Mazda 2 2020 ใหม่ ที่มีการปรับโฉมใหม่ให้มีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นในไซส์คอมแพ็ค กับเครื่องยนต์ที่ยังคงมีให้เลือก 2 ตัวเลือกด้วยกันคือ
Skyactiv G 1.3 แถวเรียง 4สูบ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิล, แก๊สโซฮอล์95, E10, E20 อัตราบริโภคน้ำมัน 23.3 กม./ลิตร
และ Skyactiv D 1.5 Turbo แปรผัน 4 สูบ น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล อัตราบริโภคน้ำมัน 26.3 กม./ลิตร
Skyactiv G เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนกำลังอัด 12.0:1 ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากการเผาไหม้ที่มีแรงอัดสูง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและแรงบิดเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นเก่าของ Mazda. Skyactiv G เทคโนโลยีใหม่ของเครื่องยนต์เบนซินที่ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แรงบิดเพิ่มขึ้น และค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำถึง 100 กรัม/กม.
Sky Active G 1.3 สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ที่ 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร
Mazda เลือกที่จะออกแบบเครื่องยนต์ใหม่ให้มีน้ำหนักที่เบาลง เพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น ทำให้ Skyactiv G มีน้ำหนักลูกสูบเบาขึ้น 20% ก้านสูบเบาขึ้น 15% และความเสียดทานภายในเครื่องยนต์ลดลง 30% (เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ MZR ขนาดความจุ 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม) ทำให้ต้นกำลัง Skyactiv G ใหม่มีความคล่องตัว เร่งขึ้นเร็ว ในขณะที่สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง 15%
Skyactiv D เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนกำลังอัดเพียง 14.0:1 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ไม่ต้องใช้หัวเทียนช่วยจุดระเบิด เชื้อเพลิงที่ถูกฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้จะจุดระเบิดได้ด้วยตัวเอง ภายใต้ความดันและอุณหภูมิที่สูง(Top Dead Centre หรือ TDC) หรือจังหวะเมื่อหัวลูกสูบเข้าใกล้ฝาสูบ เพื่อให้การสตาร์ทรถขณะเครื่องยนต์เย็นและได้การเผาไหม้ที่เสถียรระหว่างช่วงอุ่นเครื่อง พร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์พร้อมหัวฉีดโซลีนอยด์ ออกแบบเพื่อให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้ประสิทธิภาพหารใช้เชื้อเพลิงดีขึ้น 20%
Skyactiv D 1.5 turbo สามารถทำแรงม้าได้สูงสุดที่ 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ Skyactiv D ยังมีน้ำหนักของลูกสูบและเพลาข้อเหวี่ยงที่ลดลง 25% และลดความเสียดทานภายในเครื่องยนต์รวมได้อีก 20% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล MZR-CD ทำให้การตอบสนองดีขึ้น พละกำลังที่แรงกว่า และการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่า
เราจะเห็นได้ว่า Skyactiv D 1.5 turbo นั้นมีอัตราเร่งที่สูงกว่า Skyactiv G 1.3 รวมถึงอัตราบริโภคน้ำมันที่ทำได้ดีกว่า Skyactiv G 1.3 อีกด้วยเช่นกัน แต่ข้อสังเกตที่เราจะเห็นกันได้ชัดเรื่องนึงเลยคือ Skyactiv D 1.5 turbo เขม่าที่สะสมไว้ในกรองมีประสิทธิภาพดีในการเผาตอนใช้รอบที่สูง จึงเหมาะสมกับการขับเดินทางไกลมากกว่าขับในเมือง เพราะ เขม่าที่นำกลับมาเผาใหม่จะเผาไม่หมด ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการสั่นและเร่งไม่ขึ้น. ซึ่งเหมาะสมในการใช้ทางไกลมากกว่าระยะสั้น ถ้าเลือกใช้ขับในเมือง Skyactiv G 1.3 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Skyactiv D 1.5 turbo