การจะสร้างตัวให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีนั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาความเป็นเศรษฐีไว้ตราบนานเท่านานส่งต่อจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า จากการที่เราได้ศึกษาตัวตนของคนที่ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีก็พบว่าพวกเขา ไม่ได้ให้ความสำคัญแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว เพราะในทัศนะของเศรษฐีแล้ว รายได้ เงินทองเป็นเพียงผลลัพธ์ของความสำเร็จจากกิจการ หน้าที่การงาน

ดังนั้นเคล็ดลับของการรักษาความร่ำรวยของเศรษฐีก็คือการรักษามาตรฐานของกิจการ หน้าที่การงานของพวกเขาให้ดีเสมอไป และต้องพัฒนาต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลของชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานเป็นอย่างดีอีกด้วย

นอกเหนือจากการเงินซึ่งเป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุดของเศรษฐี เรื่องอื่นๆ ที่เป็นบริบทแวดล้อมในชีวิตของพวกเขาก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ มิตร และอิสระทางด้านเวลา ซึ่งพวกเขาล้วนแล้วแต่มีสิ่งเหล่านี้อย่างเพียบพร้อม และมันเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขารักษาความมั่งคั่งได้ตราบนานเท่านาน

และวันหนึ่งที่คุณสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีเงินมีทองร่ำรวยได้แล้ว 12 เสาหลักอันเป็นนิสัยของเศรษฐีที่เรากำลังจะแนะนำให้ได้รู้จักต่อไปนี้จะช่วยรักษาความมั่งคั่งของคุณให้ยืนยงสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลย

ความศรัทธาในตัวเอง

ผู้ที่สามารถสร้างตัวจนประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้นั้น ไม่ว่าจะผ่านเหตุการณ์ที่โชคดี หรือ โชคร้าย พวกเขาจะถือว่ามันเป็นกำไรชีวิตที่มีแต่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะไม่ยอมจำนนต่ออุปสรรคใดง่ายๆ ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเองทำให้พวกเขากล้าเผชิญความจริงเสมอไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน และจะไม่ก้มหัวให้โชคชะตาจนกว่าจะประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะ

ให้คุณค่ากับการสร้าง คอนเนคชั่น

เพราะคนเราทุกคนไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครที่จะเก่งไปเสียทุกเรื่อง คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานจนร่ำรวยทราบความจริงข้อนี้ดี พวกเขาจึงไม่ “บินเดี่ยว” ความสำเร็จของพวกเขาส่วนใหญ่มาจากการสร้างคอนเนคชั่นที่ดี รู้จักเลือกคบคน เพื่อเติมเต็มจุดอ่อนของตัวเองที่ขาดหายไป และไม่เสียเวลากับคนไม่ควรจะเสียเวลาด้วย

รู้จักการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

คนเราจะประสบความสำเร็จ ร่ำรวยได้จะต้องมีจิตใจกว้างขวางเหมือนแม่น้ำ จะต้องเรียนรู้ที่จะให้อย่างบริสุทธิ์ใจไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เศรษฐีส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าพวกเขาจะร่ำรวยได้พวกเขาจะต้องเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ก่อน พวกเขาจะต้องมี ความอยากที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม พร้อมที่จะตอบสนองสินค้า และบริการที่ดีเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับเพื่อนร่วมสังคม  รายได้และเงินทองเป็นเพียงผลลัพธ์จากการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่นี้ ดังนั้นการให้และการบริจาคจึงเป็นการฝึกจิตใจของเราให้เป็นจิตใจของเศรษฐี

ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย

ชีวิตหนึ่งๆ ของคนเรามีโชคดี โชคร้ายปะปนกันไปเสมอ แต่สำหรับคนที่มีหัวใจเศรษฐีไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย พวกเขาจะมองเป็นกำไรชีวิต สิ่งที่เป็นโชคร้ายก็คือส่วนหนึ่งของบทเรียน ส่วนสิ่งที่เป็นโชคดีก็คือ “โอกาส”

อย่างไรก็ตามโอกาสไม่ได้เป็นโชคดีสำหรับทุกคน แต่มันจะเป็นโชคดีของคนที่พร้อมจะรับมัน คนจะเป็นเศรษฐีได้นั้นโอกาสทองมักมีไม่มาก และพวกเขาสามารถไขว่คว้าโอกาสเหล่านั้นเพื่อผลักดันให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากคุณได้ลองศึกษาประวัติของมหาเศรษฐีที่สร้างความมั่งคงด้วยสองมือตัวเอง คุณก็จะพบว่าพวกเขาทุกคนได้รับโอกาสทองในชีวิตเพียงไม่กี่ครั้ง แต่สามารถไขว่คว้ามันเอาไว้ได้

เรียนรู้คู่แข่งอย่างถ่องแท้

คนจะประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีได้นั้นจะต้องคิดบวก พวกเขาจะไม่มองคู่แข่งเป็นศัตรู แต่จะมองคู่แข่งเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อจะได้ศึกษาจุดแข็งเพื่อเอาเป็นแบบอย่าง และวิเคราะห์จุดอ่อนของคู่แข่งอย่างถ่องแท้ เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงตัวเอง รวมถึงคุณภาพงานและกิจการให้ดีกว่าคู่แข่งทุกราย

สร้างมาตรฐาน

คนสำเร็จทุกคนจะมีมาตรฐานเป็นของตัวเอง มาตรฐานส่วนตัวก็คือคาแร็คเตอร์ทั้งเรื่องการทำงาน และชีวิตครอบครัว ส่วนมาตรฐานในกิจการก็คือ วัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องถูกสร้างขึ้นมา มาตรฐานก็คือการทำงานอย่างมีระบบ เมื่อทุกอย่างเดินตามระบบ มีระเบียบวินัยและแบบแผนที่ดี ก็ย่อมเกิดความสับสน  การ Flow ของงานก็จะเป็นไปด้วยดี ความสมดุลในการใช้ชีวิตย่อมบังเกิด ความมั่งคั่งก็จะตามมาได้ไม่ยาก

อ่อนน้อมถ่อมตน

ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสมบัติที่เศรษฐีพึงมี เพราะนี่คือสมบัติที่ทำให้ผู้คนรอบข้างรักใคร่ เคารพนับถือ และมอบความเกรงใจให้ ความอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้เศรษฐีทั้งหลายสามารถครองใจลูกน้อง ลูกค้า และพันธมิตรทั้งหลายเอาไว้ได้ ตรงข้ามกับคนที่เย่อหยิ่ง แข็งกร้าว ยอมหักไม่ยอมงอ ย่อมทำอะไรแล้วมีแต่อุปสรรค และเมื่อครองใจคนไม่ได้ ก็ย่อมประสบความสำเร็จได้ยาก

กำจัดความคิดลบ

ความคิดลบส่วนมากมาจากสิ่งแวดล้อม เช่น สังคมที่วุ่นวาย ข่าว การเมือง ละคร หนัง ซีรีส์ และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เศรษฐีส่วนใหญ่จะไม่ทำตัวเสียเวลากับสิ่งที่ก่อให้เกิดความคิดลบเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้จิตใจมีแต่ขุ่นมัวไม่สร้างสรรค์ และเมื่อเกิดอารมณ์ด้านลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รัก โลภ โกรธ หลง แค้น พวกเขาก็จะรู้วิธีกำจัดมันออกไปจากจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย ออกไปท่องเที่ยวผ่อนคลาย หรือสังสรรค์ในบางโอกาส

เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง

การเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เอาแต่ใจ คิดเอาตัวเองเป็นใหญ่นั้นไม่ใช่คุณสมบัติของเศรษฐี เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้พลาดโอกาสและไอเดียดีๆ เราจึงมักเห็นคาแร็คเตอร์เด่นๆ ของเศรษฐีเกือบทุกคนก็คือการเป็นผู้ฟังที่ดี พวกเขาจะพูดน้อย ฟังเยอะ คิดวิเคราะห์ จับประเด็นที่สิ่งที่ผู้คนพูดโอภาปราศรัยเสมอ

มีเป้าหมายที่ชัดเจน และลงมือทำอย่างมุ่งมั่น

เศรษฐีจะไม่ทำอะไรสะเปะสะปะ แต่จะมีการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนทุกระยะ ทั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว พวกเขาตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าพรุ่งนี้ อีก 10 ปีข้างหน้า และในวันที่เขาเกษียณอายุจากงานพวกเขาจะต้องอยู่ในสถานะแบบใด เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็จะลงมือทำอย่างมุ่งมั่นทุกวินาที มีการประเมินผลลัพธ์ปรับเปลี่ยนแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เสมอ

และนี่ก็คือ 12 เสาหลักของการรักษาความร่ำรวย เป็นเศรษฐีที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ และเสาหลักเหล่านี้สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้ลูกหลานได้ยึดไว้เป็นนิสัย หากทำได้ก็รับรองได้ว่าคุณและลูกหลานของคุณจะไม่กลับมายากจนอีกแน่นอน