จังหวะนั้นถือว่าเป็นหัวใจในการเล่นดนตรี หากไม่มีจังหวะแล้วละก็รับรองเพลงที่เล่นกับวงก็ดีหรือคนเดียวก็ดีมีหวังคนฟังได้ปรบมือคร่อมจังหวะแน่นอน ดังนั้นการฝึกเล่นดนตรีให้ตรงจังหวะนั้นสำคัญมาก
Soundbrenner Core เป็นนาฬืกาที่ใช้การระดมทุนจาก Indiegogo โดยผู้ริเริ่มคือ Florian Simmendinger จาก Los Angeles ซึ่งตัวนี้เป็นรุ่นต่อจาก Soundbrenner pulse ตัวอุปกรณ์มีระบบนับจังหวะหรือ Metronome และคำสั่งอื่นๆอยู่ด้วย ซึ่งเจ้า Soundbrenner Core ตัวนี้มีการนับจังหวะที่แม่นยำสามารถใช้งานได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมด้วยตัวเองหรือการแสดงดนตรีบนเวทีก็สามารถให้จังหวะได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สามารถใช้งานร่วมกับมือถือได้ผ่าน App The Metronome by Soundbrenner ได้ทั้ง IOS และ Android ได้อีกด้วย
คุณสมบัติของ Soundbrenner Core
- ระบบนับจังหวะแบบสั่น 7 ระดับ
- มีระบบตั้งเสียงได้กับเครื่องดนตรี กีตาร์ เบา อะคูเลเล่และไวโอลิน
- วัดค่าความดัง
- มีระบบบอกเวลานาฬิกาในตัว แจ้งวันเวลา-ระบบแจ้งเตือน-นาฬิกาจับเวลา
- สามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ถึง 5 ตัว
- สามารถเชื่อมต่อกับ Backing Track ได้
- ใช้งานนานถึง 3 วัน
- ระบบกันน้ำแบบ IP66
ระบบตัวเรือนนั้นก็มีหน้าจอขนาดพอเหมาะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีตัวเลขบอกสถานะของเมนูด้วยไม่ว่าจะอยู่ที่คำสั่งใด หากไม่ใช้เมนูตั้งสายหรือตัวจับจังหวะก็มีเมนูบอกเวลาอยู่เช่นกัน มีปุ่มกดเมนูที่ไม่ซับซ้อนและมีระบบเซ็นเซอร์ไฟ LED แจ้งเตือนจังหวะอีกด้วยรวมไปถึงไมค์รับเสียง ตัวเรือนมาพร้อมกับสายรัดข้อมือซิลิโคนอย่างดี
สำหรับหน้าจอในเมนูคำสั่งตัวนับจังหวะนั้นก็ดูได้ชัดเจน มีตัวเลขบอกระดับของจังหวะ จำนวนห้องของดนตรี ซึ่งจุดนี้ก็สามารถหมุนวงแหวนรอบนอกเพื่อเปลี่ยนจังหวะได้ ด้วยตัวเรือนพัฒนามาต่อจากรุ่น Pulse ก็ไม่พลาดที่จะมีวงแหวนไฟ LED บอกจังหวะด้วยเช่นกันและตัวเรือนมีแถบแม่เหล็กสามารถถอดแยกจากสายนำไปติดในจุดอื่นๆได้ด้วย
ในส่วนของเมนูการตั้งสายหรือเสียงของเครื่องดนตรีขนิดต่างๆ หน้าปัดก็จะแสดงคีย์ของเครื่องดนตรีที่จะตั้งว่าอยู่สายไหนเป็นเสียงเสียงของคอร์ดใด สามารถปรับย่านความถี่ได้ที่วงแหวนรอบนอก
ในส่วนของเมนูสุดท้ายคือเมนูวัดระดับเสียงนั่นเองตัวเรือนจะทำการบอกว่าเสียงที่กำลังรับอยู่นั้นมีความดังอยู่เท่าไรดังเกินไปหรือไม่ ตัวนาฬิกาจะสั่นรวมไปถึงไฟ LED กระพริบหากมีเสียงที่ดังเกินไป
ค่าตัวของ Soundbrenner Core เริ่มต้นอยู่ที่ $179 หรือประมาณ 5,400 บาท (ขึ้นอยู่กับค่าเงินในช่วงเวลานั้นๆ) สามารถพรีออเดอร์กันได้แล้วสำหรับชุดแรกที่จะทำการจัดส่งนั้นอยู่ในช่วงเดือน พ.ย. 2562 นี้ แต่ทั้งนี้หากทำการจัดส่งนอกเหนือจากอเมริกาหรือทางยุโรปอาจจะมีเสียภาษีนำเข้าด้วยนะครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่