วกกลับมาพูดถึง Netflix กันอีกรอบ เพราะแม้ตัวเลข “โควิด-19” บ้านเราจะดีขึ้นบ้าง แต่รวมๆ แล้ว เรายังต้องทำงาน และอยู่ติดบ้านกันอีกนานพอสมควร ซึ่งพี่ Netflix ก็เป็นเพื่อนแก้เหงาที่ดีเสมอ ถึงหลายคนจะเริ่มบ่นว่า ไม่รู้จะดูอะไรดี
ไอ้การจะแนะนำหนังเป็นแนวทางเจาะจง ก็อาจจะไม่ครอบคลุมถูกใจทุกคน วันนี้เลยขอพูดถึงทริกในการค้นหาคอนเทนท์บน Netflix กันดีกว่า เผื่อจะเพิ่มตัวเลือกให้คุณ คลำทางไปเจอขุมทรัพย์ที่อยากดู แต่ยังค้นไม่พบ
โดยเราจะลองจัดวิธีการค้นหา 10 แบบที่แตกต่างกัน แถมท้ายด้วยการใช้โค้ดค้นหา เพื่อเข้าถึงหมวดหมู่การค้นหาอันหลากหลายที่ Netflix เขาวางระบบไว้
1 : ค้นหาจากภูมิภาค
เริ่มอันแรกกันแบบเบสิก ด้วยการค้นหาคอนเทนท์ ที่มาจากทวีปต่างๆ หรือคอนเทนท์ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของทวีปนั้น จะยุโรป, เอเชีย, แอฟริกา, อเมริกาใต้ หรือจะเอาเป็นละแวกภูมิภาค เช่น ลาตินอเมริกา หรือจะเป็นภาษา เช่น อารบิก, สแปนิช แบบนี้ก็ทำได้หมด
การค้นหาโดยการใช้ภูมิภาค จะเป็นการเปิดทางเลือกให้เราลองหาคอนเทนท์ที่ไกลจากสโคปที่เราเคยชมออกไป เพราะโดยปกติแล้ว Netflix จะมีอัลกอริทึ่มในการจับสิ่งที่เราสนใจ เช่น เรานิยมชมหนังไทย ก็จะแนะนำหนังไทยเรื่องอื่นๆ ให้ หรือถ้าเรานิยมดูซีรีส์เกาหลีอารมณ์ไหน ก็จะจัดสิ่งที่นิยมใกล้เคียงมาให้
ตัวอย่างการเลือกค้นหาโดยภูมิภาค (ขอใช้เป็นภาษาอังกฤษนะครับ เผื่อบางท่านใช้ภาษาอังกฤษในการใช้งาน Netflix) ก็เช่น ค้นคำว่า “Europe” หรือ “European” ก็จะมีตัวเลือกแนะนำมาเพียบ จะหนัง, ซีรีส์, รายการทีวี ก็มีหมด หรือจะระบุลงลึกเพิ่มเช่น “Eastern Europe” ก็จะเจอหนังจากประเทศแปลกๆ อย่างโรมาเนีย หรือรัสเซีย มาให้เลือกชม
2 : ค้นหาจากประเทศ
อย่างที่ทราบกัน ว่า Netflix ให้บริการในหลากหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นคอนเทนท์ที่หลากหลายของประเทศต่างๆ ย่อมถูกหยิบใส่เข้ามาด้วย แล้วแต่ลิขสิทธิ์การให้บริการในแต่ละประเทศ
กับ Netflix ที่เราใช้ในประเทศไทย นอกเหนือจากคอนเทนท์ไทย, เกาหลี, อเมริกา หรืออังกฤษ ที่เราน่าจะค้นหาดูกันประจำ ยังมีอีกหลากหลายประเทศที่น่าสนใจ ที่อยากแนะนำคือสเปน ซึ่งคุณอาจจะตั้งต้นค้นหาด้วยคำว่า “Spanish” ซึ่งจะมีทั้งหนัง และซีรีส์แดนกระทิงดุมาให้ชมมากมาย เช่น The Platform หนังที่เป็นเทรนด์อยู่ หรือซีรีส์ดูสนุกอย่าง Elite หรือ Money Heist และเรื่องอื่นอีกไม่น้อย
หรือถ้าคุณอยากเปิดโลกกว้างกว่านั้น ก็ลองค้นหาด้วยชื่อประเทศอื่นๆ เช่น Turkish, Dutch, German, Indian ก็มีให้เลือกชมเช่นกัน เพียงแต่บางเรื่องที่แปลกมากๆ อาจจะไม่มีซับไทยบ้าง
3 : ค้นหาคอนเทนท์รางวัล
ใครที่ชื่นชอบคอนเทนท์รางวัล ไม่ว่าจะเป็นหนัง, ซีรีส์ หรือสารคดี สามารถขึ้นต้นด้วยคำง่ายว่า “Awards” หรือ “Award-winning” ได้เลย หรือจะเพิ่มเวทีรางวัลอย่าง “Oscar”, “Golden Globe” หรือ “Cannes” ก็สามารถทำได้เช่นกัน
การค้นหาคอนเทนท์รางวัล ก็จะมีทั้งเรื่องที่เป็นที่รู้จัก เช่น หนังออสการ์ที่ผมเคยแนะนำไว้ >> คลิกไปดูที่นี่ << หรือจะเป็นคอนเทนท์ที่เราอาจจะหาดูได้ยาก จากประเทศรองๆ ซึ่งอาจจะเป็นหนังนอกกระแส หรือหนังอินดี้ ก็มีให้ชมเช่นกัน
4 : ค้นหาจากยุค
นอกเหนือจากความหลากหลายในประเภทของคอนเทนท์ Netflix ยังรวบรวมคอนเทนท์จากหลากหลายยุคไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราก็สามารถใช้คีย์เวิร์ดง่ายๆ ในการค้นหา เช่น อยากดูคอนเทนท์ปี 80 ก็พิมพ์ว่า “1980’s”
ยกตัวอย่างหน่อย ก็เช่นเราค้นหาหนังในยุค 80 ก็จะเจอเรื่องที่น่าสนใจอย่าง The Breakfast Club, Batman ยุคเก่า, Full Metal Jacket, Annie หรือ The Shining กับ Poltergeist หนังสยองขวัญตำนานที่คอหนังแนวนี้ต้องดู
หรือหากคุณเป็นแฟนยุค 90 แน่นอนว่ามีให้เลือกเพียบ เช่น The Bodyguard, Clueless, Sleepy Hollow, Dumb and Dumber, Dazed and Confused หรือหนังที่ทำให้คุณหลงรักโจลี่ กับวิโนน่า ไรเดอร์ อย่าง Girl, Interrupted
5 : ค้นหาแรงบันดาลใจ
นอกเหนือจากการคิดวนไปวนมา ว่าจะทำอะไร หรือกินอะไรที่บ้านดี สิ่งที่คุณตามหากันบ่อยๆ ช่วงนี้คือ “แรงบันดาลใจ” ซึ่งต้องหมั่นเติมกันหน่อย ไม่ให้ห่อเหี่ยวใจ
คีย์เวิร์ดสำคัญคือ “Inspiration” หรือ “Inspirational” ซึ่งจะมีคอนเทนท์เรียงรายมาให้เลือกหลากหลายแบบ จะเป็นหนัง, ซีรีส์ หรือสารคดี ก็แล้วแต่ว่าคุณจะชอบแบบไหน
หนังที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ ก็อย่างเช่น The Bucket List ที่เล่าเรื่องราวลิสต์บ้าบอที่อยากจะทำก่อนตาย ของชายแก่ที่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ไม่นาน, Moneyball หนังเกมล้มยักษ์ ที่ใช้ทฤษฎีอันน่าทึ่งมาสร้างความสำเร็จในกีฬาเบสบอล หรือ North Country หนังสู้เพื่อสิทธิสตรี ซึ่งชาร์ลิซ เธรอน เข้าชิงออสการ์
หรือจะดูเป็นซีรีส์ ก็มีน่าสนใจหลายอัน เช่น ซีรีส์ขนาดสั้นที่พาคุณไปทำความรู้จักแนวคิดของบิล เกตส์, Self Made เรื่องราวชวนประทับใจของมาดาม ซี.เจ. วอร์คเกอร์ หญิงผิวสี ผู้พลิกแนวคิดสร้างผลิตภัณฑ์เปลี่ยนชีวิต ในยุคที่ผู้หญิงถูกมองว่าด้อยความสามารถกว่าชาย
6 : ค้นหาเรื่องราวจริง
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย คำว่า “สร้างจากเรื่องจริง” ยังคงใช้ได้เสมอในคอนเทนท์บันเทิง จะหนัง, ซีรีส์ หรือสารคดี เพราะมันส่งพลังไปถึงคนดูได้ทันที ว่าวัตถุดิบที่ถูกนำมาเสนอนั้น เกิดขึ้นจริง ไม่ได้ปรุงแต่งขึ้นมาล้วนๆ
ในส่วนการค้นหานี้ อยากจะแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นเรื่องที่เกิดจริง ซึ่งเราสามารถพิมพ์คีย์เวิร์ด “True Story” ก็จะเจอคอนเทนท์สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงน่าสนใจมากมาย เช่น หนังเรื่อง Flight, American Sniper, Captain Phillips, Dunkirk หรือหนังเล่าถึงชีวิตวัยหนุ่มของบารัค โอบาม่า อย่าง Barry
อีกส่วน อยากให้ลองใช้คีย์เวิร์ด “Historical” ก็จะเจอคอนเทนท์ทั้งหนัง และซีรีส์ ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงประวัติศาสตร์เพียบเลย อย่างใครชอบเรื่องอาณาจักรหรือการปกครอง ก็เช่น The Crown, The Last Czars, Roman Empire หรือเอาไปทางบันเทิงกับหนังที่ดูได้เพลินๆ ก็จะเจอ The Last Samurai, Operation Finale, Darkest Hour, Enemy at the Gates เป็นต้น
7 : ค้นหา และเข้าใจ LGBTQ
คนที่ดูหนังแนวนี้อยู่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำกันมาก แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยลองชม เพราะคิดว่ารสนิยมไม่ได้เหมือนที่เราเป็น ก็อยากให้เปิดใจลองชม เพราะนอกเหนือจากการเพิ่มความเข้าใจในความสัมพันธ์อีกแบบ ยังมีหลายต่อหลายเรื่องที่มีเนื้อหาน่าติดตาม
คีย์เวิร์ดตรงตัวเลย สามารถค้นหา “LGBTQ” ได้ทันที จะมีทั้งหนัง และซีรีส์ มากมายให้เลือกชม จะแบบที่เป็นแค่มุมนึง ในเนื้อหาของเรื่อง อย่างซีรีส์ Elite, Orange is the new Black หรือจะลงลึกโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์แบบ LGBTX ก็มีทั้งคอนเทนท์ไทย และเทศ เช่น รักแห่งสยาม หนังไทยเรื่องเยี่ยม หรือ Handsome Devil หนังไอริชที่ดังพอตัว
และนอกเหนือจากหนังกับซีรีส์ ยังมีรายการ TV Show ที่ดูสนุกอยู่ด้วย อย่าง Queer Eye ที่มีคอนเซปท์สนุกๆ เกี่ยวกับ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ซึ่งเป็นชายไม่แท้ 5 คน ซึ่งพวกเขามีหน้าที่ เข้าไปแก้ไขชีวิตของคนธรรมดาคนนึง โดยไม่จำกัดเพศ (มีทั้งชายแท้, หญิงแท้, เกย์) ให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี ซึ่งตามมาด้วยความประทับใจมากมาย
8 : ค้นหากิจกรรมสุดสัปดาห์
ถึงช่วงนี้ทุกวันจะคล้ายกับวันหยุดอยู่บ้าน จนหลายคนหลงลืมวันคืน แต่หากเป็นช่วงเวลาปกติ การค้นหา Netflix ดูในช่วงสุดสัปดาห์ ถือเป็นกิจกรรมที่เราต้องทำบ่อยๆ ไม่ว่าจะกับครอบครัว, แฟน หรือเพื่อน
คีย์เวิร์ดนี้ เลยสามารถค้นหาได้สนุกๆ บน Netflix เช่นกัน อาจจะใช้คำว่า “Weekend with friends” หรือ “Family weekend” ก็จะเจอคอนเทนท์เบาๆ ที่สามารถชมได้หลากหลายวัย เหมาะแก่การดูแบบไม่ต้องโฟกัสมาก หรือดูกับคนอื่นที่อาจจะมีความชื่นชอบต่างกัน
นอกจากนั้นยังเพิ่มลูกเล่นกับคำว่า Weekend อย่าง “Weekend of a Champions” ก็จะเจอเรื่องราวบันดาลใจในมุมกีฬาไว้ดูสุดสัปดาห์ เช่น Senna สารคดีเกี่ยวกับไอล์ตัน เซนน่า นักแข่งรถ F1 ผู้ล่วงลับ, The Perfect Day เรื่องราวของฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส, Bobby Robson : More than a Manager เรื่องราวของบ๊อบบี้ ร็อบสัน กุนซือบรมครู
หรือจะเลือกใช้คำว่า “Weekend Warriors” เพื่อหาคอนเทนท์ลุยๆ บ้าระห่ำไว้บันเทิงสุดสัปดาห์ ก็จะเจอพวก Jackass the Movie, Scary Movie หรือหนังบ้าบออย่าง The Package, Eurotrip
9 : ค้นหาความหลุดกรอบ
ถ้าอยากจะผ่อนคลาย หรือดูอะไรที่มันเพี้ยนๆ หน่อย ก็ขอให้ใช้คีย์เวิร์ดคำว่า “Quirky” ได้เลย เพราะนอกจากจะเจอหนังแปลกตามความหมายคำแล้ว ยังจะเจอพวกคอนเทนท์ที่มีจินตนาการแปลกๆ ให้ได้เสพกัน
พูดถึงความแปลก มันไม่ได้หลุดโลก หรือยากจะเข้าใจเสมอไป บางทีความแปลกก็ทำให้เราไม่ต้องไปจำกัดกรอบความคิด และยึดติดกับความน่าจะเป็นจนเกินไป อย่างเช่น Eternal Sunshine of the Spotless Mind ที่ความไซไฟพาเราไปเจอความจดจำหวานแต่ขม หรือ Edward Scissorhands ที่ความแปลก พาไปเจอความประทับใจแบบไม่รู้ตัว
นอกจากแปลกเรื่องเนื้อหา และไอเดีย ยังรวมหนัง หรือซีรีส์ ที่เกิดจากความสัมพันธ์ที่แปลก ทั้งที่มา หรือการรู้จักันอีกด้วย เช่น Sierra Burgess is a Loser เรื่องราวของเด็กสาวธรรมดาไม่น่าจดจำ กับหนุ่มฮ็อตประจำไฮสกูล ที่พิสูจน์ความมั่นใจที่จะรัก และพูดความจริงกับตัวเอง
10 : ค้นหาตามอารมณ์
ปิดท้ายด้วยการค้นหาแบบง่ายๆ แต่น่าสนใจ นั่นคือการค้นหาว่าคุณอยากจะเสพคอนเทนท์อารมณ์ไหน เพราะบางทีการเลือกประเภทของหนัง เช่น Drama, Comedy, Action มันอาจไม่ตอบโจทย์เสมอไป
คำที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วคือคีย์เวิร์ด “Feel-good” ซึ่งจะเจอคอนเทนท์ดูแล้วอารมณ์บวกมากมาย แต่นอกเหนือจากฟีลกู้ดแล้ว อารมณ์อื่นที่แตกต่าง ก็สามารถค้นหาได้ด้วย
ขอแนะนำคำว่า “Dark” เช่น “Dark Movies” คุณก็จะเจออีกขั้วนึงของอารมณ์เลย อย่างพวกหนังลึกลับ หนังพิธีกรรม หรือถ้าเป็นความสัมพันธ์ ก็จะเจอพวก Gone Girl เป็นต้น หรือจะลองคำว่า “Emotional” ก็จะเจอกับคอนเทนท์สร้างอารมณ์ซึ้งๆ เช่น The Notebook, The Fault in Our Stars, Silver Linings Playbook เป็นต้น
แถมท้าย : ค้นหาโดยชื่อ หรือโค้ด
ครบ 10 การค้นหาน่าสนใจ ก็ขอปิดด้วยเทคนิคการค้นหาเล็กๆ น้อยๆ เผื่อใครอยากได้ทางเลือกเพิ่ม กับการค้นหาด้วยชื่อ หรือการใช้โค้ดที่มีคนไปแกะมาจากระบบของ Netflix เอง
การค้นหาด้วยชื่อ สามารถทำได้สะดวกมาก หากคุณเปิด Netflix ผ่าน PC หรือ Web Browser เพราะคุณจะสามารถคลิกชื่อนักแสดง หรือผู้กำกับได้เลย เพื่อค้นหาต่อ เช่น ดู The Hunger Games แล้วติดใจ ก็คลิก Jennifer Lawrence ระบบก็จะโชว์หนังเรื่องอื่นของเธอขึ้นมาทันที
หรือถ้าใครใช้ผ่าน Smart TV ก็ใช้วิธีพิมพ์ชื่อเอาแทนก็ได้ หากไม่สามารถคลิกที่ชื่อได้ เหมือนที่ว่าไป
ปิดท้ายด้วยการค้นหาด้วยโค้ด ซึ่งคุณต้องดูเว็บฝรั่งที่เขาไปรื้อจาก Netflix มา เช่น ไปที่ >> Netflix-codes.com <<
เข้าไปปุ๊บ สังเกตว่าเขาจะเรียงรายระบบการค้นหาของ Netflix ไว้ให้เพียบเลย เพราะเขาไปแกะจากระบบมานั่นเอง วิธีใช้ก็ง่ายมาก จะเลือกคลิกที่ตัวเลขสีแดงเพื่อไปยังการค้นหาบน Netflix ด้วยประเภทนั้นได้เลย (ต้องล็อคอินบน Netflix ไว้ก่อน)
หรือจะใช้วิธีใส่ตัวเลขตามลิสต์ก็ได้ โดยใส่ไปท้ายฟอร์แมต URL นี้ >> https://www.netflix.com/browse/genre/xxx
เมื่อใส่ตัวเลข เช่น ใส่ 869 ลงไปแทน xxx เมื่ออยากค้นหาหมวด “Dark Comedies” แล้วเอา URL ไปแปะบน Browser ก็จะพาไปค้นหาหมวดที่ว่าทันที
ข้อมูลเพิ่มเติม : Netflix-codes
Picture : Netflix, Endless Icons, Wikimedia Commons, Netflix-Codes, Le Groupe Ouest, The Romania Journal, Overblog, The New York Times, Chronicle, E! News, Steemit, Collider, IFC, Den of Geek, Tokyoesque, Amazon, Looper, The Standard, Time Magazine, The List