯ โดยเขาเกิดที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ตอนที่คุณพ่อเคลาดิโอ ไปค้าแข้งกับทีม “แมวดำ”
โจวานนี่ ลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ “เสือเหลือง” เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยทำลายสถิตินักเตะอเมริกันอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในบุนเดสลีก้า ของ “คริสเตียน พูลิซิซ” แถมยังยิงประตูได้ในเดเอฟเบ โพคาล ไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ยิงได้ในฟุตบอลถ้วยของเมืองเบียร์ อีกด้วย
วิลเลียม ซาลิบา (อาร์เซนอล / ฝรั่งเศส)
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟสูงโปร่งเชื้อสายแคเมอรูน ถือเป็นสมบัติของอาร์เซนอลเรียบร้อย ตั้งแต่ซัมเมอร์ 2019 ด้วยราคาสูงถึง 27 ล้านปอนด์ โดยในซีซันนี้ เขาถูกยืมตัวกลับไปเล่นให้แซงต์ เอเตียน ต้นสังกัดเดิม ตามเงื่อนไขการซื้อตัว
อย่างที่ทราบกันว่า “ปืนใหญ่” มีปัญหาค่อนข้างมากในแนวรับ อายุอานามของเซ็นเตอร์ตัวหลักก็ค่อนข้างเยอะ ซีซันหน้าจึงน่าจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของซาลิบาในวัย 19 ปี ซึ่งตอนนี้ถึงจะยังไม่ได้ลงเล่นเกมชุดใหญ่สม่ำเสมอ แต่อีกไม่นาน เขาต้องมีบทบาทกับอาร์เซน่อลแน่
อัลฟองโซ่ เดวีส์ (บาเยิร์น มิวนิค / แคนาดา)
จากแนวรุกความเร็วสูง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ปรับให้เขามายืนแบ็คซ้ายจำเป็นในซีซันนี้ เพื่อแก้ขัด แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนูเดวีส์ กลับเล่นมันได้อย่างยอดเยี่ยม ยึดตำแหน่งยาวๆ ซีซันนี้ ลงเล่นเกือบ 30 นัดเข้าให้แล้ว
นอกจากเรื่องฝีเท้าที่พัฒนาก้าวกระโดด เรื่องราวการต่อสู้ของเขาก็ได้รับคำชื่นชม จากเด็กที่เกิดในแคมป์ลี้ภัยในกาน่า ระหกระเหินลี้ภัยมาแคนาดา ก่อนจะเล่นฟุตบอลระดับสูงในแคนาดาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเตะตา และได้ย้ายมาบาเยิร์นเมื่อไม่นานมานี้
เคอร์ติส โจนส์ (ลิเวอร์พูล / อังกฤษ)
กัปตันทีม “หงส์แดง” ชุดเล็ก ถือเป็นสายเลือดสเกาเซอร์ของแท้ และในซีซันปัจจุบัน เขาก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการขึ้นมาไม่น้อย โดยนอกจากจะประเดิมลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว เขายังยิงได้ 2 ประตูจากฟุตบอลถ้วย รวมถึงประตูชัยใน “เมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้แมทช์” ด้วยวัยเพียง 18 ปี
โจนส์อยู่กับอคาเดมีของลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ 9 ขวบ ลงเล่นชุดยู-23 ของทีม มาตั้งแต่อายุ 17 ปี แถมยังติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาครบครันทุกชุด กับซีซันหน้าที่น่าจะมีผู้เล่นซีเนียร์ย้ายออกไปบ้าง โจนส์อาจจะได้รับโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม
บูคาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล / อังกฤษ)
อีกหนึ่งตัวรุก ที่ต้องขยับลงมาเล่นแบ็คซ้ายจำเป็น แต่สามารถทำผลงานได้ดี โดยนอกจากลีลาการเติมเกมจะเป็นธรรมชาติตามสไตล์เจ้าตัวแล้ว การประกบตัว และเล่นเกมรับถือว่าใช้ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่า “คีแรน เทียร์นีย์” ที่ซื้อมาแพง กลับมาจะยึดตัวจริงได้รึป่าว
ความจริงแล้ว ซาก้าเคยได้ลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้วเมื่อซีซันก่อน แต่ต้นซีซันนี้ เขาโดนดาวรุ่งรายอื่นอย่างเนลสัน, วิลล็อค หรือมาร์ติเนลลี่ แซงได้รับโอกาสไปก่อนทั้งหมด แต่สุดท้ายการขาดแคลนแบ็คซ้าย ก็ช่วยให้โอกาสของเขาเปิดกว้างขึ้นอีกหน
แม็กซ์ อารอนส์ (นอริช / อังกฤษ)
แบ็คขวาเนื้อหอม ที่ลงเล่นตัวจริงให้นอริชมาต่อเนื่องตั้งแต่ซีซันก่อน ที่อยู่ในแชมป์เปียนชิพ ถึงซีซันนี้จะต้องเจองานหินในลีกสูงสุด แต่ฟอร์มโดยส่วนตัวของเขา ก็ถือว่าไม่เลว นอกจากยึดตัวจริงได้สม่ำเสมอแล้ว ยังเริ่มขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 ต่อเนื่องด้วย
ถึงการแข่งขันที่จะก้าวขึ้นไปติดทีม “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ จะยังค่อนข้างยาก แต่ว่ากันว่าหากนอริชตกชั้นไป โอกาสที่เขาจะได้ย้ายไปเล่นให้ทีมที่ใหญ่ขึ้น อาจจะช่วยทำให้การพัฒนาต่อเนื่อง เปิดทางให้เขาพัฒนาขึ้นไปอีกแน่นอน
ฟาบิโอ ซิลวา (ปอร์โต้ / โปรตุเกส)
ศูนย์หน้าอนาคตไกลอายุแค่ 17 ปี ซึ่งกำลังถูกจับตามอง ว่าอาจจะก้าวตาม “เจา เฟลิกซ์” ขึ้นมาเป็นนักเตะค่าตัวมหาศาลในอนาคตอันใกล้ โดยฟาบิโอ ซิลวา ทำลายสถิติของปอร์โต้มาแล้วแทบทุกอย่าง ทั้งลงเล่นเกมลีก และบอลยุโรป ด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงการทำประตูในเกมลีก และฟุตบอลถ้วย ด้วยอายุที่น้อยที่สุด เช่นกัน
ฟาบิโอ ซิลวา เกิดในเมืองปอร์โต้ และเริ่มต้นกับอคาเดมี่ของทีม แต่มีช่วงย้ายไปซบเบนฟิก้า คู่ปรับร่วมลีก นาน 2 ปี ก่อนจะกลับมาปอร์โต้อีกครั้ง และเริ่มสร้างชื่อจากการยิงกระจุยกระจายในเกมระดับยู-19 ทั้งที่อายุแค่ 17 ปี จนได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่ต่อมา
บิลลี่ กิลมอร์ (เชลซี / สก็อตแลนด์)
กองกลางเลือดสก็อตติช เป็นเด็กปั้นของกลาสโกว์ เรนเจอร์ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับเชลซีเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยซีซันนี้ เขาเริ่มมีชื่อติดทีมชุดใหญ่บ่อยครั้งขึ้น นับตั้งแต่เกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ก่อนจะได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีก ในช่วงท้ายเกมที่เจอกับเชฟฯ ยู
แต่ฟอร์มที่โจษจันกันไปทั่ว คือการลงตัวจริง ในนัดที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” ชนะลิเวอร์พูล ในเอฟเอ คัพ และกิลมอร์ถูกยกให้เป็นแมนออฟเดอะแมทช์ ถัดจากเกมนั้น เขาก็ได้รับความไว้วางใจต่อจากแลมพาร์ด ให้เล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกทันที ซึ่งถ้าไม่ติดโควิด-19 ซะก่อน เราอาจได้เห็นเจ้าหนูนี่ เล่นต่อเนื่องอีกหลายเกม
เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันด์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ / นอร์เวย์)
ไม่ต้องบรรยายความฮ็อตของศูนย์หน้าพละกำลังสูงรายนี้กันมาก เพราะฮาลันด์ ซัดไปแล้ว 12 ประตู จากการลงเล่นแค่ 11 นัด นับตั้งแต่ย้ายมาจอย “เสือเหลือง” ในช่วงตลาดหน้าหนาวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเขาย้ายมาจาก เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ที่จริงๆ พึ่งอยู่มาแค่ครึ่งซีซันเอง
เขาเป็นลูกชายของ “อัลฟ์ อิงเก้ ฮาลันด์” เกิดตอนสมัยที่คุณพ่อค้าแข้งอยู่ที่ลีดส์ เริ่มต้นอาชีพกับสโมสรบายน์ สโมสรเล็กๆ ในนอร์เวย์ ก่อนย้ายไปอยู่กับโมลด์ และใช้เวลาแสดงผลงานแค่ซีซันเดียว ก็ย้ายไปซัลก์บวร์ก จนสร้างชื่อ และติดทีมชาตินอร์เวย์ชุดใหญ่ ไปเรียบร้อย
แซร์จิโย่ เดสท์ (อาแหยกซ์ อัมสเตอร์ดัม / สหรัฐอเมริกา)
เรื่องปั้นเด็ก ต้องยกให้ทีมยักษ์ใหญ่จากเมืองดัทช์ทีมนี้ โดยเดสท์ ถือเป็นเด็กปั้นที่โดดเด่นคนล่าสุด ที่ถูกดันขึ้นมาจากอคาเดมี่ของทีม ลงเล่นในซีซันนี้ไปแล้วเกินกว่า 30 นัด เป็นอีกหนึ่งแบ็คขวายุคใหม่ ที่น่าจับตามอง
สำหรับเดสท์ ถึงจะเริ่มต้นอาชีพในแดนกังหัน แต่จริงๆ แล้ว เขาเป็นชาวอเมริกัน และลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว โดยในระดับเยาวชน เดสท์เคยรับใช้ทีมชาติอเมริกา ผ่านทั้งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทั้งยู-17 และยู-20 มาแล้ว
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล / อังกฤษ)
อีกหนึ่งดาวรุ่งน่าตื่นตาตื่นใจจากค่าย “หงส์แดง” ที่แม้จะอายุพึ่งครบ 17 ปี ไปช่วงต้น เม.ย. นี่เอง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงฝีเท้าที่กล้าเลี้ยง กล้าเล่น เกินวัย และเริ่มได้รับโอกาสขึ้นมาวนเวียนในทีมชุดใหญ่ของ “เจอร์เก้น คลอปป์” บ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ
ชื่อของเจ้าหนูเอลเลียตต์ จริงๆ แล้ว เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่ซีซันก่อน ที่เขายังอยู่กับฟูแล่ม เพราะเขาได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุ 15 ปี 174 วัน ก่อนจะทำลายสถิติ ลงเล่นด้วยอายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยวัย 16 ปี 30 วัน ในอีก 6 เดือนให้หลัง
โดมินิค โซบอสซ์ไล (เร้ดบูล ซัลก์บวร์ก / ฮังการี)
มิดฟิลด์ตัวกลางอายุ 19 ปี ที่เล่นได้นิ่งเกินวัย ติดทีมชาติฮังการีชุดใหญ่ และประเดิมประตูในสีเสื้อ “แม็กยาร์” ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนระดับสโมสร เขาได้ลงเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องกับซัลก์บวร์ก ทั้งในซีซันก่อน และซีซันปัจจุบัน จนเริ่มเป็นที่จับตามองจากทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
นอกเหนือจากการควบคุมจังหวะบอลที่ทำได้ดีแล้ว การสอดขึ้นมาลุ้นประตูในกรอบเขตโทษ ยังเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของโซบอสซ์ไล นับตั้งแต่เริ่มฉายแววกับทีมไลเฟอร์ริ่ง ทีมพันธมิตรของเร้ดบูล ซึ่งอยู่ในออสเตรียเช่นกัน
กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (อาร์เซน่อล / บราซิล)
แนวรุกชาวบราซิเลียน กลายเป็นที่จับตามองทันทีทันใด เมื่อเขาได้รับโอกาสกับอาร์เซน่อล และสามารถเล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจเกินวัย โดยโอกาสหลักของเขาอยู่ในฟุตบอลถ้วย ซึ่งเขายิงไป 4 ประตูในคาราบาว คัพ และ 3 ประตูในยูโรป้า ลีก ส่วนโอกาสในพรีเมียร์ลีก อาจจะไม่มากมาย แต่ก็จัดการไปแล้ว 3 ตุง
สไตล์การเล่นของมาร์ติเนลลี่ ถูกยกย่องว่าเป็นบราซิลสมัยใหม่ นอกจากลีลา และความคล่องแคล่ว ยังมีจุดเด่นเรื่องพละกำลัง และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี จนมีหลายคนเอาไปเปรียบกับ “โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่” และคลอปป์เอง ก็เคยเอ่ยปากชมมาร์ติเนลลี่ มาแล้ว ว่าอนาคตไกลแน่นอน
เดยัน คูลูเซฟสกี้ (ยูเวนตุส / สวีเดน)
มิดฟิลด์รูปร่างดีเชื้อสายมาเซโดเนีย กลายเป็นนักเตะใหม่ของ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ไปเป็นที่เรียบร้อย หลังยูเว่ทุ่มเงิน 35 ล้านยูโร ซื้อตัวจากอตาลันต้า โดยตอนนี้พวกเขาปล่อยให้ปาร์ม่า ยืมไปใช้งานต่อ เพราะก่อนนี้ต้นสังกัดเดิม ก็ปล่อยให้ “จัลโล่บลู” ยืมอยู่แล้ว
คูลูเซฟสกี้ ที่ประเดิมติดทีมชาติสวีเดนไปแล้ว คาดกันว่าจะเป็นอีกหนึ่งอนาคตที่น่าตื่นเต้นของวงการฟุตบอลโลก ด้วยความมั่นใจในการเล่น และสามารถเล่นสไตล์บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ได้มีประโยชน์ต่อทีม
เอดัวร์อาโด้ คามาวินก้า (แรนส์ / ฝรั่งเศส)
มิดฟิลด์ดาวโรจน์ดวงใหม่ของวงการฟุตบอลฝรั่งเศส เซ็นสัญญาอาชีพกับแรนส์ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี และประเดิมสนามในลีกเอิง ตั้งแต่อายุ 16 ปี 4 เดือน ถือเป็นสถิติอายุน้อยที่สุดตลอดกาลของสโมสร เลยทีเดียว
ซีซันนี้ คามาวินก้า ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอมากขึ้น และพิสูจน์ตัวเองได้ยอดเยี่ยม ว่าเขาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่แข็งแกร่ง และสามารถผ่านบอลเยี่ยม ทั้งที่อายุพึ่งจะ 17 ปีเท่านั้น ว่ากันว่าเมื่อเขาอายุครบ 18 ปีเมื่อไหร่ ทีมยักษ์ใหญ่ชั้นนำ มารอเคาะประตูบ้านกันคิวยาวแน่
จู๊ด เบลลิงแฮม (เบอร์มิงแฮม / อังกฤษ)
ปิดท้ายกันด้วย สุดยอดดาวโรจน์ชาวอังกฤษ ที่ว่ากันว่าอาจจะเก่งที่สุดในรอบหลายปี โดยปัจจุบัน ไอ้หนูเบลลิงแฮม อายุยังไม่ครบ 17 ปีเลยด้วยซ้ำ แต่มีข่าวว่ามีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่อยากได้ไปครอบครอง โดยมี แมนฯ ยู และดอร์ทมุนด์ เป็นตัวเต็งในหน้าข่าวพักหลัง
สำหรับแฟนพรีเมียร์ลีก อาจจะไม่ค่อยคุ้นเชื่อเบลลิงแฮมนัก เพราะเขาลงเล่นในระดับแชมป์เปียนชิพ โดยเป็นตัวจริงสม่ำเสมอให้กับเบอร์มิงแฮม โดยแม้เขาจะสามารถถ่างออกไปเล่นมิดฟิลด์ด้านข้างได้ แต่ตำแหน่งที่ถนัดที่สุดคือมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเล่นแบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ได้โดดเด่น คาดว่าซีซันหน้า เขาน่าจะได้ขยับขยายไปทีมที่ใหญ่ขึ้นแน่นอน
Picture : Nettavisen, The Sun, Thisisfutbol, FC Barcelona Noticias, Diario AS, The Times, Arsenal., The Liverpool Offside, Football.London, The Boot Room, Twitter, World Football Index, FootballTalk, AD., Premier League, Hungary Today, Forbes, Metro, FourFourTwo, Daily Mail