10 ผู้จัดการทีมค่าเหนื่อยมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 ผู้จัดการทีมค่าเหนื่อยมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ผู้จัดการทีมฟุตบอล ถือเป็นอาชีพที่มีความท้าทาย และมีรายได้ค่อนข้างมหาศาลเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้องมาทำงานในลีกที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น มันยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับตัวพวกเขาอยู่มากทีเดียว

เทรนเนอร์ทั้ง 10 รายต่อไปนี้ ติดอันดับได้รับค่าแรงมากที่สุดในลีกเมืองผู้ดี ซึ่งบางคนแสดงให้เห็นแล้วว่า คุ้มค่าแรงที่ต้นสังกัดจ่ายให้ไป แต่บางคนยังต้องพิสูจน์ฝีมือของตัวเองอีกพอสมควรว่า สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้

10. มิเคล อาร์เตต้า (อาร์เซน่อล ค่าเหนื่อย 5 ล้านปอนด์ต่อปี)

       หลังรับบทมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สุดยอดเทรนเนอร์ชาวสเปนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มานานหลายปีในที่สุด อาร์เตต้า ก็ได้โอกาสครั้งสำคัญด้วยการมาคุม อาร์เซน่อล อดีตทีมเก่าที่เขาเคยเป็นผู้เล่นในระหว่างปี 2011-2016

        อาร์เตเต้ ในวัย 38 ปี ถือเป็นโค้ชรุ่นใหม่ไฟแรง เขาทำทีมเน้นเกมรุกรวดเร็ว และพร้อมให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งอยู่เสมอ โดยในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล มีผู้เล่นอายุน้อยอย่าง บูกาโย่ ซาก้า และ เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ ได้แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว

9. แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี ค่าเหนื่อย 5.5 ล้านปอนด์ต่อปี)

       แลมพาร์ด ใช้เวลา 1 ฤดูกาลในการเป็นผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ก่อนจะได้โอกาสกลับมาคุมทีมเก่าอย่าง เชลซี เมื่อปี 2019 และตอนนี้ เขาก็ทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” กลายเป็นทีมที่เล่นได้น่าตื่นเต้นอย่างมาก

        ในฤดูกาลนี้ โค้ชวัย 42 ปี ผสมผสานนักเตะเก่า และผู้เล่นที่คว้ามาใหม่อย่าง ฮาคิม ซิเย็ค, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, ติอาโก้ ซิลวา และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้อย่างลงตัว จนทำให้ เชลซี กลายเป็นอีกทีมที่น่าจับตามองสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก  

8. ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล (เซาแธมป์ตัน ค่าเหนื่อย 6 ล้านปอนด์ต่อปี)

       ฮาเซนฮุทเทิล เป็นกุนซือที่ไม่ค่อยได้รับการพูดถึงมากนักในอังกฤษ แต่ผลงานของเขากับ เซาแธมป์ตัน ในช่วงที่ผ่านมา ก็สมควรได้รับคำชื่นชมอยู่บ้าง และในฤดูกาลนี้ เขาพา “นักบุญ” มีลุ้นคว้าตั๋วเล่นในฟุตบอลยุโรปในปีหน้า

        เทรนเนอร์ชาวออสเตรีย เป็นคนที่วางแท็คติคในแต่ละเกมได้อย่างยอดเยี่ยม เขารู้ว่า ควรจัดทีมเล่นแบบใดเมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า หรือทีมที่อยู่ในระดับเดียวกัน และบางทีในอนาคต เซาแธมป์ตัน อาจจะเล็กไปสำหรับ ฮาเซนฮุทเทิล ก็ได้

7. โอเล่ กุนาร์ โซลชา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่าเหนื่อย 7.5 ล้านปอนด์ต่อปี)

       หลังปลด โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกส ไปเมื่อปี 2018 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดึง โซลชา ซึ่งเป็นอดีตกองหน้าของทีมกลับมาคุมทัพชั่วคราว ก่อนจะประกาศเซ็นสัญญาถาวรกันในเดือนมีนาคมปี 2019 จนถึง ณ ปัจจุบัน

        อย่างไรก็ตาม ผลงานของ เทรนเนอร์ชาวนอร์เวย์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงตกอยู่ในเครื่องหมายคำถาม และเขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่า มีศักยภาพมากพอที่จะพาสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง “ปีศาจแดง” กลับมาทวงความสำเร็จอีกครั้ง

6. มาร์เซโล่ บิเอลซ่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด ค่าเหนื่อย 8 ล้านปอนด์ต่อปี)

       เทรนเนอร์เจ้าของฉายา “คนบ้า” พาทีมน้องใหม่หน้าเก่าอย่าง ลีดส์ กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งได้สำเร็จในรอบ 16 ปี ของสโมสร และในซีซั่นนี้ บิเอลซ่า ก็พาทีมทำผลงานได้ประทับใจแฟนบอลหลายต่อหลายนัดเลยทีเดียว

        กุนซือชาวอาร์เจนไตน์วัย 65 ปี มีการเซ็นสัญญากับ ลีดส์ ที่แปลกประหลาดพอสมควร เนื่องจากเขาร้องขอสัญญาแบบปีต่อปีเท่านั้น ซึ่งสาวก “ยูงทอง” คงต้องตื่นเต้นแทบทุกซัมเมอร์ว่า บิเอลซ่า จะอยู่สร้างสีสันต่อไปหรือไม่

5. แบรนแดน ร็อดเจอร์ส (เลสเตอร์ ซิตี้ ค่าเหนื่อย 10 ล้านปอนด์ต่อปี)

        หลังไม่ประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล ตลอดเวลา 3 ปี ร็อดเจอร์ส ก็ย้ายไปสร้างเครดิตกับ กลาสโกว์ เซลติก ในสก็อตแลนด์ ก่อนจะได้กลับมาแก้มือในอังกฤษอีกครั้งด้วยการคุม เลสเตอร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019     

เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ แปรเปลี่ยน เลสเตอร์ จากทีมที่เน้นรับ และโต้กลับไว ให้กลายเป็นทีมที่เน้นครองบอล และบุกใส่ขู่แข่งทันทีเมื่อมีโอกาส นอกจากนี้ เรายังเห็นได้ชัดว่า ร็อดเจอร์ส มีแท็คติคหลากหลายมากขึ้นเมื่อเจอกับทีมใหญ่ อาทิ ในเกมที่เขาพาทีมบุกไปชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-2 เมื่อต้นฤดูดาลที่ผ่านมา

4. คาร์โล อันเชล็อตติ (เอฟเวอร์ตัน ค่าเหนื่อย 11.5 ล้านปอนด์ต่อปี)

       ยอดฝืมือชาวอิตาเลียน ประสบความสำเร็จอย่างมากมายตลอดอาชีพกุนซือของเขาไล่ตั้งแต่ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, เชลซี, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, นาโปลี ก่อนจะมาคุม เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2019

        อันเชล็อตติ สร้าง เอฟเวอร์ตัน จากทีมที่น่าเบื่อ ให้กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยแท็คติคที่ละเอียดมากขึ้น และที่สำคัญเขาเป็นคนดึงนักเตะระดับโลกอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ เพลย์เมคเกอร์ชาวโคลอมเบีย มาสู่ถิ่นกูดิสัน ปาร์ค และปั้นกองหน้าดาวรุ่งอย่าง โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน จนติดทีมชาติอังกฤษ ไปเรียบร้อยแล้ว

3. เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล ค่าเหนื่อย 15 ล้านปอนด์ต่อปี)

       “มันไม่สำคัญว่าตอนคุณเข้ามาเป็นอย่างไร แต่คนจะจดจำในวันที่คุณลาจากไป โปรดให้เวลาเราเพื่อทำงาน ทั้งผม และ ลิเวอร์พูล นี่เป็นลีกที่ยากสุดๆ ผมไม่ได้บอกว่าเราสามารถทนได้นานถึง 20 ปี หากเรานั่งอยู่ตรงนี้ 4 ปี ผมคิดว่าเราต้องมีแชมป์สัก 1 รายการ ผมค่อนข้างมั่นใจ หากไม่ใช่ สถานีต่อไปของผมคงอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์”

ข้อความดังกล่าวคือคำสัมภาษณ์ของ คล็อปป์ หลังจากเข้ามากุมบังเหียนในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 2015 และตอนนี้ เขาพา ลิเวอร์พูล กวาดไปแล้ว 4 แชมป์ ไล่ตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ และ แชมป์สโมสรโลก

        ยอดเทรนเนอร์ชาวเยอรมัน สร้าง ลิเวอร์พูล ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลื่อเชื่อ เขาเป็นคนดึงนักเตะดังอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์, อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ มาร่วมทีม และเป็นคนปลุกปั้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จนกลายเป็นแบ็คขวาระดับท็อปไปเรียบร้อยแล้ว

2. โจเซ่ มูรินโญ่ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 15 ล้านปอนด์ต่อปี)

       ชื่อของ มูรินโญ่ คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของเขาอีกแล้วสำหรับพรีเมียร์ลีก โดย “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” คว้าแชมป์มาแล้วถึง 3 สมัยกับอดีตทีมเก่าอย่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี และยังเคยคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในระหว่างปี 2016-2018 มาแล้ว

        มูรินโญ่ เข้ามากุมบังเหียน สเปอร์ส เมื่อปี 2019 และตอนนี้ เขาก็พาให้พลพรรค “ไก่เดือยทอง” กลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างน่ากลัวจนมีโอกาสลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวไปแล้ว

1. เป็ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 20 ล้านปอนด์ต่อปี)

        ข่าวดีของ แมนฯ ซิตี้ ก็คือ กวาร์ดิโอล่า เพิ่งประกาศต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 2 ปี แต่สำหรับคู่แข่งมันเป็นข่าวร้ายที่พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” จะมีโค้ชยอดฝีมือที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายอยู่คุมทีมต่อไปอีก

        ในวัย 49 ปี กวาร์ดิโอล่า คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว 2 สมัย และดูทีท่าว่า ความสำเร็จของเขากับสโมสรจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน

ภาพประกอบ : skysports.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save