อย่างที่ทราบกันดีครับ ว่าหากจะพูดถึงลีกสูงสุดของเมืองมักกะโรนีอย่าง “กัลโช่ เซเรีย อา” แล้วนั้น “ม้าลาย” ยูเวนตุส เป็นเต้ยที่ยึดหัวหาดคว้าแชมป์ลีกอยู่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยหากนับถึงแชมป์ในซีซั่นที่แล้ว กลายเป็นว่า “ยูเว่” ครองแชมป์เซเรีย อา ติดต่อกันถึง 8 สมัยแล้ว

โดย 8 สมัย ใน 8 ปีให้หลัง เป็นผลงานของ “อันโตนิโอ คอนเต้” ติดต่อกัน 3 สมัย ก่อนจะสานต่อความยิ่งใหญ่โดย “มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี” อีก 5 สมัย ก่อนจะเปลี่ยนกุนซืออีกครั้งในซีซั่นนี้ กับ “เมาริซิโอ ซาร์รี่” อดีตกุนซือของนาโปลี และเชลซี

แม้จะยังมีเครื่องหมายคำถามว่าซาร์รี่ กุนซือสิงห์อมควัน จะทำให้ยูเว่เข้าที่เข้าทางได้รวดเร็วแค่ไหน หลังจากซีซั่นที่แล้วมีปัญหาไม่น้อย กับการคุมเชลซี แต่ด้วยตัวผู้เล่นระดับคุณภาพ นำโดย “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” และการเสริมทัพโหดๆ อย่าง “มาไธส์ เด ลิกต์” ก็ยังคงทำให้พวกเขาเป็น “เต็งจ๋า” ที่จะคว้าแชมป์สมัยที่ 9 ติดต่อกัน อยู่ดี

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าการเต็งตามหน้าสื่อ จะการันตีแชมป์ของ “ม้าลาย” ได้ 100% เสมอไป เพราะยังมีอีกหลายทีมที่น่าสนใจ และพร้อมท้าทายตำแหน่งแชมป์สคูเด็ตโต้ ซึ่งเราจะลองมาดูกัน ว่ามีทีมไหนกันบ้าง

นาโปลี

สถานะที่ผ่านมา :
ยอดทีมจากเนเปิ้ลส์ ถือเป็นทีมที่สู้กับยูเว่ได้ใกล้เคียงที่สุด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่พวกเขาจะมีช่วงสะดุดให้เห็นอยู่เป็นประจำในช่วงกลาง หรือปลายซีซั่น กว่าจะกลับมาเรียกฟอร์มชนะติดๆ ได้ ก็มักจะสายเกินกว่าจะไล่ตามยูเว่ ที่เล่นได้แน่นอนกว่าในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม

กุนซือ :
“คาร์โล อันเชล็อตติ” ชื่อนี้ไม่มีใครสงสัยในฝีมือ ซีซั่นที่แล้ว แม้จะเริ่มต้นฝืดไปบ้าง แต่สุดท้ายอันเช่ ก็พานาโปลีกลับมาในมาตรฐานเดิม แผนการเล่นของอันเช่ แม้จะดูไม่หวือหวา แต่มีความสมดุล อย่างไรก็ดี การเข้าทำของนาโปลี ยังต้องฝากความหวังการเล่นแบบชิงจังหวะ ทำให้แนวรุกของพวกเขา เต็มไปด้วยตัวที่คล่องแคล่ว

นักเตะ :
นาโปลี ทุ่มเงินพอสมควรในการเสริมทัพ 2 จุดใหญ่ เสริมแดนหลังด้วยการซื้อ “คอสตาส มาโนลาส” มาจากโรม่า ทดแทนการย้ายกลับบ้านของ “ราอูล อัลบิโอล” และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ประสบความสำเร็จในการเสริม “เฮอร์วิง โลซาโน่” แนวรุกตัวจี๊ดชาวเม็กซิกัน มาจากพีเอสวี

ด้วยรูปแบบการเล่น ที่เน้นการขึ้นเกมด้านข้าง และเล่นจังหวะฉาบฉวยเร็วในแดนหน้า ทำให้นักเตะคนสำคัญของพวกเขา ยังเป็นตัวเดิมๆ อย่าง “ลอเรนโซ่ อินซิเย่”, “ดรีส เมอร์เท่นส์” และ “อาร์คาเดอุสซ์ มิลิค” ที่เริ่มยิงได้เป็นกอบเป็นกำ หลังสลัดอาการบาดเจ็บออกไปได้

“โฆเซ่ กัลเยฆอน” ที่แม้จะอายุมากขึ้น แต่ยังคงเป็นนักเตะตัวสำคัญ ที่เล่นได้ทั้งด้านข้าง และตรงแดนกลางตามที่อันเช่ปรับใช้งาน “เฮอร์วิ่ง โลซาโน่” เอง ก็น่าจะถูกคาดหวังไม่น้อย แต่ต้องดูว่าจะปรับตัวได้เร็วแค่ไหน

นอกจากนั้น ซีซั่นนี้ ยังถือเป็นปีที่น่าสนใจที่เราจะได้เห็นพัฒนาการนักเตะอย่าง “ฟาเบียน รุยซ์” และ “อามิน ยูเนส” ที่เริ่มแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีผลต่อรูปแบบเกม ในแดนหลัง ข่าวดีคือพวกเขายังเก็บ “คาลิดู คูลิบาลี่” ไว้กับทีม ตัวเสริมอย่าง “คอสตาส มาโนลาส” และ “นิโคล่า มักซิโมวิช” ก็ถูกคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มความแกร่งให้หลังบ้านของพวกเขา

คาดเดาสถานการณ์ :
นาโปลี ออกสตาร์ทด้วยชัยชนะหวุดหวิด 4-3 ต่อฟิออเรนติน่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวรับพวกเขายังมีปัญหา ต้องปรับจูนกันต่อไป ในส่วนเกมรุกเอง พวกเขายังอันตราย และน่าจะมีประตูมากมายมาฝากเช่นเคยในซีซั่นนี้

จุดสำคัญของนาโปลีคือการยืนระยะ พวกเขาต้องพลาดกับทีมเล็กให้น้อยลงในเกมเยือน รวมถึงต้องเน้นให้มากในการเจอกับทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน โดยเฉพาะยูเว่ ที่พวกเขาแพ้แบบไป-กลับ ในซีซั่นที่แล้ว

โดยรวม คิดว่านาโปลีน่าจะทำได้ไม่แย่กว่าซีซั่นก่อน ถ้าจะหวังได้ลุ้นสคูเด็ตโต้ยาวๆ คงต้องลุ้นให้ยูเว่สะดุดบ้าง

อินเตอร์ มิลาน

สถานะที่ผ่านมา :
หลังจากการคว้าแชมป์ 5 สมัยซ้อน สิ้นสุดลงในซีซั่นสุดท้ายเมื่อปี 2009/10 “งูใหญ่” ก็ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด โดยมีหลายปีที่พวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้ไปเล่นใน UCL ด้วยซ้ำไป

กุนซือ :
การกลับมาคุมทีมในอิตาลีอีกครั้งของ “อันโตนิโอ คอนเต้” เจ้าของแชมป์สคูเด็ตโต้ 3 สมัยซ้อนกับยูเว่ ทำให้บรรยากาศของทีมกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความคาดหวังแน่นอนว่าถูกวางไว้สูง กับแผนการเล่นหลัง 3 ตัว พร้อมกับมีตัวริมเส้นที่ดุดัน ไว้ใจได้

นักเตะ :
แม้ปัญหาของกองหน้าดาวซัลโวตลอด 5 ซีซั่นหลังของทีมอย่าง “เมาโร อิคาร์ดี้” จะมาถึงทางตัน แต่การได้ “โรเมลู ลูกากู” มาร่วมทีม ตามที่คอนเต้อยากได้ น่าจะทำให้ประสิทธิภาพเกมรุกของทีมไม่ด้อยลงกว่าเดิม เพราะ “เลาตาโร่ มาติเนซ” อีกหนึ่งกองหน้าอาร์เจนไตน์ ก็ฟอร์มดีวันดีคืน

มิดฟิลด์ด้านข้าง เราน่าจะได้เห็นการกลับมาเกิดใหม่ของ “อันโตนิโอ กันเดรว่า” นักเตะที่คอนเต้คุ้นเคย ตั้งแต่สมัยคุมทีมชาติอิตาลี ตรงกลางก็น่าสนใจ ของเดิมอย่าง “มาร์เซโล่ โบรโซวิช”, “โรแบร์โต้ กาเกลียดินี่” หรือ “มัทธีอาส เวลซิโน่” ดีอยู่แล้ว การเติม “นิโคโล่ บาเรลล่า” เข้ามา น่าจะยิ่งแข็งแกร่ง

ในแดนหลัง “อันเดรีย ราน็อคเคีย” อาจจะกลับมามีบทบาทเยอะอีกครั้ง ตัวฟอร์มดีอย่าง “มิลาน สคริเนีย” กับ “สเตฟาน เด ฟรายจ์” ก็ยังอยู่ แถมยังเสริมจอมเก๋า “ดิเอโก้ โกดิน” มาอีก ถือว่าแน่นปึ้ก

คาดเดาสถานการณ์ :
นอกเหนือจากเรื่องความคงเส้นคงวาแล้ว สิ่งที่ “งูใหญ่” ต้องจัดการ คือการหาผู้เล่นตัวหลักที่ลงตัวโดยเร็ว การออกสตาร์ทด้วยการถล่มเลชเช่ 4-0 ถือเป็นการเปิดหัวได้สวย แต่การบ้านต่อไปของคอนเต้ ก็คือการสานต่อความมั่นใจ และเก็บแต้มให้ได้เยอะๆ ตั้งแต่แรก

เรื่องของ “อเล็กซิส ซานเชซ” ก็น่าจะต้องเร่งเจรจาให้สำเร็จลุล่วง (ตามข่าวล่าสุด น่าจะไม่พลาด) หากได้มาเติมความหลากหลาย และเสริมให้เกมริมเส้นที่เป็นอาวุธเด็ดของแผนการเล่น ลงตัวมากขึ้น อินเตอร์จะเป็นคู่ต่อกรที่น่ากลัวของยูเว่ ในซีซั่นนี้

โรม่า

สถานะที่ผ่านมา :
หากไม่นับซีซั่นที่แล้ว ที่ทีมต้องเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ จนจบได้แค่อันดับ 6 และพลาดกลับไป UCL 5 ปีก่อนหน้านั้น “หมาป่ากรุงโรม” วนเวียนอยู่ในอันดับ 2-3 อยู่ตลอด แถมผลงานใน ฟุตบอลยุโรปก็ไม่เลว เพียงแต่ หากคาดหวังกันถึงการยืนระยะยาวๆ พวกเขายังเป็นรองยูเว่ อยู่หลายช่วงตัว

กุนซือ :
หลัง “ยูเซบิโอ้ ดิ ฟรานเชสโก้” แยกทางไป และมี “เคลาดิโอ รานิเอรี่” เข้ามาขัดตาทัพในช่วงท้ายซีซั่นที่แล้ว ปีนี้โรม่า ตั้ง “เปาโล ฟอนเซก้า” กุนซือโปรตุกีส ที่พา “ชัคตาร์ โดเนตส์” คว้าแชมป์ลีกยูเครน 3 ปีซ้อน เข้ามากุมบังเหียนแทน

ฟอนเซก้า ถือเป็นกุนซือหนุ่ม ที่พึ่งออกมาคุมทีมนอกประเทศกับชัคตาร์ และก็ประสบความสำเร็จเลย กับการมาคุมทีมในลีกใหญ่อย่างเซเรีย อา คาดว่าเขาจะนำเอาความกล้าคิดกล้าทำเข้ามาใช้ แต่เรื่องของการปรับตัวเมื่อต้องเจอความกดดัน จะดีแค่ไหน อันนี้ต้องรอพิสูจน์กัน

นักเตะ :
ฟอนเซก้า ไม่ได้เสริมทีมเข้ามามากมายนัก หากเทียบกับตัวที่ปล่อยไป พวกเขาเสริม “ลีโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า” มาเติมริมเส้น, “อมาดู ดิยาวาร่า” มาเติมกลางรับ หลังปล่อย “ดานิเอเล่ เด รอสซี่” ออกไป และ “เพา โลเปซ” โกล์มือดีจากเบติส ซึ่งน่าจะกลายเป็นมือ 1 ของทีม

ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะทีมเสียมาโนลาสไป แต่ไม่ได้เติมบิ๊กเนมเข้ามา ยกเว้นการยืม “จิอันลูก้า มันชินี่” มาจากอตาลันต้า ซึ่งไม่แน่ใจว่า จะเพียงพอหรือไม่

ในด้านเกมรุกของทีม ความหวังสูงสุดยังเป็น “เอดิน เชโก้” จอมเก๋า ที่ต้องประสานงานร่วมกับ “เซนกิซ อุนแดร์” และ “นิโคโล่ ซานิโอโล่” ดาวรุ่งตัวความหวัง และอาจจะต้องแอบลุ้นซีซั่นที่ 2 ของ “จัสติน ไคลเวิร์ต” ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ยิ่งเมื่อทีมปล่อย “สเตฟาน เอล ชาราวี่” ออกไปแล้ว

คาดเดาสถานการณ์ :
เรื่องความสมดุลของทีม น่าจะเป็นการบ้านใหญ่ที่ฟอนเซก้า ต้องแก้ไขต่อไป เช่นเดียวกับความสม่ำเสมอของนักเตะตัวอื่นๆ นอกเหนือจากเชโก้ ซึ่งมักจะรับบทหนักแบกทีมเกินไป ในด้านการสร้างสกอร์

ตัวรุกดาวรุ่งของทีมทั้ง อุนแดร์, ซานิโอโล่ และไคลเวิร์ต ถือว่าสำคัญ หากพวกเขาโชว์ฟอร์มได้ดี “หมาป่า” น่าจะมีลุ้นยืนระยะได้ แม้สุดท้ายแล้ว โอกาสจะท้าทายแชมป์จะยังไม่น่าทำได้มากมายก็ตาม

อตาลันต้า

สถานะที่ผ่านมา :
ยอดทีมจากแบร์กาโม่ สามารถยกระดับผลงานขึ้นมาได้ยอดเยี่ยม ภายใต้การคุมทีมของ “จิอันเปียโร่ กาสเปรินี่” โดยเฉพาะการพาทีมเข้าไปเล่น UCL ได้สำเร็จ จากการจบอันดับ 4 ในซีซั่นก่อน

การรั้งตัวกาสเปรินี่ ให้คุมทีมต่อ หลังมีข่าวพัวพันกับหลายทีมในช่วงซัมเมอร์ ส่งผลดีต่อทีมแน่นอน เพราะนอกจากจะสานต่อความต่อเนื่อง ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทีม กับฤดูกาลที่ต้องลงเล่นในศึกใหญ่ทั้งใน และนอกประเทศ

กุนซือ :
“จิอันเปียโร่ กาสเปรินี่” ชื่อนี้ไม่ต้องพิสูจน์ฝีมือกันแล้วกับอตาลันต้า รูปแบบการเล่นหลัง 3 ตัว ยังเป็นระบบหลัก ที่ทำให้ทีมเซ็ตอัพเล่นเกมรุกขึ้นไปอย่างมั่นใจ น่าสนใจเหมือนกัน ว่าการที่มีศึกรุมเร้าทั้งเซเรีย อา และ UCL กาสเปรินี่ จะจัดการขุมกำลังได้ดีแค่ไหน

นักเตะ :
หากเทียบกับแมทช์ที่ต้องลงเล่นเพิ่มเติม ก็ถือว่าอตาลันต้าเสริมทัพน้อยไปหน่อย “หลุยส์ มูเรียล” ที่ประเดิม 2 เม็ดในนัดเปิดตัว น่าจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์ ที่จะสร้างความแตกต่างในแดนหน้า ที่นำโดย “ดูวาน ซาปาต้า” ดาวซัลโวของทีม ได้ไม่มากก็น้อย

“อเลฮานโดร โกเมซ” เพลย์เมกเกอร์กัปตันทีม ยังคงบัญชาการเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ร่วมกับ “มาริโอ ปาซาลิซ”, “มาร์เท่น เด รูน” และ “เรโม่ ฟรอเลอร์” ตัวเซ็ตเก่า ที่ยังอยู่กันครบครัน แม้ตัวทดแทนจะดูน้อยเกินไปหน่อยก็ตาม

เกมรับยังคงเป็นปัญหาของอตาลันต้า อยู่บ้าง เพราะเป็นทีมที่ยิงเยอะ แต่ก็เสียเยอะ “โฆเซ่ หลุยส์ ปาโลมิโน่” น่าจะได้ยืนเป็นตัวหลักมากขึ้น ส่วนการเสริมจอมเก๋า “มาร์ติน สเกอร์เทล” เข้าสู่ทีม ก็คงเป็นการช่วยประคองในเรื่องประสบการณ์ในการเล่น UCL มากกว่า

คาดเดาสถานการณ์ :
เชื่อใจในเรื่องสมดุลของทีมที่ยังคงรักษาแกนหลักไว้กับทีมได้ครบ แต่ก็ห่วงเรื่องโปรแกรมเตะ ที่มี UCL เข้ามาให้พะวง และอตาลันต้า ดูจะเสริมทัพเข้ามาน้อยเกินไปซักหน่อย

โอกาสรักษา 4 อันดับแรก เพื่อหวังไปเล่นใน UCL ต่อปีหน้า น่าจะยังพอคาดหวังได้ แต่ถ้าจะให้ลุ้นแชมป์ในระยะยาว เชื่อว่าจะยังทนแรงเสียดทานได้น้อยกว่า ทีมอย่างยูเว่, อินเตอร์ หรือโรม่า

ทีมอื่นๆ ที่อาจจะมีโอกาส

นอกเหนือจาก 4 ทีมที่ลงรายละเอียดไป ก็น่าจะมี “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน และ “อินทรีฟ้าขาว” ลาซิโอ ที่ดูจะเขยิบขึ้นมาใกล้เคียงที่สุด ส่วนทีมอื่นๆ คงยากที่จะเบียดขึ้นมาลุ้นได้

เอซี มิลาน ดูจะมีนักเตะที่ชื่อชั้นดูดี แต่ปัญหาของพวกเขายังคงเหมือนเดิม นั่นคือเรื่องของความสม่ำเสมอ นี่นัดแรกก็พ่ายอูดิเนเซ่ ประเดิมไปเรียบร้อย

กุนซือ “มาร์โก้ จามเปาโล” ที่เข้ามาคุมทีมใหม่ อาจจะมีประสบการณ์ และทำซามพ์โดเรีย มาใช้ได้ แต่หากต้องการจะยกระดับทีม ให้กลายเป็นกลุ่มลุ้นแชมป์ ยังน่าจะยังต้องปรับอีกหลายจุด

แนวรุก ฝากความหวังไว้กับ “คริสตอฟ เพียเท็ค” มากไปหน่อย หากฝืดขึ้นมา แม้จะมีกลางอย่างพวก “ซูโซ่” หรือ “ฮาคาน ชัลฮันโนกลู” ช่วยแบก แต่โดยรวม พวกเขายังขาดทีเด็ดทีขาดอยู่พอสมควร

ลาซิโอ ของ “ซิโมเน่ อินซากี้” มีความต่อเนื่องมากขึ้นในทุกๆ ปี ที่เขาคุมทีม เพียงแต่คุณภาพของนักเตะยังไม่คลิกขนาดที่จะขึ้นมาลุ้นแชมป์ได้ เรื่องการเสริมทีม แม้จะไม่เสียตัวหลักอย่าง “เซอร์เก มิลินโควิช ซาวิช” หรือ “โจอาควิน คอร์เรียอา” ไป แต่ก็ไม่ได้ซื้อตัวที่ยกระดับทีมเข้ามา

ในด้านเกมรุก แม้ “ชิโร อิมโมบิเล่” จะยังคงฮ็อตต่อเนื่อง แต่เขาอาจจะต้องการตัวสนับสนุนมากกว่านี้หน่อย เช่นเดียวกับตัวซัพพอร์ต ที่ลาซิโอ ดูจะขาดแคลนไป ถึง “หลุยส์ อัลแบร์โต้” และคอร์เรียอา จะช่วยเสริมการพังประตู อยู่บ้างก็ตาม

สุดท้ายแล้ว ศึกชิงสคูเด็ตโต้แดนมักกะโรนีจะลงเอยอย่างไร คงต้องรอติดตามกันไปยาวๆ ซาร์รี่จะประเดิมแชมป์ครั้งแรกได้หรือไม่? หรือจะมีตัวละครอื่น ที่ขึ้นมาท้าทายทีมม้าลาย

หากถามผม ในฐานะกองเชียร์ที่ไม่ปักใจเจาะจงเลือกใคร หากมันสูสีขึ้นมา มันก็น่าจะเป็นกำไรของคนดูนะ ว่ามั้ย?

Picture : Metro, The National, 90Min, Donna Glamour, Corriere dello Sport, FanSided, Nss Magazine, Times of India, Sky Sport, Fox Sports, Football Empires, Metropolitan Magazine, Diario AS, ESPN, The Sun, Goal.com, The Telegraph, Stadium Astro, Il Romanista, Twitter, Forzaroma, Calciomercato24, Calcio Atalanta, Rossoneri Blog, Football Nation Radio