“เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” คตินี้ยังคงอยู่คู่กับวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนาน และมันยังใช้ได้อยู่เสมอในปัจจุบันไม่ว่า จะเป็นการแข่งขันในลีกระดับใดก็ตาม ซึ่งเกมรับที่แข็งแกร่งก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันมีจุดเริ่มต้นจากนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เช่นเดียวกัน บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ที่เดินหน้ากวาดความสำเร็จมาอย่างมากมายนั้น พวกเขามักจะมีปราการหลังระดับท็อปที่คอยยืนบัญชาการเกมรับ และเป็นเหมือนกำแพงเหล็กที่คอยปกป้องพื้นที่ด้านหลังของทีม
นักเตะทั้ง 10 รายต่อไปนี้ เรียกได้ว่า เป็นสุดยอดกองหลังของวงการลูกหนังลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ซึ่งพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า พวกเขาสมควรทุกประการที่จะมีชื่ออยู่ในทำเนียบนี้
10. เวอร์จิล ฟาน ไดจค์
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ย้ายจาก “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคมปี 2018 พร้อมกับสร้างผลกระทบทำให้กับแนวรับ “หงส์แดง” ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน แข็งแกร่งขึ้นทันที
ฟาน ไดจค์ เป็นปราการหลังตัวกลางสมัยใหม่ที่เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น, ครองบอลดี, ผ่านบอลสั้น-ยาวได้อย่างแม่นยำ, เยือกเย็น, เก่งลูกกลางอากาศได้ดี และอ่านจังหวะเกมได้อย่างเฉียบขาด ซึ่งเขาเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ในแผงหลังของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
นับตั้งแต่ย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์ ดาวเตะดัตช์ พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ , แชมป์สโมสรโลก และกำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้
9. แว็งซองต์ กอมปานี
กอมปานี ถือเป็นนักเตะในยุคไล่ล่าความสำเร็จช่วงต้นๆของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาย้ายจาก ฮัมบูร์ก มายังถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2008 พร้อมกับได้รับปลอกแขนกัปตันทีม “เรือใบสีฟ้า” ในเวลาต่อมา รวมทั้งได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักเตะที่จงรักภักดีที่สุดของสโมสรอีกด้วย
กองหลังชาวเบลเยียม เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง, มีความเป็นผู้นำ และโชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอตลอด 11 ซีซั่นกับ แมนฯซิตี้ ก่อนจะประกาศอำลาสโมสรเมื่อซัมเมอร์ปี 2019 และจนถึงตอนนี้ “เรือใบสีฟ้า” ก็ยังหาตัวแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับเจ้าตัวไม่ได้เลย
กอมปานี ลงเล่นให้กับ แมนฯซิตี้ รวมทุกรายการ 360 เกม ซัดไป 20 ประตู พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีก คัพ 4 สมัย
8.สตีฟ บรูซ
บรูซ ย้ายจาก นอริช ซิตี้ มาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1987 ด้วยค่าตัวเพียง 825,000 ปอนด์ เท่านั้น และถือเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดเท่าที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ “ปีศาจแดง” เคยทำมา
บรูซ เปรียบเสมือนภูผาหินในแนวรับของ แมนฯยูไนเต็ด ในยุคที่สร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยปราการหลังชาวอังกฤษ ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด 9 ปีเต็ม ลงเล่นไปรวมทุกรายการ 414 เกม ซัดไป 51 ประตู พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย
7. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
คาร์วัลโญ่ เป็นหนึ่งในขุนพลหลักของ เชลซี ยุคครองความยิ่งใหญ่ภายใต้การนำทัพของกุนซือเจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” โจเซ่ มูรินโญ่ โดยกองหลังชาวโปรตุกีส ผนึกกำลังร่วมกับ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้อย่างเหนียวแน่น และแข็งแกร่ง
ปราการหลังเลือดฝอยทอง อาจไม่ได้เป็นผู้เล่นมีสไตล์การเล่นหวือหวา หรือน่าตื่นเต้นมากนัก แต่ทักษะในการเล่นเกมรับ, การอ่านเกม และการเข้าสกัดจังหวะต่างๆของเขานั้น ยอดเยี่ยมมาก รวมทั้งยังช่วยป้องกันจังหวะวิกฤตให้กับ เชลซี หลายต่อหลายครั้ง
คาร์วัลโญ่ อยู่รับใช้ เชลซี นาน 6 ฤดูกาล ลงเล่นรวมทุกรายการ 210 เกม ซัดไป 11 ประตู พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, และลีก คัพ 2 สมัย ก่อนจะอำลาสโมรย้ายตาม มูรินโญ่ ไปยัง เรอัล มาดริด ในปี 2010
6.แกร์รี่ พัลลิสเตอร์
พัลลิสเตอร์ ถือเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวอังกฤษที่แพงที่สุดในยุคของเขาหลังย้ายจาก มิดเดิ้ลสโบรช์ ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 2.3 ล้านปอนด์ เมื่อปี 1989
ภายในทีม แมนฯยูไนเต็ด ช่วงยุค 90 นั้น พัลลิสเตอร์ ผนึกกำลังในแนวรับร่วมกับ สตีฟ บรู๊ซ ได้อย่างแข็งแกร่ง และปราการหลังทั้ง 2 ราย คือหนึ่งในคู่เซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดของทัพ “ปีศาจแดง” เลยก็ว่าได้
พัลลิสเตอร์ อยู่ค้าแข้งกับ แมนฯยูไนเต็ด 9 ฤดูกาล พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย
5.เนมันย่า วิดิช
ปราการหลังจอมบู๊ชาวเซอร์เบีย ย้ายจาก สปาร์ตัก มอสโกว์ มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปี 2005 ด้วยค่าตัวเพียง 7 ล้านปอนด์ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขาตอบแทนให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างมหาศาล
วิดิช ถือเป็นนักเตะจอมทุ่มเทคนหนึ่งของ แมนฯยูไนเต็ด เขาพร้อมเข้าปะทะกับคู่แข่งทุกจังหวะโดยไม่กลัวบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเล่นฟุตบอลอย่างถวายหัวเพื่อช่วยให้ “ปีศาจแดง” คว้าชัยชนะในทุกๆเกมที่ลงแข่งขัน
กองหลังชาวเซิร์บ ค้าแข้งกับ แมนฯยูไนเต็ด นานถึง 9 ปี ลงเล่นรวมทุกรายการไป 300 เกม ซัดไป 21 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
4.โทนี่ อดัมส์
สุดยอดตำนานกัปตันทีม อาร์เซน่อล และหนึ่งในวันแมนคลับของวงการฟุตบอลอังกฤษ อดัมส์ ทำหน้าที่ปกป้องแนวรับให้กับพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” ได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดเวลา 19 ปีที่เข้าเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้
อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ เป็นนักเตะรุ่นเก่าที่มีสไตล์การเล่นเกมรับเหนียวแน่น, ดุดัน, สั่งการเพื่อนร่วมทีมอยู่ตลอดเวลา และพร้อมปะทะกับคู่แข่งในทุกจังหวะอีกด้วย
อดัมส์ ลงเล่นให้กับ อาร์เซน่อล รวมทุกรายการไปมากถึง 672 เกม ซัดไป 49 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย
3. โซล แคมป์เบลล์
หนึ่งในนักเตะค่าตัวฟรีที่ดีที่สุดตลอดกาลของ อาร์เซน่อล แคมป์เบลล์ ย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ คู่อริร่วมกรุงลอนดอน มาเล่นกับ “ไอ้ปืนใหญ่” แบบไม่มีค่าตัวในปี 2001 พร้อมกับสร้างความโกรธแค้นให้กับสาวก “ไก่เดือยทอง” เป็นอย่างมาก
กองหลังชาวอังกฤษ เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของ อาร์เซน่อล ทันที นอกจากนี้ แคมป์เบลล์ ยัเป็นหนึ่งในขุนพลหลักของพลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” ชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายในซีซั่น 2003-2004 อีกด้วย
แคมป์เบลล์ ค้าแข้งกับ อาร์เซนอล นาน 6 ปี ลงเล่นไปรวมทุกรายการ 197 เกม ซัดไป 11 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และเอฟ คัพ 2 สมัย
2. ริโอ เฟอร์ดินานด์
อดีตกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษ เฟอร์ดินานด์ ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด มาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2002 พร้อมกับยึดตำแหน่งตัวจริงในแนวรับของ “ปีศาจแดง” ทันที
เฟอร์ดินานด์ เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิค, มีความเยือกเย็น, อ่านเกมเด็ดขาด และโชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาอย่างมาก และเมื่อได้ยืนจับคู่กับ เนมันย่า วิดิช นั้น พวกเขาทั้ง 2 คน ถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆในยุโรปเลยก็ว่าได้
อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ค้าแข้งกับกับ แมนฯยูไนเต็ด เป็นเวลา 12 ฤดูกาล ลงเล่นไปรวมทั้งสิ้น 455 เกม ซัดไป 8 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
1.จอห์น เทอร์รี่
ตำนานกัปตันแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และความภาคภูมิใจของ เชลซี เทอร์รี่ ถือเป็นเด็กลูกหม้อขนานแท้ของสโมสรก่อนจะก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ และได้รับเกียรติสวมปลอกแขนผู้นำทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ในเวลาต่อมา
อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษ มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นกองหลังระดับท็อปของวงการฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีเท้า, สั่งการเพื่อนร่วมทีม,ความทุ่มเท 100 เปอร์เซนต์ และความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ
เทอร์รี่ ค้าแข้งกับ เชลซี นานถึง 19 ปี พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และยูโรป้า ลีก 1 สมัย
ภาพประกอบ : skysports.com, sports.yahoo.com