10 เกม FPS ยอดเยี่ยมประจำปี 2020 - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 เกม FPS ยอดเยี่ยมประจำปี 2020

มาในปี 2020 นี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ชวนให้ชาวเกมเมอร์ต้องกระเป๋าฟีบกันอีกครั้ง เพราะมันก็เป็นอีกปีที่มีเกมคุณภาพออกมาให้เราได้เล่นกันไม่เว้นแต่ละเดือน

ซึ่งสำหรับเราชาว FPS ก็อาจจะเป็นปีที่เงียบเหงาไปซะหน่อยเพราะมันก็มีเกม FPS ไม่กี่เกมที่ออกมาให้เราได้เล่นกัน ต่างจากเกมแนวอื่นๆ ที่แข็งขันกันอย่างหนักหน่วงทั้งแนว Action ที่มีตัวเป้งอย่าง Ghost Of Tsushima หรือ RPG ที่มีเกมชื่อใหญ่ๆ ที่พร้อมดูดเงินเราอีกหลายเกม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีเกมดีๆ ที่ให้คอเกมเดินหน้ายิงอย่างคุณได้ใจชื้นอยู่บ้างและนี่ก็คือหัวข้อในวันนี้กับ 10 เกม FPS ยอดเยี่ยมประจำปี 2020 จะมีเกมอะไรบ้างนั้นเรามาเริ่มรับชมกันเลย

1. Serious Sam 4 (68 คะแนน) 

มาเริ่มกันที่เกมแรกในวันนี้กับซี่รี่ส์พี่แซมเครียด Serious Sam 4 เกมภาคล่าสุดของซี่รี่ส์ โดยเนื้อเรื่องในเกมภาคนี้จะเป็นเหตุการณ์ก่อนเกมภาค 3 แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็ขอบอกเลยว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรเลย เพราะแก่นหลักของเกมก็คือการวิ่งควงปืนยิงเอามันส์กับศัตรูทั้งกองทัพต่างหาก ซึ่งมาในภาคนี้ตัวเกมก็ยังคงรักษากลิ่นอายของตัวเองไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Gun Play สุดเดือดพร้อมอาวุธที่มีให้เลือกมากมาย ไปจนถึงศัตรูที่มีอยู่หลากหลายชนิดรอให้เราได้ประเคนลูกตะกั่วอีกนับไม่ถ้วน หากคุณกำลังมองหาเกมเล่นเอามันส์ลุยแหลกลูกเดียว Serious Sam 4 นี่แหละลองเลย

2. Hyper Scape (68 คะแนน)

แม้ในตอนนี้กระแสของตัวเกมจะเงียบเหงาลงกว่าเมื่อก่อนแต่ในตอนเปิดตัว Hyper Scape ก็เรียกได้ว่าเป็นเกม FPS Battle Royale งานดีอีกหนึ่งรายที่สามารถฉีกตัวเองออกมาจากเงาของยักษ์ใหญ่ประจำวงการอย่าง PUBG และ Fortnite ได้สำเร็จซึ่งจุดเด่นของมันก็คือ Mobility หรือก็ความสามารถในการเคลื่อนไหวของเราที่มันจะโลดโผนมากกว่าเกม Battle Royale เกมอื่นๆ (แอบเร็วๆ กว่า Apex ด้วยนะ) แถมตัวเกมยังมีเงื่อนไขในการชนะมากกว่าการเป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้าย นั่นก็คือการรักษามงกุฎที่เราเก็บได้ท้ายเกมให้ครบตามเวลาที่กำหนด ด้วยเหตุนี้มันก็เป็นการตัดปัญหาการ Camping และช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเล่นให้เร้าใจขึ้นได้เป็นกอง

3. Phantom: Covert Ops (75 คะแนน)

Phantom: Covert Ops เป็นเกมแนว FPS ผสมกับแนว Stealth ที่มีให้เล่นบน Oculust Quest โดยภายในเกมเราจะได้รับบทเป็นสายลับที่ต้องทำภารกิจไปพร้อมกับการพายเรือคายัค (คือพี่ไม่มีอุปกรณ์ดีกว่านี้แล้วหรอ) และผู้เล่นสามารถเลือกที่จะจบภารกิจแบบเงียบๆ ตามสไตล์เกมลอบเร้นหรือถ้าอยากยิงฝ่าวงล้อมแบบ Call of Duty ก็ทำได้เช่นกันแต่อาจเป็นเพราะความสั้นของตัวเกมบวกกับ AI ที่อาจจะบื้อไปนิดเลยทำให้มันได้คะแนนไม่มากเท่าที่ควร

4. Post Void (76 คะแนน) 

หากเราลองนำเกมเดินยิงสุดเดือดอย่าง Hotline Miami มาเปลี่ยนมุมมองจาก Top Down Shooter มาเป็นแนว FPS ผลที่ได้ก็คือเกมยิงสุดมันส์อย่าง Post Void เกม FPS ภาพสไตล์ Retro ที่ชวนให้เราคิดถึงเหล่าเกมยิงคลาสสิกอย่าง Doom หรือ Wolfenstein แต่นอกจากงานภาพที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว Post Void ยังมีทีเด็ดอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือความท้าท้ายสุดบ้าระห่ำของเกมการเล่นไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบ 1 Hit Kill ที่ทั้งเราและศัตรูจะตายทันทีหลังจากโดนดาเมจเพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากนั้นตัวเกมยังไม่มีระบบ Checkpoint ถ้าพลาดตายก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น (ห่ามสุดๆ ไปเลยล่ะครับ) 

5. Call Of Duty: Black Ops Cold War (79 คะแนน)

หลังจากความปังของภาค Modern Warfare ฉบับ Reboot ในปี 2019 ในปีนี้ก็ถึงตาของซี่รี่ส์ Black Ops กันบ้างกับ Call Of Duty: Black Ops Cold War ที่จะเป็นเนื้อเรื่องต่อจากเหตุการณ์ใน Black Ops ภาคแรกทำให้เราได้เห็นตัวละครที่เราคุ้นเคยทั้ง Woods, Mason และ Hudson ที่มากันครบก๊วนรวมไปถึงเหล่าตัวละครใหม่อย่าง Adler ที่จะมาเสริมทีมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงมีเนื้อเรื่อง Campaign สุดเข้มข้นตามแบบฉบับ COD แถมเรายังมีตัวเลือกในการกระทำที่จะส่งผลถึงฉากจบของเกมที่มีอยู่แบบและที่สำคัญโหมด Zombie ก็ยังมีให้เรา ได้เล่นกันในเกมภาคนี้เหมือนเดิมด้วย

6. Call Of Duty: Warzone (79 คะแนน)

จากโหมดแยกใน Modern Warfare สู่การเป็นเกม Standalone ที่ยืนได้ด้วยตัวเอง Call Of Duty: Warzone ในเวลานี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งขาใหญ่ประจำวงการ Battle Royale เคียงคู่กับรุ่นพี่อย่าง PUBG, Fortnite และ Apex Legends ได้อย่างสมภาคภูมิซึ่งจุดเด่นของเกมนี้ก็คือ Gun Play ที่แม้ว่าจะง่ายกว่าเกมอื่นๆ แต่มันก็ยังคงความดุเดือดสไตล์ COD ไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนั้นตัวเกมยังมีโหมดการเล่นที่หลากหลายทั้งโหมด Battle Royale สุดมันส์, Plunder โหมดตายเกิดสุดมันส์ที่ทวีความนัวแบบขั้นสุด หรือจะเป็นโหมดพิเศษอื่นๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาตามเทศกาลต่างๆ ที่ให้เราเล่นได้ไม่มีเบื่อ

7. Valorant (80 คะแนน) 

ในช่วงแรกที่ Valorant ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกใครหลายคนก็ต่างพูดเป็นเสียงกันว่ามันเหมือนเป็นการเอาสองเกมดังอย่าง Overwatch และ CS: GO มาผสมรวมกันจนกลายเป็นเกมใหม่ขึ้นมาซึ่งเอาจริงๆ มันก็เป็นคำอธิบายที่ดูเข้ากับเกมดีเหมือนกันเพราะใน Valorant จะมีกลิ่นอายความเป็น Hero Shooter สไตล์ Overwatch อยู่ไม่น้อยทั้งการเลือกตัวละครที่มีความสามารถแตกต่างกัน (สกิลแอบคล้ายๆ OW ด้วย) กับระบบซื้อปืนที่แทบจะถอดแบบมาจาก CS:GO รวมไปถึง Gun Play ที่มี Recoil Pattern ชัดเจนและเรื่องของการบริหารการเงินที่เหมือนกับ CS ไม่มีผิดเพี้ยน หากใครที่กำลังเบื่อเกมยิงเดิมๆ Valorant ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้ได้เลยล่ะครับ

8. Deep Rock Galactic (85 คะแนน) 

Deep Rock Galactic จะเป็นเกมเดินยิง Co-op แบบ PVE ที่เราจะได้สวมบทบาทเป็นเหล่า คนแคระที่จะต้องตะลุยภารกิจในดวงดาวที่เต็มไปด้วยอันตราย โดยเกมเพลย์หลักๆ ของ Deep Rock Galactic จะเป็นการให้เราจำเป็นต้องร่วมมือกับผู้เล่นอื่นๆ อีกสามคนเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ นอกจากนั้นตัวเกมยังมีระบบคลาสให้เราได้เลือกเล่นไม่ว่าจะเป็น Driller ที่ทำหน้าที่ในการขุดเปิดทางให้กับคนในทีมหรือจะเป็น Engineer ที่มีความสามารถในการตั้งป้อมปืนพร้อมปืนระเบิด Grenade Launcher ถ้าคุณไม่ชอบเกมแบบ PVP แต่ก็อยากหาเกมไว้เล่นกับเพื่อนก็ลองถอย Deep Rock Galactic มาลองกันไม่เสียหาย

9. Doom Eternal (88 คะแนน) 

กลับมาอีกครั้งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม Doom Eternal คืออีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกจากทีมงาน id Software โดยเกมในภาคนี้จะเป็นการต่อจาก Doom 2016 เราจะได้รับบทเป็น Doom Slayer นักรบสุดระห่ำคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือมีศัตรูชนิดใหม่ๆ ให้เราได้ตบกันเพียบด้วยอาวุธจากเกมภาคก่อนที่มีกลับมาให้เราได้ใช้อย่างครบถ้วน แถมในเกมภาคนี้ก็มีคอนเทนต์ที่อัดแน่นจุใจตั้งแต่โหมดเนื้อเรื่อง, Battlemode, Invasion และ DLC The Ancient Gods ที่โคตรจะท้าทายเรียกได้ว่าปีนี้คงเป็นปีที่แฟนๆ Doom ชื่นใจไม่น้อยเลย

10. Half-Life: Alyx (93 คะแนน) 

ถึงมันจะไม่ใช่ Half-Life 3 แต่มันก็ยังดีที่ Valve ยังไม่ลืมเกมซี่รี่ส์ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา Half-Life: Alyx เป็นเกมภาคล่าสุดของซี่รี่ส์แถมมันยังแหวกขนบมาเป็นเกม VR แบบเต็มตัวซึ่งมันก็ดูเป็นไอเดียที่แปลกแต่กลับได้ผลเกินคาดเพราะด้วยความที่มันเป็นเกม VR ประสบการณ์ที่ได้จากการเล่นเกมมันก็จะต่างกับการเล่นเกม FPS ทั่วๆ ไปทั้ง Action ต่างๆ ที่เราจะต้องเป็นคนทำเองทั้งการแก้ปริศนาที่เราต้องก้มๆ เงยๆ มองหาวิธีแก้เอาเอง, การรีโหลดปืนที่เราจะต้องทำเองทั้งหมด ไปจนถึงการหลบเข้ากำบังที่เราต้องย่อตัวจริงๆ แถมเนื้อเรื่องของมันก็ยังน่าติดตามให้เราติดหนึบไปกับมันจนถึงตอนจบพูดได้เลยว่า Half-Life: Alyx ควรค่าแก่คะแนนที่สูงที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับวงการเกม FPS ในปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ดีไม่เลวเลยเพราะถึงแม้ว่าเกมแนวนี้จะเริ่มออกมาเกลื่อนตลาดขึ้นทุกวัน แต่มันก็ยังคงเป็นแนวเกมที่เล่นสนุกได้หากทำออกมาดีอย่างที่เราเห็นๆ กันกับเกม Doom Eternal ที่ถึงแม้แก่นหลักของมันก็คือการวิ่งยิงศัตรูเฉยๆ แต่ด้วยความดุเดือดของมันก็ชวนให้ใครหลายคนหลงรักเกมนี้ได้ไม่ยาก หรือจะเป็นเกมดังอย่าง Half-Life: Alyx ที่สามารถยกระดับเกม VR ให้สูงขึ้นกว่าเก่าและมันก็ยังแม่แบบสำคัญให้กับเกม VR ที่จะอาจจะออกมาอีกในอนาคตอีกด้วยเรียกได้ว่าปีนี้เกม FPS นั้นเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณจริงๆ 

ที่มา – ThisIsGame

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save