เสียงเพลงเป็นดั่งเครื่องมือชิ้นสำคัญที่ช่วยชูบรรยากาศแสนธรรมดาให้แปรเปลี่ยนเป็น ช่วงเวลาดีๆ ที่ไม่ต้องตีความให้มากเรื่องก็สามารถอินกับมันได้
และในช่วงซัมเมอร์อย่างนี้นอกจากการไปทะเลจริงๆ การฟังเพลงนี่แหละเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการพาตัวเองลงไปดำดิ่งทิ้งตัวอยู่ริมทะเลทั้งที่นั่งอยู่ออฟฟิศ เพียงแค่หยิบหูฟังปิดเสียงรบกวนรอบตัวแล้วเปิดประสาทสัมผัสรับบรรยากาศอบอุ่นสไตล์ซัมเมอร์จากบทเพลงของ
9 ศิลปินอินดี้
พอใช้คำว่าอินดี้ไปบางคนอาจคิดว่าเข้าถึงยาก จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะเพลงอินดี้เป็นแค่ศิลปินที่ทำเพลงนอกกระแสและนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเพลงของเขาไม่เพราะ แต่มันดีตรงการทำเพลงอินดี้ค่อนข้างมีอิสระ ศิลปินจึงสามารถสร้างแนวเพลงใหม่ๆอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะต่างจากตลาดเพลงกระแสหลักที่จะดูฐานคนฟังส่วนใหญ่มากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงได้รักการฟังเพลงอินดี้นั่นเอง เอาละมาดูกันมีใครน่าตามไปเก็บลิสต์เพลงโหลดไว้ฟังยามไปทะเลหรือนั่งเบลอๆ อยู่กับงานในออฟฟิศบ้าง
1. Summer Salt
วงดนตรีอินดี้เล็กๆจากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาพร้อมกับแนวเพลงร็อกแอนด์โรลผสมบอสโนวาชวนขยับแข้งขยับขา ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คน ได้แก่ Matt Terry (ร้องนำ, กีต้าร์), Eugene Chung (กลอง) และ Phil Baier (เบส) เสียงร้องนำอันนุ่มละมุนหูกับจังหวะย้อนยุคกลิ่นอายยุค 50s ทำให้ดนตรีร็อกของ Summer Salt จึงไม่ใช่เพลงประเภทชูความเกรี้ยวกราดตามสไตล์ร็อกแอนด์โรลขนานแท้ แต่เต็มไปด้วยความสบาย ชิล ๆ มีเนื้อเพลงที่เข้าใจง่ายและไม่เล่นประเด็นหนัก
เมื่อความนุ่มของเสียงร้องและท่วงทำนองมาเจอกันได้อย่างลงตัว หลายคนคงตกหลุมรัก
Summer Salt ไม่ยากเพราะไม่ว่าจะหยิบมาเปิดฟังที่ไหนเมื่อไหร่ก็ให้อารมณ์ราวกับนอนเล่นริมสระว่ายน้ำไม่ก็อาบแดดอยู่ริมทะเลทุกที
ปัจจุบันพวกเขาทำเพลงออกมาด้วยกัน 4 อัลบั้ม ด้วยกัน ได้แก่ Driving To Hawaii, Going Native,So Polite และ Happy Camper แต่ก็มีซิงเกิลในช่วงโอกาสพิเศษออกมาอีก 4 เพลงด้วยกันสามารถเข้าไปฟังและสั่งซื้อได้ทาง bandcamp
2. FKJ
FKJ หรือ Vincent Fenton คือศิลปินหนุ่มมากความสามารถจากฝรั่งเศสผู้มากับแนวเพลง อิเล็กทรอนิกส์โซลอันเป็นเอกลักษณ์ยากหาใครมาเปรียบได้ บทเพลงของเขาส่วนใหญ่จะเป็นการอิมโพรไวส์จากเครื่องซินธิไซเซอร์ด้วยการใส่บีทอันลื่นไหลไปผสมผสานกับเครื่องดนตรีจริงไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์, เบส, แซกโซโฟน และเปียโนในสไตล์อาร์แอนด์บี, โซล ,ฟังก์ ,
แจ๊ส ให้มีทั้งหนัก เบา ผ่อนคลายและเร่งเร้าอยู่ในบทเพลงเดียว โดยเขาได้นิยามแนวเพลงของตัวเองว่า French House
นอกจากบทเพลงจะถึงใจคนฟัง ลีลาการแสดงสดของเขาต้องบอกว่าหากใครได้ชมอาจจะมีอึ้งไปเลย คล้ายกับว่าเรากำลังถูกเสียงเพลงพาเข้าเข้าไปสู่โลกอีกใบที่โอบอุ้มด้วยทำนองนุ่ม ๆ แต่ไม่ชวนหลับ
เรามีโอกาสได้ไปดูการแสดงสดของเขาที่ไทยเมื่อปีที่ผ่านมาบอกเลยว่าขนลุกมาก ฝีมือพี่แกเทพจริงอะไรจริง ไม่ว่าจะการมิกซ์เพลงสดๆ ณ ตอนนั้นเดี๋ยวนั้นโดยการนำเสียงคนดูเข้าไปผสมผสานกับเสียงสังเคราะห์ , การหยิบเครื่องดนตรีทุกชนิดมาเล่นด้วยตัวเองเพียงคนเดียวตลอดการแสดง และการค่อยๆได้อันดับอารมณ์ให้เข้ากับเพลง ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด ในคลิปที่ว่าเจ๋งแล้วไม่เท่ากับไปฟังเองจริงๆ
3. Sunset Rollercoaster
วงอินดี้ป๊อบกับไลน์ดนตรีหยาดเยิ้มจากไต้หวัน ซึ่งมีเพลงฮิตแนวป๊อปกรู๊ฟกลิ่นอาย ยุค 80s อย่าง My Jinji ที่ไม่ว่าใครเผลอเข้าไปฟังเป็นอันต้องตกหลุมรักทุกราย
Sunset Rollercoaster ประกอบด้วยสมาชิก 6 คน แต่เล่นเครื่องดนตรีมากกว่า 6 ชิ้น หลัก ๆ มีกีตาร์, อิเล็กทรอนิกแพด, เบส, แซ็กโซโฟน, กลอง และเสียงซินธ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามา โดยหลัก ๆ จะเป็นแนวเพลงอินดี้ป๊อบที่ใส่ซาวด์แบบยุค 80s ลงไปด้วย แต่พวกเขาให้คำจำกัดความแนวเพลงของวงแบบติดตลกว่า Pacific rock
ก่อนหน้าจะออกอัลบั้ม Jinji Kikko ที่โด่งดังจนช่วยจุดประกายเพลงอินดี้ในเอเชียให้บูมขึ้นมา ช่วงแรกเพลงของวงจะมาสายอิเล็กทรอนิก คล้าย ๆ ดีเจ จนมาเริ่มอินกับเพลงยุค 80s ไปจนถึงร็อกยุค 60s-70s เพลงในอัลบั้มBossa Nova ก็เลยไปแนวๆ นั้น
แต่มาอัลบั้มหลังพวกเขาอยากเปลี่ยนแนวเพื่อความแปลกใหม่และก็ปิ้งไอเดียหยิบความที่สมาชิกในวงเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ มาเขียนเพลงแนวชิลมิวสิคขึ้นมา ซึ่งนับว่าแก้เกมส์ได้ถูกทางจริงๆ
4. Tom Misch
โปรดิวเซอร์ นักร้อง และนักดนตรีหน้าใหม่จากลอนดอนแต่มากไปพรสวรรค์ด้านดนตรี จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศิลปินที่น่าจับตามองมากที่สุดตอนนี้ ด้วยการคว้าคะแนน 4 เต็ม 5 ดาวจากนิตยสาร NME จากผลงานอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตอย่าง Geography
Tom Misch ถือเป็นศิลปินขนานแท้ที่เล่นดนตรีได้หลากหลายไม่แพ้ FKJ ซึ่งนั่นแหละที่เป็นวัตถุดิบชั้นเริ่ดที่ทำให้เพลงของเขามีเสน่ห์ของดนตรีหลายๆแนวผสมผสานกันไประหว่างบีทสนุกๆ จากดนตรีแนวฮิปฮอป เข้ากับดนตรีฟังก์และนีโอโซลแต่ก็ยังมีความเนี๊ยบแบบดนตรีคลาสสิกแฝงอยู่ทุกอณูเมโลดี้
ก่อนหน้าจะโด่งดัง เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีด้วยการมิกซ์และทำเพลงปล่อยใน SoundCloud ออกมานับไม่ถ้วน แถมยังได้รับกระแสตอบรับอย่างดีถึงขั้นได้ร่วมงานกับ Honne, FKJ, และ Loyle Carner รวมถึงขึ้นเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลกมาแล้ว
เราลงรักเพลง Movie ของเขาอย่างหัวปักหัวปลำตั้งแต่ประโยคพูดช่วงอินโทรขึ้นและเมื่อขยับมาเป็นท่อนเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าอันหนักแน่นผสมผสานกับบีทจังหวะเนิบๆ เราก็ต้องขอคารวะสมัครตัวเป็นแฟนคลับทันที ซึ่งเมื่อตามไปฟังเพลงอื่น ๆ รวมถึงเพลงเก่า ๆ ใน SoundCloud ที่เขาเคยลงไว้ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ทุกเพลงที่เขามิกซ์ เขาแต่งมันมีดีเทลที่เป็นเสน่ห์ฉบับเฉพาะของศิลปินวัย 20 ต้นๆ คนนี้
5. The Marías
วงอินดี้ป๊อปจาก LA ผู้มาพร้อมกับบทเพลงหวานเยิ้ม เข้าถึงง่ายและเข้ากันได้ดีกับเสียงร้องหวาน เนิบๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของ María นักร้องนำและมือกีต้าร์ของวง แรกเริ่มในวงมีเพียง María และ Josh Conway สามีของเธอที่รั้งตำแหน่งโปรดิวเซอร์ มือกล้องและเสียงคอรัส
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทาบทามสมาชิกอีกสามคนที่เก่ง ๆ มาช่วยงานทางด้านดนตรีและการบันทึกเสียงต่าง ๆ ตอนนี้ในวงจึงประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 5 คนด้วยกัน โดยมี Carter Lee (มือกีต้าร์เบส/เสียงคอรัส ) , Jesse Perlman (ลีดกีต้าร์/เสียงคอรัส) และ Edward James (คีย์บอร์ด/เสียงคอรัส)
แนวเพลงส่วนใหญ่ของวงนี้จะเป็นอินดี้อัลเทอร์เนทีฟที่ได้รับอิทธิพลมาจาก แจ๊ส , ไซเคเดลิกโซล และฟังก์ที่มีความป๊อป ความฟังง่ายอยู่ด้วย ถึงจะไม่ได้มีจังหวะสนุก เป็นแนวฟังเรื่อยๆ ฟังก่อนจะนอนน่าจะเหมาะ แต่เราว่าการนำเครื่องเป่ามาบวกเข้ากับเสียงหวาน ๆ ฟังเพลินของนักร้องนำแล้วทำให้เรารู้สึกคิดถึงทะเลยามเย็นกับเสียงคลื่นกะทบฝั่งขึ้นมาทันที มันเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้แต่ต้องลองหลับตาฟังเอาเอง และคุณจะรู้สึกเหมือนได้กลิ่นไอทะเลจางๆ ทั้งที่นั่งอยู่ออฟฟิศ
6. Far Caspian
วงอินดี้น้องใหม่จากเกาะอังกฤษที่ใหม่กิ้งยังไม่คุ้นชื่อไม่คุ้นหูอย่างแท้จริง แต่ฝีไม้ลายมือด้านดนตรีนั้นจัดจ้านไม่เบาเลย โดยพวกเขานิยามแนวเพลงของวงว่า Melanjolly ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างตีความรู้สึกซึมเศร้ามาผสมผสานเข้ากับความสนุกสนานเป็นเพลงอินดี้ป๊อบกลิ่นอายย้อนยุค ฟังง่ายมีจังหวะพอให้โยกหัวตามได้
แรงบันดาลใจในการทำเพลงของพวกเขาเป็นการหยิบช่วงยุครุ่งเรืองของดนตรีร็อกแอนด์โรลมามิกซ์กันเป็นฉบับเฉพาะสไตล์ดนตรีแบบ Far Caspian ไม่ว่าจะเป็นเสียงกลองจากยุค 70s เสียงกีต้าร์จากยุค 80s และเสียงแหบเสน่ห์ของนักร้องนำที่ชวนให้คิดถึงยุค 2000s เมื่อ 3 สิ่งนี้มารวมกันแล้วกลับกลายเป็นความกลมกล่อมที่เข้ากันได้อย่างพอดี
Far Caspian มีสมาชิกในวงทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Joel Johnston(ร้องนำ,กีต้าร์), Jof Cabedo (กลอง,คอรัส), Alessio Scozarro (เบส, คอรัส) และ Nath Sayers (กีต้าร์) ซึ่งพวกเขาเป็นเพื่อนกันในสมัยเรียนวิทยาลัยดนตรี พอเรียนจบก็ตัดสินใจทำเพลงด้วยกัน โดยตอนนี้ก็ปล่อยออกอัลบั้มแรก BetweenDays ออกมาเรียบร้อยแล้ว
Johnston ได้กล่าวถึงอัลบ้มนี้ของเขาว่า “ฟังอัลบั้มนี้เมื่อคุณรู้สึกแย่ขณะขับรถยามดึกบนท้องถนนไม่ก็ขณะพร้อมสำหรับออกไปเดทหรือไปพบเพื่อน” ถึงจะเป็นวงน้องใหม่แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีว่าท่วงทำนองโศกเศร้าและเนื้อร้องราวบทกวีแต่กลับมีจังหวะสนุกนั้นช่วงเข้ากันเหลือเกิน
7. Phum Viphurit
ไม่พูดถึงคนนี้ไม่ได้จริงๆ สำหรับศิลปินอินดี้ป๊อปสัญชาติไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง ภูมิ วิภูริศ ศิริทิพย์ หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นเสียงศิลปินคนนี้มาบ้างจากซิงเกิลเปิดอัลบั้มที่ 2 อย่าง Lover Boy ที่มาพร้อมจังหวะสนุกๆ เนื้อเพลงสุดหวานและ MV ที่เนรมิตพัทยาให้เหมือนไมอามี่ โดยเขาเรียกแนวดนตรีนี้ของตัวเองว่า Sunshine Music เพราะรู้สึกว่าปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืนนั้นบาลานซ์กับชีวิตของคน
แต่ก่อนภูมิจะหันมาทำเพลงแนวนี้เขาเคยจับเพลงแนวอินดี้โฟล์กที่เน้นใช้กีตาร์อะคูสติกมาตั้งแต่สมัยยังทำเพลง Cover ลง YouTube ตอนเรียนอยู่นิวซีแลนด์ ก่อนจะกลับมาไทยและปล่อยอัลบั้มแรกชื่อ Manchild กับทางค่าย Rats Records โดยมีเพลง Long Gone เป็นเพลงฮิตที่จุดประกายให้เขากลายมาเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอินดี้ทั่วโลก
เมื่อเวลาผ่านไปการได้ลองทำเพลงเรื่อยๆ ทำให้ซาวด์ดนตรีของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนตามโดยเป็นผสมผสานระหว่างนีโอโซลค่อนๆ ไปทางอัลเทอร์เนทีฟนีโอโซลแต่มีพาร์ทดนตรีอินดี้ป๊อปอยู่ ซึ่งเขาวางคอนเซ็ปต์ให้เป็น Hazy Sunshine และ Moonlight Pop เพลงอัลบัั้มที่ 2 จึงออกมาในแนวสดใส ขี้เล่น แอบมีกลิ่นทรอปิคอล สายลมและแสงแดดหน่อยๆ เหมือนกับการเล่าเรื่องราวเวลาไปเจอคน เจอเรื่องต่างๆ ออกมาให้สนุกกว่าเดิม ต่างจากอัลบั้มแรกที่เปรียบเสมือนการเล่าไดอารี่ของตนเองลงไปผ่านบทเพลง
8. temp.
ต่อกันด้วยวงอินดี้ไทยหัวใจสากลอีกวงที่กลิ่นอายของบทเพลงเป็นแนวทรอปิคอลป๊อป มีความชิล ๆ เรโทรหน่อยๆ ฟังแล้วชวนให้จินตนาการล่องเหมือนเห็นหาดทรายขาวกับน้ำทะลสีครามลอยมาใกล้ๆ ซึ่งพวกเขานิยามแนวเพลงของตัวเองว่า วิตถารป๊อป เพราะมีความสดใส อบอุ่น แต่ก็ขี้หลีหน่อยๆ
จุดเริ่มต้นของวง temp. มาจากกลุ่มเพื่อน 5 คน ในวงการเพลงอินดี้ที่ได้ไปข้องเกี่ยวกันในการทำงานได้แก่ น็อต(เบส) จากวง Jofax นิค (ร้องนำและแต่งเพลง) จากวง Part Time Musicians ,แปม(กลอง) จากวง Summer Dress, แดน(ทรัมเป็ต) จากวง Jinda John และ อุณ (กีตาร์) จากวง Part Time Musicians กับ electric.neon.lamp เมื่อคนคอเดียวกันโคจรมาเจอกันเลยรู้สึกถูกตาต้องใจอยากตั้งวงขึ้นมาเพื่อเล่นดนตรีแนวป๊อปบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่ประเทศโซนร้อน
นอกจากแนวดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์แบบที่คนฟังรู้ทันทีว่าเป็นเพลงวง temp. คำร้องภาษาอังกฤษประกอบกับจังหวะไม่เร็วไม่ช้าจนเกินๆไป ที่ขับร้องด้วยเสียงนุ่มทุ้มของนิค ทำให้บรรยากาศของเพลงอบอุ่นละมุนละไม ชวนเปิดคลอเบาๆระหว่างขับรถหน้าร้อนเพื่อเติมความเย็นของเสียงเพลงดับความร้อนในใจ ไม่ก็เปิดขณะนอนอาบแดดอยู่ริมทะเลกับแฟนก็เพิ่มความสวีทได้ไม่น้อย
9. Jakob Ogawa
มาถึงศิลปินคนสุดท้าย Jakob Ogawa หนุ่มน้อยวัย 20 ปีชาวนอร์เวย์ที่มาพร้อมกับเสียงนุ่มชวนฝันและสไตล์การร้องอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้เราเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงรักสไตล์อินดี้-ป๊อปและซาวด์เท่ ๆ มีสัมผัส R&B แบบที่เขาถนัด
ไม่ว่าจะเพลง All Your Love หรือซาวด์น่ารัก ๆ อย่างเพลง You’ll Be On My Mind ที่ฟังแล้วนึกถึงความรักริมชายหาดกับต้นมะพร้าวพริ้วสไหวไปมาตามสายลม และเพลง You Might Be Sleeping ที่ชวนนึกถึงบรรยากาศตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมมีคนรักอยู่ข้างๆ
ถึงส่วนใหญ่เนื้อเพลงเขามักชอบพูดถึงความรักโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้หวานเลี่ยนจนเกินไป เขากลับนำเสนอซาวด์ดนตรีที่น่าสนใจ มีท่อนเท่ๆ ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ย้อนยุคกับเสียงกีต้าร์สุดเซ็กซี่ชวนอดเคลิ้มตามไม่ได้ โดยถ่ายทอดออกมาผ่านเนื้อร้องสั้นๆ เข้าใจง่าย เพลงของเขาส่วนใหญ่จึงไม่ได้ยาวถึง 4 นาที และเมื่อมันถูกเล่าออกมาด้วย MV แนวเรโทรทุกอย่างจึงดูกลมกล่อมไปหมด