บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลด ละ เลิกการสูบบุหรี่มาหลายปีแล้ว โดยถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อ ปี 2004 จากนั้นความนิยมก็เริ่มแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศ อื่น ๆ ในเวลาต่อมา
ด้วยคำเคลมจากหลายสำนักว่า บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดาทั่วไปนั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารอันตรายจากการเผาไหม้บางตัวอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้นั้น ทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้ายอดนิยมขึ้นมาทันที
แม้แต่ในรายงานของ Public Health England ภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุขประเทศอังกฤษยังอธิบายว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดาและเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยเลิกบุหรี่ โดยเป็นการใช้เพื่อป้องกันความทรมานจากความหงุดหงิดเมื่อสมองขาดนิโคติน นำไปสู่การลดปริมาณนิโคตินในน้ำยาที่ใช้ ไปจนถึงการเลิกขาดในที่สุด
แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านิโคติน 0% ที่หลายคนเชื่อกันว่าก็ไม่เป็นอันตรายเพราะไม่มีสารนิโคตินนั้น มีงานวิจัยออกมาชี้แล้วว่าไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบัน Telethon Kids ของ Curtin University และ The University of Western Australia ประเทศออสเตรเลียได้ร่วมกันศึกษาอันตรายของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบปราศจากนิโคตินกว่า 10 ชนิดที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปทางออนไลน์และร้านจัดจำหน่าย
พบว่ามีถึง 6 ชนิดด้วยกันมีนิโคตินปนเปื้อนอยู่ นอกจากนั้นยังพบว่ามีสารเคมีที่เรียกว่า “2-chlorophenol” อยู่ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าด้วย โดยสารเคมีชนิดนี้จัดอยู่ในหมวดพิษเฉียบพลันสามารถพบได้ในยาฆ่าแมลงและสารฆ่าเชื้อต่างๆ
รองศาสตราจารย์ Alex Larcombe หัวหน้าทีมวิจัยเปิดเผยว่าเขารู้สึกประหลาดใจมากที่ค้นพบ 2-chlorophenol แม้จะมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับพบได้ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทั้ง 10 ชนิดที่นำมาทดสอบ
“เรายังพบสารอื่นที่มาจากผลิตภัณฑ์ของสัตว์หรือในร่างกายมนุษย์ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่ากระบวนการทำน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้นอาจไม่สะอาดเท่าที่คาดหวังกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีที่ใช้กันทั่วไปในอาหาร สบู่ ผงซักฟอก รวมถึงส่วนผสมเพื่อช่วยในเรื่องของรสชาติและสารตัวทำละลายด้วย สิ่งเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีคุณสมบัติปลอดภัยต่อการรับประทาน แต่ไม่ทราบว่ากระบวนการให้ความร้อนนั้นทำให้กับองค์ประกอบทางเคมีของส่วนผสมเปลี่ยนหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมันถูกสูดเข้าไปในปอด ”
Larcombe ยังเสริมว่า “สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ไม่มีกฎข้อบังคับกำหนดไว้ในกระบวนการผลิต ฉลากไม่ระบุส่วนผสมระดับเป็นอันตราย แถมยังระบุปริมาณนิโคตินไม่ถูกต้องด้วย หลาย ๆ ครั้งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่รู้ว่ากำลังหายใจอยู่กับอะไร“
นอกจากนั้นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ยังระบุว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบแต่งกลิ่นนั้นไม่ปลอดภัย เพราะมีสารเคมีจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคปอดและโรคหัวใจได้แม้จะไม่มีนิโคตินผสมอยู่ก็ตาม
จากการศึกษาล่าสุดพบว่าในปัสสาวะของเด็กอายุ 16 ปีที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง 5 ชนิดอยู่ในนั้น และบุหรี่ไฟฟ้าบางรุ่นยังปล่อยสารก่อมะเร็งอย่าง “ฟอร์มาลิน” ออกมาเมื่อถูกความร้อนหรือสูดดมเข้าไป
เรื่องข้อดีข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมาพอๆกับช่วงเวลาที่ได้รับความนิยม ซึ่งก็มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สองฝ่ายต่างก็หยิบยกข้อมูลบางด้านมาสนับสนุนความเห็นของตนเอง ทำให้เกิดความสับสนไม่มากก็น้อยว่าสรุปจะเชื่อข้อมูลไหนดี บุหรี่ไฟฟ้าจึงเหมือนกับดาบสองคมที่จะพูดว่าดีก็ได้จะพูดว่าร้ายก็ฟังขึ้น
ในประเทศออสเตรเลียการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ต่างอะไรกับบ้านเรา แต่ก็ยังคงหาซื้อได้ง่ายๆ ตามเว็บไซต์หรือร้านค้าทั่วไป ซึ่งบางครั้งนอกจากนำมาใช้ประโยชน์เพื่อลดความอยากบุหรี่แล้ว มันยังเป็นเครื่องมือสำหรับใช้แสดงออกถึงความโก้ ความเท่ แบบผิดๆ ตามค่านิยมที่วัยรุ่นบางกลุ่มสร้างขึ้นมา
ไม่ว่าคุณจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ตามการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นหนุ่มๆ ควรหาวิธีอื่นลดความอยากบุหรี่จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยจากค่าปรับและสารเคมีเป็นพิษที่มองไม่เห็น