10 นักเตะแข้งเทพแต่ไม่เคยเสพแชมป์ UEFA - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 นักเตะแข้งเทพแต่ไม่เคยเสพแชมป์ UEFA

            จบไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศระหว่าง “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค โดยทีมจากเมืองเบียร์เป็นฝ่ายเอาชนะทีมจากแดนน้ำหอมไป 1-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ตัวแปรสำคัญที่ต้องยกเครดิตให้นอกจากตัวกุนซือของทีมอย่าง “ฮันซี่ ฟลิค” แล้ว บรรดานักเตะชั้นยอดในทีมก็ถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น “โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้” ดาวยิงที่ซีซั่นนี้ระเบิดฟอร์มโหดถล่มประตูไปมากกว่า 50 หรือ “ติอาโก้ อัลกานตาร่า” มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมที่ยิ่งเล่นยิ่งโดดเด่น หรือแม้แต่ “อัลฟอนโซ เดวีส์” แบ็คซ้ายดาวรุ่งวัย 19 ปีที่โชว์ฟอร์มโหดทั้งรับและรุกจนแฟนบอลบาร์ซ่าต้องจำไปอีกนาน แต่ในโลกของฟุตบอลก็ยังมีนักเตะอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ว่าจะฝีเท้าดีแค่ไหนหรืออยู่สโมสรยักษ์ใหญ่ขนาดไหนก็ไม่เคยได้สัมผัสถ้วย “บิ๊กเอียร์” เลยตลอดชีวิตการค้าแข้ง ดังนั้น วันนี้เราจึงขอแนะนำ 10 นักเตะแข้งเทพแต่ไม่เคยเสพแชมยูฟ่าฯ

มิชาเอล บัลลัค (Michael Ballack)

Source : caughtoffside

            อดีตจอมทัพอินทรีเหล็กที่เปี่ยมล้นด้วยฝีเท้าและความเป็นผู้นำ แต่เหมือนฟ้ากำหนดให้เขาได้แต่ยืนดูคู่แข่งชูถ้วยแชมป์ยุโรปครั้งแล้วครั้งเล่าโดยตัวเองไม่มีโอกาสขึ้นไปชูถ้วยแชมป์แม้แต่ครั้งเดียว โดยในปี 2002 บัลลัค โชว์ฟอร์มโหดทั้งในนามทีมชาติและสโมสร เขาพา “เยอรมนี” เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก

ในขณะเดียวกันก็พา “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เข้าถึงรอบชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่เขาเป็นได้แค่ “รองแชมป์” ทั้งสองรายการ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งบัลลัคก็ไม่เคยเฉียดใกล้ถ้วยยุโรปอีกเลย จนกระทั่งย้ายอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เขามีโอกาสอีกครั้งในรอบชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2008 แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าเป็น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไปครองในปีนั้น หลังจากนั้นในปี 2009 บัลลัคพาเชลซีเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย แต่ก็พลาดท่าให้กับ บาร์เซโลนา จากผลการตัดสินที่น่ากังขา หลังจากนั้นจอมทัพเยอรมันก็ไม่เคยเฉียดใกล้ถ้วยบิ๊กเอียร์อีกเลยจนกระทั่งแขวนสตั๊ด

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (Zlatan Ibrahimovic)

Source : en.as.com

            นักเตะเจ้าของฉายา “พระเจ้า” โลดแล่นอยู่ในวงการลูกหนังมากว่า 20 ปี ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำของยุโรปมาแล้วถึง 7 สโมสร ทั้ง อาแจ็กซ์, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน, เปแอสเช และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นให้ทุกทีมรวมกัน 808 นัด ทำได้เกือบ 500 ประตู คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 3 จาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ยังไม่รวมแชมป์ฟุตบอลถ้วยต่าง ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่เชื่อหรือไม่ว่าแม้แต่ “พระเจ้า” ก็ยังไม่เคยมีวาสนาได้สัมผัสแชมป์ใบใหญ่ของยุโรปแม้แต่ครั้งเดียว

ที่ดูจะใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นในช่วงปี 2011 เขาค้าแข้งอยู่กับ บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือสมองเพชรอย่าง “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ปีนั้นทัพ “อาซูลกราน่า” ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมใน แชมเปียนส์ลีก แต่ ซลาตัน ดันมีปัญหาส่วนตัวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างหนักจนเขาต้องย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน  สุดท้าย บาร์เซโลนา คว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกในปีนั้นได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ซลาตันในวัย 38 ปียังคงมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์รายการนี้ได้อยู่หากเขาไม่เลิกเล่นไปสะก่อน

จานลุยจิ บุฟฟ่อน (Gianluigi Buffon)

Source : wikimedia

          ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลี เคยพาทีมชาติไปถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 แต่สำหรับสโมสรแล้ว แม้บุฟฟ่อนจะถูกยกเป็นหนึ่งในตำนานคนหนึ่งของทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วยภายในประเทศมามากมายนับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีที่อยู่กับสโมสร แต่สำหรับแชมป์ยุโรปแล้วดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่ถูกโฉลกกับมือกาวรายนี้เลย

เพราะบุฟฟ่อนเข้าชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกถึง 3 ครั้ง แต่ก็พลาดแชมป์ทั้ง 3 ครั้ง โดยแพ้ให้กับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เอซี มิลาน ในปี 2003 ก่อนที่ในปี 2015 จะแพ้ให้กับ บาร์เซโลนา และครั้งล่าสุดก็แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ในปี 2018 แต่ถึงอย่างนั้นบุฟฟ่อนในวัย 40 สิบปีที่ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะแขวนถุงมือก็ยังพอมีลุ้นคว้าแชมป์รายการนี้สักครั้งในชีวิตอยู่ 

ปาทริค วิเอร่า (Patrick Vieira)

          ตำนานกัปตันทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ชุดแชมป์ไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-2004 เป็นแข้งเทพอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยได้ไปถึงการเป็นเจ้ายุโรป  แม้ว่าเขาจะมีโอกาสลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมทุกสโมสรที่เขาเคยค้าแข้งด้วยถึง 76 นัด แต่ วิเอร่า ก็ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยบิ๊กเอียร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ใกล้เคียงจนน่าเจ็บใจที่สุดคือ ในปี 2010 อินเตอร์ มิลานภายใต้การคุมทีมของ “The Special One” โจเซ่ มูริญโญ่ สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองได้สำเร็จหลังจาก วิเอร่า ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น

โรนัลโด้ R9 (Ronaldo)

Source : looddeaw

            นักเตะฟ้าประทานเจ้าของฉายา “The Phenomenon” หรือที่แฟนบอลไทยเรียก “โล้นทองคำ” เคยพาทีมชาติบราซิลไปถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดการเท่าที่โลกนี้เคยมีมา การันตีด้วยรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 3 สมัย

แถมผลงานกับสโมสรก็ไม่ธรรมดา เพราะโรนัลโด้เป็นหนึ่งในนักเตะเพียงไม่กี่คนที่เคยเล่นให้ทั้ง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด  เช่นเดียวกับที่เขาเล่นให้ทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน  อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ R9 ก็ไม่เคยมีวาสนาได้สัมผัสแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แม้แต่ครั้งเดียว ที่น่าเสียดายที่สุดคือ ในปี 2007 เขาย้ายจาก เรอัล มาดริด มาร่วมทัพ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลานในช่วงกลางฤดูกาล แม้ว่า เอซี มิลาน จะคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกได้ในปีนั้น แต่โรนัลโด้ก็ไม่ได้ลงสนามในรายการนั้นและไม่มีสิทธิ์ในถ้วยแชมป์นี้เพราะสมัยนั้นยังมีกฎ “คัพ-ไทด์” ที่ห้ามนักเตะลงเล่นให้ 2 สโมสรในฤดูกาลเดียวกัน

ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (Fabio Cannavaro)

Source : cloudfront

          ตำนานกัปตันทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 และยังได้ชื่อว่าเป็นกองหลังเพียงคนเดียวที่คว้าสุดยอดรางวัลอย่าง “บัลลงดอร์” ได้จนถึงปัจจุบัน  แม้เขาจะเคยค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำในยุคนั้นทั้ง ปาร์มา, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส แต่ คันนาวาโร่ก็ไม่เคยเฉียดใกล้ถ้วย แชมเปียนส์ลีก เลย แถมเขายังไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกด้วย

เดนนิส เบิร์กแคมป์ (Dennis Bergkamp)

Source : cachefly

          ตำนานดาวยิงที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร อาร์เซนอล  เบิร์กแคมป์คว้าแชมป์กับไอ้ปืนใหญ่มาแล้วแทบทุกรายการ โดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีกไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-2004 รับใช้ไอ้ปืนใหญ่มากกว่า 400 นัด ซัดไป 120 ประตู จนถูกเหล่า “เดอะ กันเนอร์ส” ยกย่องว่าเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสร แต่จนแล้วจนรอด เบิร์กแคมป์ ก็ไม่เคยลิ้มรสแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เลย  ที่น่าเสียดายที่สุดคือในปี 2006 อาร์เซนอล เข้าถึงรองชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ บาร์เซโลนา พลาดการคว้าแชมป์สมัยแรกของสโมสรไปอย่างน่าเสียดาย

รุด ฟาน นิสเตลรอย (Ruud van Nistelrooy)

Source : looddeaw

          ตำนานดาวยิงเบอร์ 10 ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พาแมนยูประสบความสำเร็จกวาดถ้วยแชมป์บนเกาะอังกฤษมาหมดแล้วทุกรายการ ทั้งแชมป์ลีก, เอฟเคคัพ และลีกคัพ ก่อนที่เจ้าตัวจะมีปัญหาส่วนตัวกับ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” จนต้องย้ายไปสวมเสื้อ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริดในปี 2006  ฟาน นิสเตลรอย ลงเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ให้กับทุกสโมสรรวมกันถึง 90 นัด ทำไปถึง 60 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 3 ครั้ง แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ เขาไม่เคยเฉียดใกล้ตำแหน่งแชมป์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดกับทีม มาลาก้า ในสเปนเมื่อปี 2012

ฟรานเชสโก้ ต็อตติ (Francesco Totti)

Source : cloudfront

          เจ้าชายหมาป่าแห่งกรุงโรมถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอิตาลี ทั้งชีวิตการเป็นนักเตะ เขาค้าแข้งอยู่กับ “โรม่า” เพียงทีมเดียวตลอด 26 ปี ลงสนามรับใช้ โรม่า ไปมากกว่า 780 นัด ทำได้ 307 ประตูในทุกรายการ  แม้ทีมหมาป่ากรุงโรมจะไม่ใช่ทีมยักษ์ใหญ่ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในเวทียุโรปมากนัก แต่ต็อดติก็ยังคงซื่อสัตย์รับใช้ โรม่า เพียงทีมเดียว ทำให้เขาแทบไม่มีเกียรติประวัติในการแข่งขันระดับเวทียุโรปเลย โดยผลงานที่ดีที่สุด คือผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น แน่นอนว่า ถ้าต็อตติเลือกย้ายไปเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่น ด้วยฝีเท้าระดับเขาจะต้องมีเหรียญรางวัล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองบ้างสักครั้งหนึ่งแน่นอน

พาเวล เนดเวด (Pavel Nedved)

Source : ufaarena

            ตำนานนักเตะแห่งทัพ “เบียงโคเนรี่” คู่กับ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ค้าแข้งอยู่กับ ยูเวนตุส ถึง 10 ปี ลงเล่นไปเกือบ 300 นัด ทำได้กว่า 50 ประตู  พาเวล เนดเวดเป็นอีกหนึ่งแข้งเทพที่ไม่ถูกโฉลกกับถ้วยบิ๊กเอียร์เอาเสียเลย เขามีโอกาสจะก้าวขึ้นไปชูถ้วยเจ้ายุโรปนี้หลายครั้ง แต่ก็ต้องมีอันชวดไปทุกครั้ง เช่น ปี 1999 เขาพาไอ้ม้าลายบุกไปเสมอ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงถิ่น โอร์ล ทรัฟฟอร์ด 1-1 ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านยำใหญ่ใส่ทัพ “เรด เดวิล” ออกนำไปก่อนถึง 2-0 แต่จบเกมกลับกลายเป็นแมนยูพลิกมาชนะ 3-2 ด้วยการยิงคืน 3 ลูกรวดถีบ ยูเวนตุส ตกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เนดเวดมีโอกาสแก้มืออีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศปี 2003-2004 แต่ในเกมนั้นเขาไม่ได้ลงเล่นในสนามเนื่องจากติดโทษแบน สุดท้ายไอ้ม้าลายพ่ายการดวลจุดโทษให้กับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เอซี มิลาน ได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ ตราบจนเขาแขวนสตั๊ดในปี 2009 ก็ไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียกส์ลีก เลย

Text – Exocet

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save